วันที่ 10 ก.ค. 2564 นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกประจำศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) กล่าวถึงความคืบหน้ามาตรการลดภาระค่าครองชีพและฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบ COVID-19 ซึ่งประกอบด้วย โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ โครงการเพิ่มกําลังซื้อกลุ่มบัตรสวัสดิการแห่งรัฐระยะที่ 3 และโครงการเพิ่มกําลังซื้อให้กลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ หลังเปิดให้ประชาชนใช้จ่ายผ่านโครงการดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2564 เป็นวันแรก ซึ่งผ่านมาได้เพียง 1 สัปดาห์ มียอดผู้ใช้สิทธิรวม 29.2 ล้านคน ยอดใช้จ่ายรวม 16,447.5 ล้านบาท
โฆษก ศบศ. กล่าวต่อว่า หลังจากที่รัฐบาลออกมาตรการลดภาระค่าครองชีพ กระตุ้นเศรษฐกิจออกไป มีเสียงตอบรับที่ดีจากประชาชนทั่วประเทศ โดยขณะนี้ยอดการใช้จ่ายของแต่ละโครงการ มีดังนี้ 1. โครงการคนละครึ่ง เฟส 3 มีผู้ใช้สิทธิ 17.5 ล้านราย ยอดใช้จ่าย 13,962.5 ล้านบาท แบ่งเป็นส่วนที่ประชาชนจ่าย 7,050.5 ล้านบาท และรัฐร่วมจ่าย 6,912 ล้านบาท 2. โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ มีผู้ใช้สิทธิ 32,689 คน ยอดใช้จ่ายสะสม 176.3 ล้านบาท 3. โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มีผู้ใช้สิทธิ 11.2 ล้านคน ยอดใช้จ่าย 2,211.6 ล้านบาท และ 4. โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ มีผู้ใช้สิทธิ 496,929 คน ยอดใช้จ่าย 97.1 ล้านบาท
นายธนกร กล่าวอีกว่า ขณะนี้การใช้จ่ายในทุกโครงการ ยังจะต้องเป็นการจ่ายเงินระหว่างประชาชนกับร้านค้า หรือผู้ให้บริการแบบพบหน้า (face-to-face) เท่านั้น อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่อยู่ที่บ้าน ซึ่งการใช้จ่ายส่วนใหญ่ผ่านระบบออนไลน์ ทำให้กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างหารือแนวทางเพื่อขยายสิทธิในการสั่งซื้ออาหารผ่านผู้ประกอบการแพลตฟอร์มดีลิเวอรี่ และทางออนไลน์ แต่การที่จะปลดล็อกเงื่อนไขให้ใช้จ่ายผ่านออนไลน์ได้จะต้องมีการพิจารณาและปรับปรุงเรื่องระบบต่างๆ ให้มีความพร้อมก่อน ซึ่งต้องใช้เวลาในการเตรียมเรื่องดังกล่าว โดยคาดว่าจะทำการหารือเพื่อสรุปในเร็วๆ นี้
นายธนก กล่าวว่า สำหรับยอดการลงทะเบียนล่าสุด ณ เวลา 17.00 น. ของวันที่ 8 ก.ค. 2564 โครงการคนละครึ่งมีการลงทะเบียนแล้ว 29.38 ล้านคน เหลืออีก 1.62 ล้านคนจะครบ 31 ล้านคน ส่วนโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ ลงทะเบียนแล้ว 483,565 คน เหลืออีก 3,516,435 จะครบ 4 ล้านคน ซึ่งกระทรวงการคลังจะเปิดให้ลงทะเบียนไปจนกว่าจะครบจำนวนที่กำหนดไว้ ทั้งนี้ ประชาชนสามารถใช้จ่ายในโครงการต่างๆ ได้จนถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2564