นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความระบุว่า จากชุมนุมสนามหลวง 20 มี.ค. 64 ขอเตือนดังๆ อีกครั้ง ระวัง “6 ตุลาโมเดล”
ถึงเวลานี้ชัดเจนว่ารัฐบาลมีนโยบายใช้ไม้แข็งหรือวิธีการที่รุนแรงในการจัดการควบคุม จัดการ และสลายการชุมนุม กับผู้ชุมนุมทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมที่เข้มงวด สร้างกำแพงกรุงเทพฯ (The Wall of Bangkok) หรือแนวตู้คอนเทนเนอร์ หากมีการชุมนุมใกล้เขตพระราชฐาน เช่น สนามหลวง หรือสถานที่ใกล้เคียงเขตพระราชฐาน อย่างบ้านพักของ พล.อ.ประยุทธ์ที่ตั้งอยู่ใกล้กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หรือแม้แต่สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ซึ่งมีฐานะเป็นนิติบุคคล แต่เป็นหน่วยงานในพระมหากษัตริย์ ตาม พ.ร.บ.จัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ พ.ศ.2561 เอาเป็นว่าถ้ามีการจัดการชุมนุมใกล้สถานที่ที่ “อ่อนไหว” การควบคุมป้องกันที่เข้มงวดด้วยแนวตู้คอนเทนเนอร์ จะเกิดขึ้นโดยทันที
ไม่ว่าจะเป็นการจัดการและสลายการชุมนุมที่รุนแรง หากผู้ชุมนุมมีความพยามยามจะฝ่าแนวตู้คอนเทนเนอร์ ดึง หรือเคลื่อนย้ายตู้คอนเทนเนอร์ เจ้าหน้าที่ในระดับปฏิวัติการก็จะได้รับคำสั่งให้สลายการชุมนุม เคลียร์พื้นที่ ฉีดน้ำ รวมทั้งการใช้กระบองตี ใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนยางกับผู้ชุมนุมทันที
เราได้เห็นการใช้กระบองตีผู้ชุมนุม และการใช้กระสุนยางยิงในแนวระนาบ ในการชุมนุนครั้งล่าสุดที่สนามหลวง (ก่อนหน้านี้ที่ชัดๆก็คือการชุมนุมที่หน้าบ้านพัก พล.อ.ประยุทธ์) ซึ่งผมต้องยืนยันอีกครั้งว่าเป็นวิธีการที่เกินกว่าเหตุ และไม่ได้เป็นไปตามแนวทางสากลแน่นอน
นอกจากนี้ เมื่อค่ำคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา เพียงแค่ผู้ชุมนุมดึงตู้คอนเทนเนอร์ลงมา หลังจากนั้นเหมือนมีการกดปุ่ม ให้เคลียร์พื้นที่ ด้วยการฉีดน้ำ แนวเจ้าหน้าที่ที่ถือโล่และกระบองเดินเข้าผลักดันผู้ชุมนุม จนผู้ชุมนุมที่ออกจากพื้นที่ไม่ทันทั้งถูกดัน ถูกตี มีการใช้กระสุนยางยิงแบบปูพรมไปยังตรอก ซอกซอยต่างๆ จนกระสุนไปโดนนักข่าวและคนที่มาเที่ยวอยู่ในบริเวณถนนข้าวสาร ถ้าแม้แต่สื่อมวลชนและประชาชนทั่วไปยังได้รับบาดเจ็บ แล้วประชาชนที่ไปร่วมชุมนุมคงจะมั่นใจความปลอดภัยของตัวเองได้อย่างไร? หรือว่าจริงๆ แล้วมีการหวังผลให้เกิดความรู้สึกเช่นนี้ใช่หรือไม่?
ผมเชื่อมั่นว่าการชุมนุมบนแนวทางสันติวิธีนั้นเป็นสิทธิอันชอบธรรมของประชาชน และจริงอยู่ที่ผู้ชุมนุมอาจมีหลายระดับ ตั้งแต่ระดับที่พร้อมดึงตู้คอนเทนเนอร์ ไปจนถึงระดับที่แค่ไปเล่นว่าวชูภาพเพื่อนที่ติดคุกขึ้นบนฟ้า ระดับที่นัดกันไปเล่นสเก็ตบอร์ด ระดับที่นัดกันไปเขียนป้ายผ้า แต่เจ้าหน้าที่กลับปูพรมยิงกราด และปฏิบัติการรุนแรงราวกับว่ามีการก่อจลาจลเกิดขึ้น มิหนำซ้ำ ยังมีผู้ไม่หวังดีดักรอคอยใช้อาวุธดักตี ดักทำร้าย ผู้ชุมนุมที่กระจัดกระจายออกมาจากที่ชุมนุม ซึ่งกลุ่มผู้ไม่หวังดีเหล่านี้ เจ้าหน้าที่ไม่เคยจับตัวใครมาดำเนินคดีได้
สถานการณ์ของสังคมไทยกำลังเดินเข้าสู่ช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญและน่ากังวล ดังที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปี 2519 นั่นคือการมีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่ใฝ่ฝันและปรารถนาดีต่อบ้านเมือง อยากเห็นประเทศชาติเปลี่ยนแปลงไปสู่ทิศทางที่ถูกต้อง คนรุ่นใหม่อยากจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้ ซึ่งจริงๆ แล้วถือเป็นความฝันพื้นฐานของประชาชนทุกคน แต่กลับมีคนกลุ่มเล็กๆ กลุ่มหนึ่งซึ่งมีอำนาจรัฐอยู่ในมือ ขัดขวางกีดกันทุกวิถีทาง พร้อมกับปลุกระดมให้ประชาชนฟาดฟันกันเอง
ผมไม่อยากให้สถานการณ์ในวันนี้ต้องบานปลายไปสู่ “6 ตุลาโมเดล” ในอดีตอีก รับฟังกันบ้างเถิดครับ หากว่าประเทศไทยเป็นดินแดนแห่งการประนีประนอมจริง เพราะคนที่ออกไปชุมนุมก็ลูกหลานท่านทั้งนั้น