เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2565 ตามที่บริษัททรูและดีแทคได้แถลงข่าว เมื่อวันที่ 22 ก.ค. 65 ที่ผ่านมาว่า ทั้งสองบริษัทวางแผนให้มีกระบวนการรับซื้อหุ้นคืนจากผู้ถือหุ้นที่คัดค้านการควบรวมบริษัท ในช่วงต้นเดือน ส.ค. 65 ทั้งยังกล่าวยืนยันว่า กสทช. ไม่มีอำนาจพิจารณาไม่อนุมัติได้ โดยบริษัททั้งสองสามารถที่จะควบรวมได้เลยแค่รอเงื่อนไขที่ กสทช. อาจจะกำหนด เป็นเหตุให้ เครือข่ายแรงงานรัฐวิสาหกิจ NT เดินหน้ายื่นหนังสือถึง สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) ขอให้พิจารณาและสั่งเลื่อนการรับซื้อหุ้นคืนของบริษัททรูและบริษัทดีแทคออกไปอย่างไม่มีกำหนด จนกว่า กสทช จะมีมติตัดสินควบรวมออกมา เพราะมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และไม่เป็นไปตามคำสั่งศาลปกครองกลาง ที่ระบุว่า กสทช. มีอำนาจเป็นที่สิ้นสุดในการพิจารณาอนุมัติหรือไม่อนุมัติในดีลนี้ อันเป็นการทำให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยตกอยู่ในความเสี่ยงอาจจะตัดสินใจผิดพลาด โดยเฉพาะ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด หรือ บริษัท NT ผู้ถือหุ้นในดีแทคเสี่ยงเสียหายนับร้อยล้าน
โดยนายพิราม เกษมวงศ์ ตัวแทนเครือข่ายแรงงานรัฐวิสาหกิจ NT ซึ่งประกอบด้วย กลุ่มพลังรักษ์องค์กร TOT กลุ่มผู้นำแรงงาน บริษัท NT กรรมการประจำฝ่ายการเมืองสภากรรมกรแห่งชาติ กลุ่มพลังใหม่ ทีโอที กล่าวว่า การเดินทางมายื่นหนังสือครั้งนี้ เพื่อปกป้องผลประโยชย์ของบริษัท NT ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นในดีแทค จำนวน 134,645,250 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 5.69 นอกจากจะมีรายได้จากเงินปันผลจากดีแทคในฐานะผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอในแต่ละปีเป็นเงินไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท และยังมีธุรกิจการให้บริการโทรคมนาคมร่วมกับทรูและดีแทค ที่ก่อให้เกิดรายได้และนำส่งรัฐเป็นจำนวนมาก ซึ่งบริษัท NT ก็เป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นที่ลงมติคัดค้านการควบรวม ทรูและดีแทค ในครั้งนี้ และเป็นที่ทราบกันดีว่า ขณะนี้ กสทช.อยู่ในระหว่างการพิจารณาว่าจะอนุมัติควบรวมได้หรือไม่ เนื่องจากมีผู้ให้ความเห็นคัดค้านเป็นจำนวนมาก หรือหากอนุญาตให้ควบรวมแล้วอาจจะมีมาตรการกำกับใดๆ ออกมาควบคุมหรือไม่ ซึ่งคาดว่าอาจจะใกล้ถึงกำหนดเวลาที่บริษัท ซิทรินฯ ซึ่งจัดตั้งโดยทรูและดีแทคจะเริ่มดำเนินการรับซื้อหุ้น ทรูและดีแทค จากผู้ถือหุ้นแล้ว ซึ่งทำให้ผู้ถือหุ้นไม่มีเวลาในการพิจารณา อาจจะส่งผลให้ตัดสินใจผิดพลาดเพราะโดนกรอบระยะเวลาซื้อหุ้นคืนครั้งนี้มาเป็นตัวบังคับ ทางกลุ่มเครือข่ายแรงงานรัฐวิสาหกิจ NT จึงมายื่นหนังสือที่ กลต. เพื่อขอให้พิจารณาเรื่องนี้อย่างละเอียด พร้อมขอให้เลื่อนการรับซื้อหุ้นคืนออกไปจนกว่าผลการพิจารณาการควบรวม ทรูและดีแทค ของ กสทช. จะเป็นที่ยุติเสียก่อน NT ในฐานะผู้ประกอบการโทรคมนาคม เรามีความกังวลกับกรณีนี้ตามที่เคยประกาศต่อสาธารณชนมาแล้วว่า จะเป็นการสร้างการผูกขาด ลดทางเลือกให้แก่ประชาชน ในขณะเดียวกัน NT ที่แม้จะมีลูกค้าไม่เท่ากับเอกชน แต่มีจุดแข็งที่เป็นเจ้าของโครงสร้างพื้นฐานจำนวนมากและเป็นแหล่งสร้างรายได้ให้แก่องค์กรเพื่อให้สามารถทำตามนโยบายรัฐ คือ สร้างความมั่นคงในโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมที่เอกชนไม่สามารถทำแทนได้ เราจึงขอเรียกร้องให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องพิจารณากรณีนี้อย่างรอบคอบ”