“พิชัย” ห่วงไทยเหมือนศรีลังกา แนะ “นายกฯ” เก็บเงิน LPG ที่ส่งเปโตรเคมี

“พิชัย” สอน “ประยุทธ์” เก็บเงินจากก๊าซ LPG ที่ส่งเข้าอุตสาหกรรมเปโตรเคมี กก. ละ 5-8 บาทได้เงินเป็นหมื่นล้าน ทำได้ทันที ชี้ ออก 8 มาตรการแทบไม่ช่วยเหลือประชาชนแถมเป็นการซ้ำเติม ติง กลัวไทยเป็นเหมือนศรีลังกา

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า สถานการณ์เศรษฐกิจของไทยยังน่ากังวลอย่างมากใน 4 ปัญหาที่คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยได้เตือนไว้แล้วตั้งแต่ต้นปีคือ ปัญหาราคาพลังงาน ทั้งราคาน้ำมัน ก๊าซ และไฟฟ้า ปัญหาข้าวของแพงและอัตราเงินเฟ้อสูง ปัญหาหนี้ ทั้งหนี้ประเทศและหนี้ประชาชน และ ปัญหาดอกเบี้ยขาขึ้น โดยทั้ง 4 ปัญหานี้จะเป็นปัญหาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้ ตามที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ได้ออก 8 มาตรการ โดยอ้างว่าเป็นการช่วยเหลือประชาชน แต่ในความเป็นจริงเป็นการช่วยเหลือที่น้อยมาก หรือแทบไม่ช่วยเลย ที่ช่วยก็ช่วยเฉพาะคนกลุ่มที่เล็กมาก แถมหลายมาตราการยังเป็นการซ้ำเติมมากกว่าจะเป็นการช่วยเหลือโดยขอวิเคราะห์ดังนี้

ข่าวที่น่าสนใจ

1. มาตราการช่วยแม่ค้าหาบเร่แผงลอย ที่ถือบัตรสวัสดีการของรัฐ และผู้ถือบัตรสวัสดิการแก่งรัฐ เป็นค่าก๊าซหุงต้มเดือนละ 100 บาท ซึ่งเท่ากับช่วยวันละ 3.33 บาท ซึ่งน้อยมาก
2. มาตราตรึงราคา NGV สำหรับแท็กซี่ ภายใต้โครงการลมหายใจเดียวกัน ซึ่งก็ดีแต่มีคนจำนวนไม่มากนักที่ได้ประโยชน์
3. วางกรอบขายปลีก LPG ที่ 408 บาท / ถัง 15 กก. นี่ไม่ใข่ช่วยแต่เป็นการเพิ่มราคาก๊าซหุงต้ม เพราะปัจจุบันยังขายอยู่ที่ 363 บาท สำหรับถัง 15 กก. โดยรัฐจะขึ้นราคาไปอีก 3 ครั้งจนถึง 408 บาทซึ่งไม่ใช่เป็นการช่วยเหลือเลย
4. มาตราสนับสนุนการท่องเที่ยวโดยให้เอกชนสามารถนำมาหักภาษีได้ 1.5 เท่า เมืองรอง 2 เท่า แต่รัฐบาลกลับมีแนวคิดจะเก็บค่าเหยียบแผ่นดินคนละ 300 บาท ซึ่งเป็นการย้อนแย้งกับมาตรานี้ ทั้งที่การดึงดูดเงินจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศน่าจะสำคัญและจะส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวของไทยมากกว่า
5. อุดหนุนราคาดีเซล 50% ในส่วนที่สูงเกิน ลิตรละ 35 บาท นี่เท่ากับเป็นการประกาศว่าจะขึ้นราคาน้ำมันดีเซลเกินกว่าลิตรละ 35 บาท และ อาจจะสูงเกินลิตรละ 38 บาทอีกด้วย ไม่ได้เป็นการช่วยเหลือแต่อย่างใด
6. ขอความร่วมมือจากโรงกลั่น ในการส่งกำไรจากส่วนต่างของน้ำมันเบนซินและดีเซล ซึ่งไม่แน่ใจว่าจะได้ผลไหม โรงกลั่นต้องไปถามผู้ถือหุ้นในตลาดหลักทรีพย์ก่อนหรือไม่ ถ้าทำได้ก็ดี
7. ช่วยเหลือมอร์เตอร์ไซด์รับจ้างที่ขึ้นทะเบียนกับกรมการชนส่งทางบก เดือนละ 250 บาท หรือ วันละ 8 บาทกว่า เท่านั้น แถมมอร์เตอไซด์รับจ้างที่ขึ้นทะเบียนมีเพียง 157,000 คนเท่านั้น
8. ขอความร่วมมือประหยัดพลังงาน ยังงงว่านี่เป็นการช่วยเหลือได้อย่างไร
ดังนั้นจะเห็นได้ชัดว่าทั้ง 8 มาตรการ แทบไม่ได้ช่วยเหลือประชาชนเลย แถมยังซ้ำเติมความยากลำบากอีกด้วย โดยเฉพาะเรื่องขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม เละ ขึ้นราคาน้ำมันดีเซล เป็นการเพิ่มภาระอย่างชัดเจน

ทั้งนี้ อยากขอแนะนำวิธีการหาเงินที่ถูกต้องและสามารถทำได้ทันที คือการเก็บเงินจากก๊าซ LPG ที่ส่งเข้าอุตสาหกรรมเปโตรเคมีในประเทศ โดยในอดีตตอนสมัยรัฐบาลอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ตนเป็น รมว. พลังงาน ได้สั่งให้เก็บเงินจากการส่งก๊าซ LPG เข้าอุตสาหกรรมเปโตรเคมีแล้ว ในอัตรา กก. ละ 1 บาทเข้ากองทุนน้ำมัน ทั้งนี้เพราะก๊าซ LPG ได้มาจากก๊าซในอ่าวไทยโดยผ่านจากโรงงานแยกก๊าซและ ก๊าซ LPG ยังได้มาจากการกลั่นน้ำมัน ขนาดประชาชนซื้อก๊าซ LPG หรือ ก๊าซหุงต้มนี้ ยังต้องจ่ายเงินเข้ากองทุนน้ำมันและจ่ายภาษีเลย แต่อุตสาหกรรมเปโตรเคมีกลับไม่ได้จ่ายเลยในขณะนั้น ตนจึงสั่งให้จ่าย แต่ต่อมามีการยกเลิกการเก็บไป ซึ่งไม่ทราบเพราะสาเหตุใด และเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องที่ยกเลิกการเก็บนี้ และเป็นการเอาเปรียบประชาชน ดังนั้นจึงควรกลับมาเก็บใหม่และควรจะเก็บมากขึ้นเป็นอัตรา กก. ละ 5-8 บาท เพราะราคา LPG ปัจจุบันสูงขึ้นกว่าเดิมมาก และตอนนี้ธุรกิจเปโตรเคมีก็มีกำไรกันอย่างมหาศาลซึ่งมีผลกระทบน้อยมาก แต่จะทำให้กองทุนน้ำมันได้เงินเป็นหมื่นล้านบาท และสามารถทำได้ทันทีและถูกกฎหมายด้วย และสามารถนำมาช่วยลดราคาก๊าซ LPG ที่ประชาชนใช้อยู่ จึงอยากให้พลเอกประยุทธ์นำไปพิจารณาเร่งทำเพื่อช่วยเหลือประชาชน

อยากให้พลเอกประยุทธ์ได้เปิดใจรับฟังเหมือนตอนที่ตนเสนอให้ลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลิตรละ 5 บาท พลเอกประยุทธ์ก็บอกเองว่าทำไม่ได้ แต่สุดท้ายก็ต้องทำ เรื่องนี้ก็เช่นกัน สามารถทำได้แน่นอนเพราะตนเคยทำมาแล้ว โดยอยากให้พลเอกประยุทธ์ได้ฝึกคิดเรื่องที่สร้างสรรค์และเป็นประโยชน์บ้างไม่ใช่คิดแต่เรื่องย้อนยุคเช่น เตาอั้งโล่ เอามาตั้งชื่อใหม่เป็นเตามหาเศรษฐี ซึ่งทั้งล้าสมัยและสร้างมลภาวะอย่างมาก เพราะทั้งทำลายป่าเพื่อนำไปทำถ่าน และการเผาจะทำให้เกิด PM 2.5 อย่างมาก ไม่ทราบว่าคิดออกมาได้อย่างไร เรื่องเก็บเงินก๊าซ LPG จากธุรกิจเปโตรเคมีนี้ พลเอกประยุทธ์ต้องอย่าเห็นประโยชน์ของ ปตท. มากกว่าประโยชน์ของประชาชน ซึ่งถ้าพลเอกประยุทธ์ไม่ทำ พรรคเพื่อไทยจะทำแน่ถ้าชนะการเลือกตั้งเพราะเป็นความชอบธรรมและเป็นประโยชน์กับประชาชน

ในภาวะวิกฤตเช่นนี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้นำต้องมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนเพื่อนำประเทศให้หลุดพ้นจากปัญหาที่รุมเร้า โดยไม่อยากให้ประเทศไทยต้องล้มละลายเหมือนกับประเทศศรีลังกาที่ประชาชนกำลังลำบากกันอย่างมาก เพราะมีผู้นำที่ขาดวิสัยทัศน์และขาดความเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของโลกในปัจจุบัน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

หนุ่มแจ้งจับผู้ใหญ่บ้านคนดังใช้ปืนตบบ้องหูชายหนุ่มลูกบ้านศีรษะเลือดไหลโชคก่อนบังคับ"กราบตีนกู"-เปิดคลิปเหตุการณ์เป็นหลักฐานชัดเจนในขณะที่ผู้ว่าฯ เมืองคอน สั่งนายอำเภอตั้งคณะกรรมการสอบวินัยควบคู่กับการดำเนินคดีทางอาญาแล้ว
กลุ่มอาชีวะปกป้องสถาบันตั้งเวทีแจงปัญหาเกาะกูดย้ำเป็นของไทย แต่เส้นแบ่งเขตต้องชี้แจง ชาวตราดกว่า 150 ร่วมเวที
"ทนายสายหยุด" แจง 3 ประเด็น ที่มาของเงินเจ๊อ้อย ยันมีหลักฐานเด็ดพิสูจน์ "ษิทรา" ไม่เข้าข่ายความผิดฉ้อโกง
เจ้าของห้องเช่าร้องสื่อ รถกระบะคอก ขับชนหลังคาพังยับก่อนซิ่งรถหนี
รอดปาฏิหาริย์ ! เด็ก 9 ขวบ ลื้อกระเป๋าเก่า เจองูเห่า
“ภูมิธรรม” รมว.กห.ตรวจเยี่ยมบำรุงขวัญทหารเรือ สอ.รฝ. หน่วยปฏิบัติการเกาะกูด
เจ็ทสกี แปดริ้ว ดุเดือด ระดับโลกและมือใหม่ลงสนามประลองความเร็ว
อยุธยา เตรียมจัดคอนเสิร์ต AYUTTHAYA concert fest 2024 อย่างยิ่งใหญ่ กระตุ้นเศรษฐกิจภายในจังหวัด
"ทนายเดชา" ลั่น "ผกก.บางซื่อ" คนคุ้นเคย เหตุทนายตั้มเลือกแจ้งคดีเงิน 39 ล้าน
"ธรรมนัส" แจงชัดเจนไม่รู้จัก "ทนายตั้ม" เป็นการส่วนตัว

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น