เพจสายไหมต้องรอด พา 4 ชีวิตร้องตร. หลังถูกแก๊งปล่อยเงินกู้นอกระบบ ตามทวงหนี้หนัก จนต้องหนีหัวซุกหัวซุน

เพจสายไหมต้องรอด พา4 ชีวิต ถูกแก๊งปล่อยเงินกู้นอกระบบ รังควาน ทวงหนี้หนัก จนต้องหนีหัวซุกหัวซุน อาศัยกินนอนตามวัดและปั๊มน้ำมัน เข้าร้อง ตร.มีนบุรี เพื่อให้ช่วยเจรจาไกล่เกลี่ย ด้าน รองผบก.น.3 ลั่นหากพฤติกรรม เจ้าหนี้ดอกโหดเข้าข่ายความผิด ถูกดำเนินคดีด้วย

วันนี้ ( 4 ก.ค.) ที่สน.มีนบุรี นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พร้อมทีมงาน พานางบุญตรี ชาวกล้า อายุ 45 ปี ชาว จ.อุดรธานี พร้อมครอบครัวรวม 4 ชีวิตเข้าขอความช่วยเหลือจาก พ.ต.อ. รัฐศักดิ์ รักสลาม รองผบก.น.3 และพ.ต.อ.กฤษ ก้อมน้อย ผกก.สน.มีนบุรี หลังถูกเจ้าหนี้ปล่อยเงินกู้ดอกโหดตามรังควาน จนต้องหนีหัวซุกหัวซุน อาศัยนอนตามวัด สลับกับปั๊มน้ำมัน ไปเรื่อยๆ ไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งที่แน่นอน ทำให้บุตรทั้ง 2 คนไม่ได้ไปเรียนหนังสือ

 

ข่าวที่น่าสนใจ

นายเอกภพ เผยว่า ตนได้รับการร้องทุกข์จากนางบุญตรี และสามีให้ช่วยรับอุปการะลูกทั้ง 2 คน ส่วนตนเองและสามีจะหนีไปฆ่าตัวตาย เนื่องจากที่ผ่านมาถูกเจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบ ตามทวงหนี้ จนไม่เป็นอันทำมาหากินและเลี้ยงดูลูกๆได้อย่างปกติสุข จากการสอบถามจึงทราบว่า 2 สามีภรรยา ติดเงินเจ้าหนี้นอกระบบ 7 เจ้า เป็นเงินต้นทั้งหมดกว่า 70,000 บาท แต่ต้องหาเงินจ่ายดอกเบี้ยให้เจ้าหนี้ ในอัตราร้อยละ 60 ของเงินต้น แต่ละรายคิดเป็นเงินเฉลี่ยวันละ 200 บาท รวมดอกเบี้ยเงินกู้ทั้งหมดที่จะต้องหามาจ่ายเจ้าหนี้วันละ 1,400 บาท สองสามีภรรยาจึงหามาจ่ายไม่ทัน จึงถูกเจ้าหนี้ติดตามทวงถาม และโทรศัพท์ข่มขู่ บางเจ้าส่งคนไปเฝ้าถึงโรงเรียนลูกและบุกข่มขู่ถึงบ้าน สุดท้ายต้องพากันหลบหนีไปอาศัยกินนอนตามวัดและปั๊มน้ำมันเพื่อหลบเจ้าหนี้ ลูกๆก็ไม่ได้ไปเรียนตามปกติเพราะเกรง เจ้าหนี้จะส่งคนมาดักอุ้มไปเป็นเครื่องต่อรอง ให้หาเงินมาชำระหนี้ จึงติดต่อขอความช่วยเหลือจากเพจสายไหมต้องรอด ตนพาเข้าร้องเรียน เพื่อช่วยประสานติดต่อเจ้าหนี้เข้ามาไกล่เกลี่ย และช่วยดูแลความปลอดภัย

ด้านนางบุญตรี เปิดเผยว่า สาเหตุที่ต้องยอมเป็นหนี้ แม้จะรู้ว่าดอกเบี้ยโหด เนื่องจากต้องนำเงินไปใช้จ่ายในครอบครัวและดูแลลูกๆ ซึ่งมีทั้งค่าเทอม ค่ากินอยู่ ตอนแรกกู้มาเพียงแค่ 10,000 บาท แต่เนื่องจากได้รับผลกระทบช่วงโควิด19 ระบาดทำให้รายได้น้อยลง จึงต้องหันไปกู้เงินจากเจ้าหนี้รายอื่นอีก จนพอกพูนและบานปลาย

พ.ต.อ.รัฐศักดิ์ เปิดเผยว่า หลังรับข้อมูล จะดำเนินการสอบสวนขยายผลไปถึงเจ้าหนี้แต่ละราย และเรียกเข้ามาพูดคุยไกล่เกลี่ย ตามประสงค์ของผู้เสียหาย แต่หากตรวจสอบพบว่า พฤติกรรมเข้าขข่ายผิด พ.ร.บ.ทวงหนี้ หรือปล่อยเงินกู้นอกระบบ ก็จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายควบคู่กันไปด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

วธ. ปักหมุด ยลวิถีตาลบ้านถ้ำรงค์เมืองเพชร เปิดสุดยอดชุมชนต้นแบบ "เที่ยวชุมชน ยลวิถี"
แห่ชื่นชม ขบวนพาเหรดดอกไม้ไทย ร่วมงาน Bloemencorso 2025 เนเธอร์แลนด์
"ชัชชาติ" ยืนยันยอดผู้เสียชีวิต "ตึกสตง. ถล่ม 35 ราย เร่งค้นหาอีก 59 ผู้สูญหาย
"กรมบัญชีกลาง" แจงปมถูกกล่าวอ้างชนะโครงการ "ตึกสตง." เพราะรู้ราคาประมูล ไม่เป็นความจริง ย้ำมีการเข้ารหัส 2 ชั้น เก็บข้อมูลในบล็อกเชน
สุดยิ่งใหญ่! สวนนงนุชพัทยานำทีมไทยร่วมโชว์ขบวนพาเหรดดอกไม้ งาน Bloemencorso Bollenstreek ที่เนเธอร์แลนด์ นักท่องเที่ยวแห่ถ่ายรูปคึกคัก
สวนสัตว์เปิดเขาเขียว ชวนเที่ยวสงกรานต์ ต้อนรับปีใหม่ไทย ร่วมสืบสานประเพณีในธีมงานวัดและชมความน่ารักของสัตว์นานาชนิด
"คนกรุงฯ" เห็นใจเอกชนแบกภาระค่าใช้จ่าย ฝากกทม.เร่งจ่ายหนี้ กังวลถ้ารถไฟฟ้าสีเขียวหยุดวิ่ง กระทบชีวิตหนักแน่
"DSI" อัปเดต คดีนอมินีจีนสร้างตึกสตง.ถล่ม ลุยต่อตรวจสอบเส้นทางเงิน-เลี่ยงภาษี
สถานีขนส่งอุทัยฯคึกคัก ปชช.แห่ซื้อตั๋วเดินทางกลับภูมิลำเนา รถทัวร์-รถตู้ ถูกจองเต็มเกือบทุกเที่ยว
จนท.เตรียมเจาะแผ่นปูนเชื่อมฐาน ”ตึกสตง.“ จุดพบแสงมือถือ ยังมีความหวังเจอผู้รอดชีวิต

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น