น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี อดีตผู้สมัครส.ส.กทม.เขตจอมทอง-ธนบุรี อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า หลังเสร็จสิ้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมกับรัฐมนตรีได้รับความไว้วางใจให้บริหารต่อไป ซึ่งเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งสุดท้ายแล้ว หลังจากนี้นายกรัฐมนตรีจะเร่งเดินหน้าบริหารประเทศ ฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการวางโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมทั้งระบบ ที่จะเป็นเครื่องจักรเศรษฐกิจตัวสำคัญ ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ประกอบก้วย ภาคขนส่งทางถนน ขนส่งทางราง ขนส่งทางน้ำ และขนส่งทางอากาศ โดยมีมูลค่าลงทุนโครงการสำคัญ40 โครงการ
น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ภายใต้แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ท่านนายกรัฐมนตรี ได้เน้นบูรณาการ ถนน ราง น้ำ และอากาศ ให้เชื่อมโยงกัน เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน อย่างในปี 2565 นี้ ประเทศไทยจะมีระบบรถไฟทางคู่ จะก่อสร้างแล้วเสร็จ 4 เส้นทางรวม 568 กม. ทำให้ไทยมีรถไฟทางคู่รวม 1,111 กม. และกำลังก่อสร้างอีก 2 โครงการ ระยะรวม 678 กม. รวมถึงเตรียมพร้อมสำหรับโครงการระยะที่สองรวม 1,483 กม. พร้อมกับการพัฒนาสร้างท่าเรือบก (Dry Port) ซึ่งจะเป็นศูนย์กลางการขนถ่ายสินค้า ตู้คอนเทนเนอร์ เพื่อส่งทางรถไฟได้อย่างรวดเร็ว และตรงเวลาด้วย รัฐบาลยังได้มีเตรียมตัวแข่งขันเรื่องการขนส่งทั้งคนทั้งของ ด้วยรถไฟความเร็วสูง 2 โครงการหลัก ได้แก่ โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน กรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทาง 253 กิโลเมตร ความเร็วในการวิ่งรถสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง จะแล้วเสร็จปี 2569 นี้ โครงการนี้เป็นการสร้างโอกาสครั้งใหญ่ที่จะเชื่อมไทยสู่ประเทศคู่ค้าสำคัญๆ เช่น จีน และตลอดเส้นทางที่รถไฟความเร็วสูงเข้าถึงอุตสาหกรรมอื่นๆจะเติบโตอีกมาก และภายในปี 2565 จะเริ่มดำเนินการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3สนามบิน ดอนเมือง สุวรรณภูมิ และอู่ตะเภา เพื่อเข้าสู่พื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจซึ่งเป็นเมืองเศรษฐกิจใหม่ ที่มีการลงทุนจากทั้งในและต่างประเทศ