"คลื่นความร้อน" กระหน่ำยุโรปต่อเนื่อง ไฟป่าในหลายประเทศลุกลามหนัก ในขณะที่อังกฤษร้อนจัดทำลายสถิติทะลุ 40 องศา
ข่าวที่น่าสนใจ
จาก “คลื่นความร้อน” รุนแรง จนทำให้เกิดไฟป่าลุกไหม้ไปทั่วยุโรปตะวันตก ล่าสุด สหราชอาณาจักรมีอุณหภูมิสูงถึง 40 องศาเป็นครั้งแรกเมื่อวานนี้ โดยสถิติสูงสุดใหม่บันทึกไว้อยู่ที่ 40.3 องศาเซลเซียส ในเมืองคอนนิงส์บี้ (Coningsby) ทางตะวันออกของอังกฤษ และอย่างน้อย 34 เมืองในสหราชอาณาจักรเองก็ได้ทำลายสถิติเดิมที่ 38.7 องศาเซลเซียส ในเมืองเคมบริดจ์ เมื่อปี 2019 เช่นกัน
มีการแจ้งเตือนระดับสูงสุดในหลายพื้นที่ของอังกฤษอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ในขณะที่รถไฟทุกขบวนจากสถานีคิงส์ ครอสถูกยกเลิก ทำให้มีผู้โดยสารจำนวนมากติดค้างอยู่ในสถานี และมีการปิดเส้นทางรถไฟบางสาย เนื่องจาก พื้นผิวถนนที่โก่งงอจากความร้อน อาจทำให้ทางรถไฟบิดงอไปด้วย
นอกจากนี้ รันเวย์เครื่องบินและพื้นผิวถนนยังเริ่มละลายด้วยเช่นกัน โดยรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมยอมรับว่า ที่ผ่านมาระบบโครงสร้างพื้นฐานของสหราชอาณาจักรไม่ได้ออกแบบให้ทนทานกับอุณหภูมิที่ร้อนระอุเช่นนี้ ส่งผลให้โรงเรียนหลายแห่งต้องประกาศปิดชั่วคราว และยังเกิดเหตุไฟไหม้ตามบริเวณทุ่งหญ้า รอบชานเมืองของลอนดอนอีกด้วย
ส่วนสเปน ยังถูกไฟป่าโหมกระหน่ำต่อเนื่อง ในบางพื้นที่มีอุณหภูมิสูงถึง 45 องศาเซลเซียส ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขสเปนรายงานว่า มีผู้เสียชีวิตจากสภาพอากาศร้อนจัดแล้ว 510 ราย พบผู้เสียชีวิตมากที่สุดในวันเสาร์ (16 กรกฎาคมที่ผ่าน) ที่ 150 ราย โดยผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ และคาดว่ายอดผู้เสียชีวิตจะยังคงมีเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ในขณะที่กรีซ มีรายงานเพลิงไหม้ 39 ครั้ง ทั่วประเทศในเวลา 24 ชั่วโมง ส่วนเนเธอร์แลนด์อุณหภูมิสูงสุดที่ 39.4 องศาเซลเซียส ทำให้ทางการต้องโรยเกลือบนถนน เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวถนนละลาย พร้อมใช้น้ำฉีด เพื่อทำให้โครงสร้างเหล็กของสะพานเย็นลง ป้องกันความเสียหายและให้ใช้งานได้ตามปกติ ส่วนประชาชนต่างพากันเดินทางไปที่ชายหาด เพื่อคลายร้อน
ด้านเยอรมนี ก็ร้อนจัดไม่แพ้กัน ส่งผลให้เกิดภัยแล้ง โดยประธานสมาคมเกษตรกรแห่งเยอรมนีได้เตือนว่า ผลผลิตทางการเกษตรในปีนี้จะลดลงเป็นอย่างมาก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง