หลังการที่ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง นำโดยนายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง พร้อมด้วยฝ่ายปกครองอำเภอเมืองตราด และเจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดตราด หลังมูลนิธิอิมมานูเอล และ มูลนิธิเดสทินี่ เรสคิว ประเทศไทย ร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมให้เข้าตรวจสอบสถานประกอบการแห่งหนึ่งในอำเภอเมืองตราดซึ่งมีการลักลอบนำเด็กหญิงชาวไทยอายุต่ำกว่า 18 ปี มาค้าประเวณี ซึ่งเข้าข่ายเป็นการกระทำผิดฐานค้ามนุษย์ เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2565 ที่ผ่านมา
นายภิรมย์ ชุมนุม นายอำเภอเมืองตราด เปิดเผยถึงเรื่องนี้ว่า ได้รายงานเรื่องราวทั้งหมดให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดตราดไปแล้ว หลังมีการดำเนินการจนแล้วเสร็จในวันที่ 21 กรกฎาคม 2565 ที่ผ่านมา โดยผู้ว่าราชการจังหวัดตราดได้ให้นโยบายให้ดำเนินการกวดขันสถานบริการทุกแห่ง ซึ่งทางอำเภอเมืองตราดได้ส่งปลัดฝ่ายปกครอง และกำลังอส.เมืองตราด
ออกทำการกวดขันด้วยการตรวจทุกวันเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นอีก เพราะเรื่องนี้ ที่ศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง เดินทางมาตรวจสอบถึง 2 เดือนหลังได้รับเรื่องร้องเรียน จาก 2 มูลนิธิผ่านกรมการปกครอง และเมื่อเข้ามาตรวจสอบได้ทำการล่อซื้อซึ่งก็สามารถจับกุมตัวมาดำเนินคดีได้
นายอำเภอเมือง กล่าวว่า จากการสอบสวนเชิงลึกของพนักงานสอบสวนที่เป็นผู้หญิง และเจ้าหน้าที่จากกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จ.ตราด พบว่า เจ้าของร้านคาราโอเกะเป็นผู้ใหญ่บ้านในอำเภอบ่อไร่ และภรรยาเปิดร้านนวดแผนโบราณที่อยู่ใกล้กัน โดยมีเด็กหญิง 2 คนมาเป็นพนักงานในร้าน และมีการชักชวนให้ขายบริการ ซึ่งมีรายได้ครั้งละ 1,500 บาท และจะให้เจ้าของร้านคือ ผู้ใหญ่บ้าน 300 บาท โดยผู้ใช้บริการจะต้องโอนเงินเข้าบัญชีของนักเรียนก่อน ซึ่งก่อนที่ทางเจ้าหน้าที่จะเข้าทำการจับกุมนั้น เด็กทั้งสองคนไม่ได้ทำงานในร้านแล้ว เนื่องจากทะเลาะกับเจ้าของร้านจึงไม่ทำงานด้วย จึงได้ติดตามตัวมาสอบปากคำกับพนักงานสอบสวน
จากการสอบปากคำเด็กทั้งสองคนได้ระบุถึงพฤติกรรมของเจ้าของร้านที่ให้ลูกสาววัย 15 ปี ที่เป็นเพื่อนของนักเรียนชักชวนให้ขายบริการ ซึ่งเมื่อยินยอมได้ให้เด็กรับเงินจากผู้มาซื้อบริการในราคาครั้งละ 1,500 บาท และหักให้เจ้าของร้าน 300 บาท โดยนักเรียนจะได้รับการโอนเงินจากผู้ซื้อและโอนมาให้เจ้าของร้าน ซึ่งสามารถตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังได้ทั้งหมดว่าใครซื้อบริการบ้าง ซึ่งทางอำเภอเมืองตราดได้รับนโยบายจากทางผู้ว่าราชการจ.ตราดมาแล้วว่า ให้ดำเนินการตามกฏหมายเต็มที”
นายภิรมย์ กล่าวว่า เบี้องต้นได้ทำการแจ้งความดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้อโดยอำเภอเมืองตราดได้ทำการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนในข้อหาเบื้องต้น ดังนี้ 1“ค้ามนุษย์ โดยการแสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณีเด็ก” ,2.เป็นธุระจัดหาหญิงมาเพื่อค้าประเวณี และ
3. ชักชวน ล่อลวง และยุยงส่งเสริม ให้เด็กมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ฯลฯ ทั้งนี้ ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจะต้องถูกดำเนินคดี ขณะเดียวกันพบว่า มีการจ่ายเงินให้เจ้าหน้าที่หลายหน่วนเพื่อไม่ให้ทำการจับกุม แต่ไม่มีของอำเภอเมืองตราด
ด้านพลตำรวจตรีปกรณ์ มณีปกรณ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจ.ตราด กล่าวว่า เรื่องนี้ได้สั่งการให้ทางผกก.สภ.เมืองตราด ดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยเฉพาะเจ้าของร้าน และผู้ซื้อบริการไม่ว่าจะเป็นใครซึ่งมีหลักฐานจากผู้ขายบริการอยู่แล้ว ส่วนการจ่ายส่วยนั้น ไม่มีหรอกใครจะมาจ่ายให้ ซึ่งหลังจากนี้ทางตำรวจจ.ตราดจะดำเนินการตรวจสอบและจับกุมผู้กระทำความผิดตามนโยบายของรัฐบาลที่กำชับมาในเรื่องนี้
จักรกฤชณ์ แววคล้ายหงษ์ ผู้สื่อข่าวTOPNEWS ประจำ จ.ตราด