ชื่อของ “ผู้กองนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย น่าจะเป็นนักการเมืองร้อนแรงที่สุดในยุคนี้ เพราะหยิบจับทำอะไรเป็นต้องกลายเป็นข่าวดังไปหมด ด้วยเหตุที่เป็นหัวหน้าพรรคขนาดเล็ก แถมยังมีสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับผู้จัดการรัฐบาลอย่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ หนำซ้ำรัฐบาลเรือแป๊ะของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ แม้จะแยกทางเดินกับทางร.อ.ธรรมนัสชนิดไม่เผาผีกันแล้ว แต่เพื่อให้รัฐบาลเรือแป๊ะมีเสถียรภาพที่เข้มแข็งเสียงไม่ปริ่มน้ำ ยังไงก็ต้องง้อขอเสียงจากพรรคผู้กอง ต่อให้พล.อ.ประยุทธ์กับร.อ.ธรรมนัสจะไม่ลงรอยกันยังไง แต่ต่างฝ่ายต่างก็ต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันไม่ต่างจาก “น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า” แม้หลายครั้งพรรคเศรษฐกิจไทยถูกมองว่าขี่คอรัฐบาล เพราะตัวผู้กองและแกนนำพรรคเองมักออกมาให้ข่าวในทำนองขย่มพรรคพลังประชารัฐเขย่าขวัญรัฐบาลอยู่บ่อยครั้ง
ล่าสุดตัวร.อ.ธรรมนัสเองก็ออกมาโหมโรงกรณีพรรคฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามรัฐธรรมนูญ ม.๑๕๑ โดยจับพล.อ.ประยุทธ์พร้อมรัฐมนตรี ๑๐ คนขึ้นเวทีในศึกซักฟอก ในทำนองเป็นห่วงว่ารัฐบาลจะเจอศึกหนัก ตัวนายกฯและรัฐมนตรีหลายคนที่ตกเป็นเป้าอาจชี้แจงข้อมูลไม่เคลียร์ เพราะฉะนั้นพรรคเศรษฐกิจไทยจึงสงวนสิทธิ์ขอฟังข้อมูลก่อน จากนั้นค่อยตัดสินใจว่าจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับญัตติที่ฝ่ายค้านเสนอ “ เราเป็นพรรคการเมือง เรื่องแบบนี้คงต้องฟังเนื้อหาที่ฝ่ายค้านอภิปรายเสียก่อน ถ้าเสียหายต่อประเทศ เราลงมติไม่สนับสนุนแน่นอน ทุกคนดูน่าเป็นห่วงหมด ยกเว้น พล.อ.ประวิตร เพราะไม่ได้กำกับกระทรวงไหนเป็นหลัก ทั้งนี้ผมเคยเป็นรัฐมนตรีมาก่อนพอทราบว่ารัฐมนตรีแต่ละคนเป็นอย่างไร ก็ถือว่าน่าเป็นห่วง” ผู้กองออกโรงเขย่าขวัญรัฐบาล
ในวงการทุกคนคงทราบดีว่าร.อ.ธรรมนัสคือน้องรักน้องเลิฟของบิ๊กป้อม ก่อนหน้านี้สมัยอยู่ในพรรคพลังประชารัฐร.อ.ธรรมนัสเคยถูกพล.อ.ประวิตรวางตัวให้เป็นถึงเลขาธิการพรรค กะให้ช่วยงานทางการเมืองกันยาวๆ แต่ด้วยบุคลิกลักษณะเป็น นักเลงการเมือง ขวานผ่าซาก เป็นคนยอมหักไม่ยอมงอ ใจร้อนโผงผาง เลยทำให้ช่วงที่อยู่ในพรรคพลังประชารัฐมีข่าวลือหนาหูว่าผู้กองไม่ลงรอยขัดแย้งกับแกนนำพรรคหลายคน อาทิ “เสี่ยแฮงค์” อนุชา นาคาศัย อดีตเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ “เสี่ยสันติ” สันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐคนปัจจุบัน “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น ผู้อำนวยการพรรคพลังประชารัฐ ฯลฯ ในหลายเรื่องหลายประเด็นชนิดมีการกินแหนงแคลงใจกันมาตลอด แต่ที่แตกหักกันสุดๆชนิดผีไม่เผาเงาไม่เหยียบ ก็คงเป็นเรื่องราวที่ขัดแย้งแทงหลังกับบิ๊กตู่ จนกลายเป็นมหากาพย์ลากยาวข้ามปี ไล่ตั้งแต่ งอแงที่ไม่ได้ขึ้นชั้นอวยยศเป็นรัฐมนตรีเกรดเอ สร้างสตอรี่แจกกล้วยหาเสียงพรรคเล็กล้มนายกฯกลางสภาระหว่างระหว่างศึกซักฟอกปี ๒๕๖๔ เรื่อยมาจนถึงการถูกกล่าวหาจากนายกฯว่าไม่เป็นสุภาพบุรุษปล่อยข่าวเรื่องเจ้านายไม่เอาผู้นำประเทศ จนกลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายก่อนแตกหักถูกปลดพ้นความเป็นรัฐมนตรี ปลิวจากเก้าอี้รมช.เกษตรและสหกรณ์พ้นครม.เรือแป๊ะ จากนั้นก็ระหองระแหงกันมาอีกหลายเรื่องหลายยก ก่อนพรรคพลังประชารัฐมีมติขับร.อ.ธรรมนัสกับพวกรวม ๒๑ คนพ้นออกจากพรรค
แต่ร.อ.ธรรมนัสก็ยังมีทางไปไม่มีวันอับจนทางการเมือง เพราะยกโขยงส.ส.๑๘ คนมาตั้งพรรคเศรษฐกิจไทย ก่อนเทียบเชิญ “บิ๊กน้อย” พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐไปเป็นหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย ขณะที่ตัวเองก็เป็นเลขาธิการพรรค แต่อยู่กินกันไม่นานหม้อข้าวยังไม่ทันดำ ร.อ.ธรรมนัสก็หักดิบพล.อ.วิชญ์จนเกิดเป็นความขัดแย้งขึ้นมาอีก ที่สุดบิ๊กน้อยยอมไขก๊อกออกจากการเป็นหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทยหลังกรรมการบริหารพรรคเกินครึ่งทยอยลาออก ฝ่ายผู้กองอัดนายเก่าว่าไม่ประสาการเมืองเป็นทหารพอไหวแต่เป็นนักการเมืองไม่ได้เลย ขาดมติกว้างลึกเขี้ยวไม่พอที่จะลงมาแก้ปัญหาให้ชาวบ้าน ฝ่ายบิ๊กน้อยก็ไล่ตะเพิดผู้กองลูกน้องเก่า ทำอะไรไม่เคยเห็นหัวลับหลังไปพูดจาเจรจากับใครตัวเองไม่เคยรู้ ที่สำคัญตั้งหน้าตั้งตาล้มประยุทธ์คว่ำรัฐบาลอย่างเดียวไม่เคยสนใจเรื่องชาวบ้าน ที่สุดต่างฝ่ายต่างแยกทาง บิ๊กน้อยกลับไปตายรังขอช่วยพล.อ.ประวิตรเพียวๆ ขณะที่ผู้กองธรรมนัสก็ขยับตัวเองขึ้นชั้นมาเป็นหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทยคนใหม่สดๆร้อนๆ เมื่อไม่นานที่ผ่านมา
เส้นทางร.อ.ธรรมนัสจะเป็นอย่างไร อนาคตพรรคเศรษฐกิจไทยจะสดใสหรือไม่ ทำนายตอนนี้คงลำบากเพราะภายภาคหน้ายังมีตัวแปรอีกมาก แต่ดูทรงจากที่เข้าไปพรรคไหนแล้วป่วนตลอดอยู่กับใครไม่ได้นาน ประกอบกับเป็นสไตล์นักการเมืองร้อนแรงเข้ากับคนยาก ทรงมวยประมาณ “นักการเมืองสายล่อฟ้า” มีเรื่องหักเหลี่ยมงัดข้อกับเขาไปทั่ว ก็คงลำบากที่จะไปร่วมงานกันใคร ตัวอย่าง แทงหลังบิ๊กตู่งัดข้อบิ๊กน้อยก็มีให้เห็นเป็นตำนานกันอยู่ ก่อนหน้านี้ก็วิวาทะกับ “เสี่ยโอ๋” ชัยวุฒิ ธนาคมนุสรณ์ รมว.ดิจิทัล เรื่องจะกลับพรรคชักเข้าชักออก ล่าสุดก็ตกเป็นมือมืดถูกเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าเป็น “ผู้มีบารมีนอกพรรคฝ่ายค้าน” ที่เขี่ยลูกดีดชื่อสุชาติให้อยู่ในญัตติฝ่ายค้าน เท็จจริงไม่มีใครรู้แต่ผู้กองออกมาปฏิเสธไม่มีเอี่ยวแต่อย่างใด มีมิตรเป็นหมื่นแต่ศัตรูเป็นแสน เข้าแก๊งค์ไหนหัวหน้าตายหมด เป็นอย่างนี้สงสัยต้องเป็นหัวพรรคเองไปยาวๆ ไปร่วมกับใครคงยากผสมกับใครก็ลำบาก เพราะทุกพรรคก็คงเข็ดขยาดกับความเปรี้ยวเขี้ยวลากของผู้ยิ่งใหญ่แห่งกว้านพระเยา
อย่างไรก็ตามมีเรื่องให้น่าคิดเช่นกันว่าอนาคตพรรคเศรษฐกิจไทยของผู้กองจะไปได้ไกลแค่ไหน อย่าลืมว่าการวางตำแหน่งพรรคเป็นอิสระลอยไปลอยมาแบบนี้ ไม่เข้ากับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแบบนี้ อาจจะดูเท่ห์ดูสะใจที่ได้ข่มขวัญรัฐบาลหลอกหลอนพล.อ.ประยุทธ์ แต่ถ้าหลังไม่พิงเก้าอี้รัฐมนตรีไม่มีรัฐบาลเรือแป๊ะเป็นแบ็ก ถามว่าพรรคเศรษฐกิจไทยจะหาน้ำเลี้ยงจะเอากระสุนมาจากไหนในการทำการเมือง ยอมรับว่าผู้กองมีเงินมหาศาลมีทรัพย์สินมากมาย แต่ใช้อย่างเดียวไม่มีหาเข้าอีกหน่อยก็คงหมดกระเป๋า แถมอนาคตเลือกตั้งทั่วไปคราวหน้าผู้กองประกาศเป้าหมายพรรคได้ส.ส.อย่างน้อย ๒๕ คน ถามว่าจะเอาเงินเอาทุนเอาเสบียงมาจากไหน ทำการเมืองแบบ “ข้าหลายเจ้าบ่าวหลายนาย” เดินเกมส์ “นกสองหัว” แบบนี้ไปเรื่อยๆ ศรัทธาของชาวบ้านจะหดหายความเชื่อมั่นในตัวคนในตัวพรรคจะเป็นศูนย์ อยู่ข้างนู้นทีย้ายมาข้างนี้ทีแบบไม่มีจุดยืนเบื้องหน้าจะลำบาก พรรคพลังประชารัฐก็ไม่รับพรรคเพื่อไทยก็แคลงใจอยู่ข้างหน้ากันแน่ จะฝ่ายประยุทธ์ขั้วลุงป้อมหรือฝั่งอุ๊งอิ๊งพวกทักษิณก็ต้องเอาให้ชัด กั๊กๆไปแบบนี้ไม่ได้กับตัวเอง
ล่าสุดก็ถูก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ออกมาตำหนิเรื่องไม่เป็นโล้เป็นพาย ไม่รู้อยู่ข้างไหนกันแน่ “ส่วนข้อมูลที่มีจะล้มพล.อ.ประยุทธ์ ได้หรือไม่ ยอมรับว่ายาก เพราะการอภิปรายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 ที่ผ่านมาเห็นชัดเจนว่ารัฐบาลมีเสียงสนับสนุนจาก ส.ส.เพิ่มขึ้น เพราะแจกกล้วยแลกกับเสียงสนับสนุน แม้กระทั่งพรรคเศรษฐกิจไทยของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าท้ายที่สุดแล้วจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ต่อไปอีกหรือไม่ ผมไม่อยากพูดเรื่องนี้อีกเพราะ ร.อ.ธรรมนัส มักจะกลับคำพูดไปมา เห็นได้ชัดว่าหลายเรื่องที่ผมเคยอภิปราย พล.อ.ประยุทธ์มาแล้ว มีหลักฐานชัดเจนแต่ไม่สามารถทำอะไร พล.อ.ประยุทธ์ได้” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ฟาดเบาๆ
“นกสองหัว-หมาสองราง” ไม่มีทางได้ดี จะอยู่กับรัฐบาลหรือฝ่ายค้านต้องฟันธงลงไปให้ชัด เหยียบเรือสองแคมหาผลประโยชน์จาก ๒ ฝ่ายแบบนี้ไปเรื่อยๆ จะไม่สมศักดิ์ศรีนักเลงการเมืองเอา ที่คิดว่าตั้งพรรคใหม่ไปได้ด้วยตัวเอง บางทีมันไม่แน่หรอกครับนาย แตกตัวออกไปสร้างบ้านใหม่เจ็บตายมาเยอะแล้วถ้าไม่แน่จริง คนต้องพร้อม เงินต้องถึง กระแสพรรคต้องได้ แบบนี้ถึงจะไปได้ไกลจริง ถามตรงๆวันนี้พรรคเศรษฐกิจไทยของผู้กองมีอะไรดีใช้อะไรเป็นจุดขาย ก่อนหน้านี้ออกข่าวเตรียมทาบ ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรมว.คลังยุคยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กับ มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ อดีตหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ ยุคลุงหมัก มานั่งเป็นทีมเศรษฐกิจออกข่าวเสียใหญ่โต ถึงเวลาก็ล่องจุ๊นเพราะมิ่งขวัญฉีกไปตั้งพรรคโอกาสไทยของตัวเอง ส่วนธีระชัยก็ปฏิเสธที่จะมาร่วมงานสุดท้ายก็เอวังด้วยประการฉะนี้ ขณะที่อนาคต ๑๖ ส.ส.ลูกพรรคที่อยู่ในมือก็ไม่รู้จะได้กลับมาสภาหมดครบหรือป่าวยังไม่รู้ ประการแรกอย่าลืมว่าคราวที่แล้วทั้งหมดชนะการเลือกตั้งส.ส.เขตครั้งแรก ตอนนั้นลงสมัครในนามพรรคพลังประชารัฐได้กระแสความนิยมของพล.อ.ประยุทธ์เป็นตัวหนุน มารอบนี้สังกัดพรรคเศรษฐกิจไทยถามว่าจะชูใครเป็นนายกฯ จะเอาอะไรไปขายกับชาวบ้าน
ประการที่สองไม่ได้เป็นรัฐบาลไร้บารมีรัฐมนตีไม่มีอำนาจรัฐหนุนหลัง ข้าราชการที่ไหนจะฟังใครจะไปเชื่อหาเสียงกับชาวบ้านแต่ไม่ได้เป็นรัฐบาลแล้วคนที่ไหนใครจะไปเลือก ประการสุดท้ายออกจากพรรคพลังประชารัฐแล้วอย่าคิดว่าการเลือกตั้งมาถึงแล้วจะสบาย อดีตเคยแข่งเคยสู้แต่กับพรรคเพื่อไทยแย่งกันไม่กี่พรรค แต่รอบหน้านี้หนาวแน่เพราะต้องแข่งกับพรรคเก่าอย่างพรรคพลังประชารัฐที่พร้อมส่งคนรักษาฐานที่มั่นเก่า หรือคู่แข่งเดิมอย่างพรรคเพื่อไทยที่คงไม่มีการหลีกทางให้แน่ ขณะที่พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคก้าวไกลก็พร้อมคว้าพุงปลาแบ่งเค้กไปกิน นี้ยังไม่รวมพรรคใหม่ๆที่ตั้งเป้ามาแย่งเก้าอี้ส.ส.แบ่งเค้กอีกเพียบ พรรคใหม่มาแรงไทยสร้างไทยของเจ๊หน่อย พรรค ๒ กุมารของอาจารย์สมคิด ฯลฯ ถามว่าผู้กองไปเอาความมั่นใจมาจากไหนพรรคเศรษฐกิจไทยรู้ได้อย่างไรว่าจะได้ส.ส.เท่าเก่าหรือได้ผู้แทนมากกว่าเดิม นับถอยหลังเลือกตั้งอีกไม่นานจะมาถึงถึงตอนนั้นค่อยมาดูกันว่าร.อ.ธรรมนัสจะมีฝีมือเพียงใดบารมีขนาดไหน และพรรคเศรษฐกิจไทยจะได้ส.ส.เท่าไหร่จะไปได้กี่น้ำ หากเดินการเมืองด้วยวิถีทางแบบนี้
///////////////////////