มันจบแล้วครับนาย ต้องขึ้นหัวแบบนั้นจริงๆ ภายหลังที่ประชุมร่วมรัฐสภาใช้เวลากว่า 4 ชั่วโมงในการพิจารณา ม.23 ของร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. เรื่องสูตรคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อว่าจะเอาสูตรใดดีระหว่าง สูตร 100 หารตามกมธ.วิสามัญฯเสียงข้างมาก หรือ สูตร 500 หาร ที่เสนอโดยหมอระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ ซึ่งถือเป็นไฮไลต์สำคัญในการชี้เป็นชี้ตายเลือกตั้งเที่ยวหน้า ทั้งนี้มีการลงมติ 2 ขยัก โดยครั้งแรกที่ประชุมรัฐสภาลงมติไม่เห็นด้วยกับม. 23 เรื่องการใช้สูตร 100 หาร ด้วยคะแนน 392 ต่อ160 งดออกเสียง 23 ไม่ลงคะแนน 2 จากนั้นจึงมาลงคะแนนเห็นด้วยกับสูตรคำนวนส.ส. 500 หารของหมอระวี หรือสูตร 100 หารของ ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส. พรรคก้าวไกล ผลปรากฏว่าเสียงส่วนใหญ่เห็นด้วยกับสูตร 500 หาร ด้วยคะแนน 354 ไม่เห็นด้วย 162 งดออกเสียง 37 ไม่ลงคะแนน 4 เสียง
เป็นอันว่าเรียบร้อยโรงเรียนตู่ปิดฉากแลนด์สไลด์ หลังสมาชิก 2 สภาจับมือคว่ำสูตร 100 หารของกมธ.วิสามัญฯ เสียงข้างมาก ทั้งนี้ในส่วน 392 เสียงที่ล้มสูตร 100 หารนั้นส่วนใหญ่ล้วนเป็นส.ส.พรรคพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทย รวมถึงพรรคประชาธิปัตย์อีกราว 34 คน จะมีที่ไม่เห็นด้วยบ้างส่วนใหญ่ก็เป็นกมธ.วิสามัญฯ เสียงข้างมากซึ่งต้องรักษาจุดยืนของตัวเองในเรื่อง 100 หารเอาไว้ ที่เหลือก็ใช้วิธีงดออกเสียง และ ไม่ลงคะแนนเป็นส่วนใหญ่ ในจำนวนนี้มีส.ว.ถึง 73 คน ไม่ปรากฎการลงคะแนน อย่างไรก็ตามที่น่าคิดของการคว่ำสูตร 100 หาร ต้องมองไปที่พรรคร่วมฝ่ายค้านกันเอง ที่มาเข้าชื่อร่วมสนับสนุนถึง 59 คน ประกอบด้วย พรรคก้าวไกล 47 เสียง , พรรคเสรีรวมไทย 5 เสียง และ พรรคเพื่อไทย 7 เสียงที่ส่วนใหญ่ล้วนเป็นงูเห่าที่ใจไปอยู่กับพรรคอื่นหมดแล้ว
ทำไปทำมาตามสูตร 500 หารแบบนี้ พรรคที่จะได้อาณิสงฆ์ไปเต็มๆก็น่าจะเป็นพรรคก้าวไกลอดีตพรรคอนาคตใหม่อีกเหมือนเดิม รอบก่อนคิดแบบจัดสรรปันส่วนผสมก็กวาดส.ส.ไปถึง 50 คน รอบนี้ใช้สูตร 500 หารก็คงได้ไปอีกไม่น้อย เนื่องจากเป็นพรรคที่ได้ส.ส.เขตไม่มากแต่มีฐานคะแนนพรรคสูง หนำซ้ำการเลือกตั้งคราวก่อน 24 มี.ค.2562 หลายพื้นที่พรรคก้าวไกลก็ได้คะแนนสูงมาในลำดับ 2 และ 3 จี้คอหอยพรรคเพื่อไทยไม่ห่าง เที่ยวหน้าใช้สูตร 500 หาร ก็เข้าทาง “ ทอน – บูด -ธา” เพราะมีส.ส.เขตน้อย มีคะแนนพรรคทั่วประเทศเยอะ บวกลบคูณหารแล้วจะได้ส.ส.บัญชีรายชื่อมากกว่าคนอื่น เหมือนอย่างคราวที่แล้วได้ส.ส.เขตไป 31 คน แต่กวาดส.ส.บัญชีรายชื่อจากสูตรการคิดคำนวณแบบจัดสรรปันส่วนผสมไปถึง 50 คน เพียงแต่รอบนี้ต้องถามว่าพรรคก้าวไกลจะได้ส.ส.เขตมากี่คน เพราะเปลี่ยนบัตรเลือกตั้งจากบัตรใบเดียวเป็นสองใบ ถ้าผู้สมัครของพรรคไม่แน่จริง ชื่อเสียงไม่ดังจริง เงินไม่ถึงจริง โอกาสยากที่จะชนะการเลือกตั้งส.ส.เขต เพราะฉะนั้นเมื่อเป็นแบบนี้พรรคก้าวไกลอาจจะได้ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อพอสมควรแต่คงไม่ง่ายที่จะได้ส.ส.เขตมากเหมือนเก่า
ขณะที่ฝ่ายพรรคเพื่อไทยคอกทักษิณ ต้องบอกว่าหลังเจอไม้เด็ดบิ๊กตู่เจอไพ่ตายของ 3 ป.บูรพาพยัคฆ์ไปรอบนี้ ทักษิณคงเอาตีนก่าวหน้าผากเพราะฝันหวานแลนด์สไลด์คงกลายเป็นฝันค้าง ส่วนเรื่องหวังว่าพรรคตัวเองลูกสมุนจะชนะเลือกตั้งถล่มทลาย ฝ่ายประชาธิปไตยจะได้เกิน 300 คนลืมไปได้เลยไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอน ลำพังแค่รักษาส.ส.เขตที่มีอยู่ให้ได้เท่าเดิม 136 คนก็ว่ายากแล้ว อย่าลืมว่าเลือกตั้งคราวหน้ามีพรรคฐานเสียงเดียวกันอย่างพรรคไทยสร้างไทยโผล่ขึ้นมาอีก ขณะที่พรรคก้าวไกลก็พร้อมเบียดแย่งในทุกเขตเพราะคราวก่อนหลายพื้นที่ก็แพ้พรรคเพื่อไทยแบบไม่มากชนิดมีลุ้นแบบสู้ได้ แค่นั้นยังไม่พออย่าลืมเอฟเฟกต์จากสูตร 500 หาร เชื่อว่าบรรดาส.ส.ลูกสมุนที่เคยจงรักภักดีกับนายห้างก็ต้องคิดหนักเหมือนกัน ปากกัดตีนถีบกับพรรคนายห้างมานาน 8 ปีเต็มๆ ควักเนื้อรีดเลือดปูมาเป็นชาติ ทักษิณหลอกให้เคลิ้มจากแลนด์สไลด์ รอบนี้กระแสมาดีมีหวังอาจถึงดวงดาว เสียดายบุญมีแต่กรรมบัง กติกาที่กำลังเข้าล็อคเงื่อนไขที่กำลังเข้าทางตีน จู่ๆถูกทำให้สะบั้น เหมือนฟ้ามีตาสภามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยคุ้มครอง คนชั่วหวังคิดการใหญ่เลยทำไม่สำเร็จ หมูกำลังจะโดนหามแต่ถูกคนเอาคานมาสอด
เจอกลับลำเปลี่ยนสูตรแบบนี้มีหวังพรรคเพื่อไทยแพแตกแหง๋ๆ ไอ้ที่อยู่เพราะรากงอกเป็นคนระบอบทักษิณไปไหนไม่ได้ก็มีมาก แต่ที่ไม่ใช่สายแม้วพันธุ์แท้เป็นชินวัตรจางๆ ก็ต้องคิดหลายตลบ เป็นฝ่ายค้านอีก 4 ปีบวกของเดิมจะยาวครบหนึ่งโหล จะเอาที่ไหนไปกินอยู่ดูแลชาวบ้าน เลือกตั้งรอบหน้าจับตาเลยพรรคภูมิใจไทยของ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล กับ พรรคไทยสร้างไทยของ “เจ๊หน่อย” สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ มีหวังรับส้มหล่นได้ส.ส.หนีตายจากพรรคเพื่อไทยไปเต็มๆ เพราะกระแสกำลังดี น้ำเลี้ยงถึง แถมมีโอกาสสูงในการเป็นรัฐบาลโดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทยที่คงอยู่โยงยาวกับพล.อ.ประยุทธ์ไปตราบชั่วฟ้าดินสลาย หันกลับมามองที่พรรคเพื่อไทยจากนี้คงต้องคิดแก้ลำหาสูตรหนีตายจาก 500 หารกันอลม่าน
ล่าสุดหมอชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ขุนพลเอกเพื่อแม้ว ออกมาแบไต๋แล้ว เตรียมตั้งพรรคใหม่ ใช้โมเดล “พรรคคู่ขนาน” ใช้ชื่อไฉไลว่า “พรรคครอบครัวเพื่อไทย” หรืออะไรทำนองนี้ จากนั้นก็โยกแกนนำแถวหนึ่งของพรรคไปอยู่ในพรรคนี้หมด ตั้งธงรณรงค์ขอคะแนนปาร์ตี้ลิสต์เพียวๆ ส่วนพรรคเพื่อไทยก็เน้นหาเสียงแต่ส.ส.เขตอย่างเดียว แบ่งงานกันทำหาเสียงกันคนละช่องทาง เขตใช้พรรคเพื่อไทย บัญชีรายชื่อใช้พรรคใหม่จะชื่ออะไรก็ตาม แต่เดินคู่ขนานกันไปแบบนกสองหัวเจ้านายคนเดียว พูดนะมันง่ายแต่ทำจริงไม่ง่ายแบบนั้น ตั้งพรรคใหม่แก้เกี้ยวทางการเมืองแบบนี้ ระวังเจอข้อหาครอบงำเป็นนอมินีกันเอง ระวังจะถูกร้องยุบพรรคเอาง่ายๆ ที่ตั้งใจจะเอาพวกแถว 1 ปาร์ตี้ลิสต์ไปอยู่กับพรรคใหม่ ต้องคิดกันให้ดีๆ
ยกตัวอย่างจะเอา “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร ไปเป็นหัวพรรคใหม่ อ้าวแล้วที่ประกาศเป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยทำไมจู่ๆทิ้งบ้านไปเสียแล้ว ขณะที่บรรดาแกนนำพรรค อย่าง ชลน่าน ประเสริฐ ชัยเกษม ภูมิธรรม จาตุรนค์ ฯลฯ จะเอาไง อยู่พรรคเพื่อไทยถ้าลงปาร์ตี้ลิสต์ก็ตายยังเขียดไม่ได้เป็นส.ส. เพราะพรรคมีสิทธิ์ไม่ได้ส.ส.แม้แต่คนเดียว แต่ถ้ายกโขยงไปพรรคใหม่ถ้าถูกร้องยุบพรรคว่าเป็นนอมินี มีหวังถูกตัดสิทธิ์การเมือง 10 ปี ตายหมู่แบบยกพวง เผลอๆ กลายเป็นหนีเสือปะจระเข้ การเมืองเพื่อบ้านเมืองไม่ใช่เรื่องขายของเล่น โยกมาโยกไประวังเจอตอไปต่อไม่ได้ ที่หวังจะแก้ทางระวังจะยุ่งอีรุงตุงนังกลายเป็นขว้างงูไม่พ้นคอ อนาคตไม่รู้เป็นไงแต่ตอนนี้บอกได้เลย พรรคเพื่อไทยอยู่ในภาวะฝันค้างเมาหมัดน็อคของบิ๊กตู่ แถมระยะยาวเตรียมนับถอยหลังแพแตกได้เลย ทักษิณอย่าโม้มากที่ฝันหวานเรื่องกลับบ้านยังอีกนาน
//////////////////////////