สภาผู้แทนราษฎรเท็กซัสออกรายงานการสอบสวน เหตุกราดยิงโดยมือปืนอายุ 18 ปี ที่โรงเรียนประถมศึกษาร็อบบ์ ในเมืองอูวาลดี้ รัฐเท็กซัสซึ่งคร่าชีวิตนักเรียนและครูไป 21 คน โดยในรายงานกล่าวว่า ความล่าช้าของการจับกุมคนร้ายนั้น เกิดจากระบบที่ล้มเหลว และการขาดภาวะผู้นำของเจ้าหน้าที่ ส่งผลมีผู้เสียชีวิตมากกว่าที่ควร
รายงานระบุประเด็นแรกที่ล้มเหลวคือ เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายล้มเหลวในการปฏิบัติการยิง ตามที่ได้ฝึกมา และพวกเขาล้มเหลวในการจัดลำดับความสำคัญในการช่วยชีวิตเหยื่อผู้บริสุทธิ์มากกว่าความปลอดภัยของตนเอง โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลานานถึง 73 นาที กว่าที่จะเข้าจับกุมตัวคนร้าย ซึ่งหากการจับกุมเป็นไปได้เร็วกว่านี้ จะมีผู้บาดเจ็บรอดชีวิตมากขึ้นจากการเข้าช่วยเหลือที่ทันท่วงที
อีกประเด็นคือการขาดภาวะผู้นำ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญที่ส่งมาจากรัฐบาลกลาง ที่ได้รับการฝึกอบรมมาดีกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่น ไม่ได้เสนอคำแนะนำหรือความช่วยเหลือเฉพาะใดๆ แก่ตำรวจท้องที่ซึ่งอยู่ในการควบคุมที่เกิดเหตุ โดยขณะเกิดเหตุ มีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆอยู่ในสถานที่ถึง 376 คน แต่คนร้ายเพียงคนเดียว ยังสามารถยิงปืนของเขาได้ 100 นัดจากจำนวนที่ยิงทั้งหมด 142 นัด ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะบุกเข้าไปในอาคาร
อีกสาเหตุหนึ่งของโศกนาฏกรรมคือความล้มเหลวในการสื่อสาร เนื่องจากเด็ก ๆที่อยู่ ในห้องเรียนหลังการยิงปืนครั้งแรก โทรหา 911 แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าควบคุมเหตุ ไม่ได้รับแจ้งเรื่องการโทรนั้น และไม่มีใครสั่งวิเคราะห์ข้อมูล ทำให้ไม่รู้ว่ามือปืนกำลังขัดขวางไม่ให้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสได้รับการช่วยเหลือ
ทั้งนี้ รายงานการสอบสวน จัดทำโดยอิงตามบัญชีของพยาน 33 คนและการสัมภาษณ์อย่างไม่เป็นทางการ 39 ครั้งกับสมาชิกของหน่วยงานความมั่นคงต่างๆ โดยมีวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลพื้นฐาน เพื่อให้ฝ่ายนิติบัญญัติสามารถเปลี่ยนแปลงนโยบายในอนาคต และทำให้โรงเรียนปลอดภัยยิ่งขึ้นต่อไป
ทั้งนี้ ได้มีการวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการทำงานของตำรวจเกิดขึ้นเป็นวงกว้าง หลังสื่อท้องถิ่นนำภาพจากกล้องวงจรปิด ที่เผยภาพมือปืนถือปืนไรเฟิล เดินเข้าตึกเรียน และภาพเจ้าหน้าที่ ที่หยุดรอตรงโถงทางเดินเป็นเวลานาน ก่อนจะบุกเข้าห้องเรียนที่มือปืนซ่อนตัวในที่สุด