วันที่ 7 ก.ค.65 เวลา 13.30 น. “ปวีณา” เดินทางไปจ.จันทบุรี พาคุณแม่ 2 ท่าน ไปรับลูกชาย ป.6 กับ ม.1 ที่โรงเรียนประจำแห่งหนึ่งในจ.จันทบุรี หลังถูกรุ่นพี่ทำร้ายร่างกายแทบทุกคืน อีกทั้งแย่งของ แย่งขนม ใช้มีดข่มขู่ถ้าฟ้องครูจะถูกซ้อมหนักกว่าเดิมและให้ถึงตายจนต้องทนทุกข์ แม่ต้องการเอาเรื่องให้ถึงที่สุด สืบเนื่องจากวันที่ 6 ก.ค.65 มูลนิธิปวีณาฯ ได้รับเรื่องร้องทุกข์จากคุณแม่ 2 ราย กรณีลูกชายถูกรุ่นพี่ทำร้ายในโรงเรียนประจำแห่งหนึ่งในจ.จันทบุรี
รายที่ 1 นางใหม่ (นามสมมุติ) ร้องทุกข์มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี แจ้งว่า ด.ช.หมี (นามสมมุติ) ลูกชายวัย 9 ขวบ เรียนอยู่ชั้นป.4 ที่โรงเรียนประจำแห่งหนึ่งใน จ.จันทบุรี ถูกรุ่นพี่ ม.2 ทำร้ายร่างกายเป็นประจำนานเกือบ 2 เดือน เคยถูกชกเข้าที่ท้องอย่างแรงจนตัวงอนอนปวดท้องทั้งคืน หลังเกิดเหตุได้ไปรับลูกออกจากโรงเรียน ตอนนี้ทุกคืนลูกชายยังมีอาการหวาดผวาและร้องไห้ตลอด ตนไม่อยากได้คำขอโทษแต่ต้องการจะแจ้งความเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ขอมูลนิธิปวีณาฯ ช่วยเหลือด้วย นางใหม่ เล่าว่า วันที่ 17 พ.ค.65 ตนได้พาลูกชายเดินทางจาก จ.ชลบุรี ไปส่งที่โรงเรียนประจำจ.จันทบุรี โดยระหว่างที่เด็กอยู่โรงเรียนผู้ปกครองจะต้องติดต่อผ่านครูเท่านั้น กระทั่งวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา ลูกชายยืมโทรศัพท์รุ่นพี่โทรมาหาบอกให้แม่ส่งของกินมาให้หน่อย จากนั้นลูกก็ร้องไห้ ตนจึงถามว่า “มีรุ่นพี่แกล้งหรือเปล่า” แต่ลูกชายไม่ได้ตอบ จากนั้นก็มีเสียงรุ่นพี่ตะโกนแทรกมาว่า “ไม่ได้แกล้งครับ” พอลูกชายเจอแบบนี้ยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม และบอกว่าอยากกลับบ้าน ด้วยความเป็นห่วงตนจึงตัดสินใจเดินทางไปรับลูกทันที เมื่อเห็นสภาพลูกสงสารจับใจเพราะผอมโซ มีรอยฟกช้ำตามตัวและใบหน้า โดยลูกบอกว่ารุ่นพี่ทำ และห้ามฟ้องครู มิฉะนั้นจะโดนหนักกว่าเดิม ตอนนี้ลูกของตนกลับมาอยู่บ้านแล้วแต่กลางคืนก็ยังผวาร้องไห้ตลอด ซึ่งทางโรงเรียนจะให้ผู้ปกครองของเด็กคู่กรณีมาขอโทษแต่ตนรับไม่ได้ และมีความประสงค์จะแจ้งความดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
รายที่ 2 นางเอ (นามสมมุติ) ผู้ปกครองอีกรายหลังทราบข่าวเด็กถูกรุ่นพี่ทำร้ายได้ร้องทุกข์มาที่มูลนิธิปวีณาฯ เป็นรายที่ 2 แจ้งว่า ลูกชายของตน 2 คน เรียนอยู่ชั้นป.6 และม.1 โรงเรียนเดียวกับที่เป็นข่าว โดยเพิ่งจะเข้าไปเรียนเมื่อเดือน พ.ค. ซึ่งลูกของตนทั้งสองคนก็ถูกรุ่นพี่ทำร้ายเช่นเดียวกัน เมื่อ 2 อาทิตย์ก่อนตนเอาขนมไปให้ลูกที่โรงเรียนเจอแต่ลูกคนเล็ก ส่วนคนโตไปทำกิจกรรม ลูกคนเล็กอยู่ในสภาพผอมลงและดูโทรมมาก ลูกบอกว่า แม่ไม่ต้องเอาขนมมาเยอะเพราะจะถูกแย่งไปหมด ไม่ได้กิน และลูกก็ร้องไห้ ตนจึงถามว่ามีอะไร ถูกคนรังแกใช่มั้ย ลูกก็บอกว่าใช่ เจ็บจนจะทนไม่ไหวแล้ว และลูกยังบอกอีกว่าพี่ชายก็โดนเหมือนกัน พอเห็นข่าวออกไปตนเชื่อว่ายังมีเด็กที่ถูกรุ่นพี่ทำร้ายอีกหลายคนแต่ไม่กล้าบอกใคร ต้องถูกรังแกเจ็บตัวอยู่อย่างทุกข์ทน ที่ตนออกมาร้องขอความเป็นธรรมเพราะอยากให้มีการตรวจสอบเรื่องนี้จะได้ไม่ต้องมีเด้กถูกกระทำอีก และถ้ารู้ตัวรุ่นพี่ที่กระทำก็ต้องการจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ขอมูลนิธิปวีณาฯ ช่วยเหลือด้วย
นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธประวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี นัดพบแม่เด็ก 2 ราย ที่ปั๊ม ปตท.เขาตานก อ.เมือง จันทบุรี เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงถึงสาเหตุที่เด็กถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ ต่อมานางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ จะพาคุณแม่ทั้ง 2 ราย ไปยังโรงเรียนที่เกิดเหตุเพื่อรับลูกชาย 2 คน ป.6 กับ ม.1 ที่ถูกทำร้ายกลับบ้าน และจะประสาน นายธีร์ ภวังคนันท์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ ตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้น หากคุณแม่ทั้ง 2 ราย และเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.เขาคิชฌกูฎ มีความประสงค์จะแจ้งความดำเนินคดีต่อครูผู้ดูแลเด็กนักเรียนในหอพักของโรงเรียน
จากนั้นนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิฯพร้อมด้วย นายธีร์ ภวังคนันท์ ผู้ตรวจกระทรวงศึกษาธิการได้พาแม่นักเรียน 2 รายไปที่โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 48 จันทบุรี อ.เขาคิชฌกูฏ จันทบุรี เพื่อพบกับ นายสมชาย บ้านไร่ ผู้อำนวยการโรงเรียนและคณะครู โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ดูแลเด็กและเยาวชนกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดจันทบุรี และผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อสอบสวนถึงสาเหตุที่แท้จริง ครั้งนี้และให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย
นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ กล่าวว่า มูลนิธิปวีณาฯ วันนี้มาเยี่ยมเพือหาทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งจะร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการดำเนินการติดตามเรื่องให้ได้รับความเป็นธรรมที่สุด เนื่องจากโรงเรียนเปรียบเหมือนบ้านหลังที่ 2 ซึ่งเด็กๆ ควรจะได้รับความปลอดภัยทุกคน ส่วนเรื่องคดีเป็นเรื่องแม่เด็กกับตำรวจ ส่วนเด็กได้ลาออกทั้ง 2 คน ซึ่งทางโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 48 จันทบุรีจะต้องหาที่เรียนให้ ผู้สื่อข่าวได้พบปะกับครูในโรงเรียนท่านหนึ่งได้เปิดเผยว่า เด็กรุ่นพี่ที่ก่อเหตุนั้นมีพฤติกรรมก้าวร้าวมานานแล้วตั้งแต่ชั้น ป.6 จะมี ครูท่านเดียวที่เอาอยู่แต่ท่านเกษียณไปแล้ว
ไพโรจน์ อนุ ผู้สื่อข่าวTOPNEWS ประจำ จ.จันทบุรี