ควันหลงศึกซักฟอก 2565 กรณี 6 ส.ส.ปากน้ำ พรรคพลังประชารัฐ ก่อกบฏลงมติคว่ำรัฐมนตรีในรัฐบาลที่เป็นฝ่ายตัวเอง แถมงานนี้คนที่โดนเชคบิลดันเป็น “พี่กลางบูรพาพยัคฆ์” อย่าง “บิ๊กป็อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย อดีตนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 10 (ตท.10) ที่เป็นพี่เลิฟสุดที่รักของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม แกนนำตท.12 งานนี้ต้องบอกว่าเป็นเรื่องแปลกแต่จริง พล.อ.อนุพงษ์ถูกลูกพรรคโหวตคว่ำ แทนที่พี่ใหญ่อย่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ประธานอมตะตลอดกาลของตท.6 จะออกมาปรามจะออกมาลงโทษจะออกมาเอาผิด 6 ส.ส.ปากน้ำที่แหกมติพรรคสวนคำพูดของตัวเอง ที่พล.อ.ประวิตรเคยอาญาสิทธิ์กำชับส.ส.พลังประชารัฐทุกคนต้องลงคะแนนไว้วางใจรัฐมนตรีทั้ง 11 คน ให้เท่าเทียมกัน เหมือนกรณีที่เกิดขึ้นในอดีตแต่รอบนี้ต้องบอกว่าป่าวเลย นอกจากจะไม่หวดก้นตบกบาลพวกแหกคอกนอกลู่นอกทางไม่พอ เที่ยวนี้บิ๊กป้อมยังรับลูกแถมลั่นวาจากลางเวทีพบปะชาวบ้านล่าสุด ปรับครม.เที่ยวหน้า 6 ส.ส.พลังประชารัฐปากน้ำอย่างน้อยต้องได้เป็นรัฐมนตรี เพราะได้ผู้แทนแบบยกจังหวัด
ทำเอาคอการเมืองงงเป็นไก่ตาแตกกันเป็นทิวแถว พล.อ.ประวิตรจะมามุกไหนเล่นเกมส์อะไร เพราะก๊วนส.ส.ปากน้ำเพิ่มสร้างวีรกรรมคว่ำบิ๊กป๊อกล้มสุชาติมาหยกๆ แทนที่จะเอาผิดลงโทษเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไปเหมือนกับที่อดีตพรรคเคยลงโทษ “มาดามเดียร์” น.ส.วทันยา บุนนาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ กับ 6 ส.ส. “กลุ่มดาวฤกษ์” กรณี “งดออกเสียง” ไว้วางใจ “เสี่ยโอ๋” นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจปี 2563 จนกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต หลังพรรคภูมิใจไทยไม่ยอม พร้อมเรียกร้องให้พรรคพลังประชารัฐในฐานะต้นสังกัดกลุ่มดาวฤกษ์ แสดงสปิริตรับผิดชอบ สุดท้ายลุงป้อมก็ตั้งนายไพบูลย์ นิติตะวัน ขึ้นมาเป็นประธานกรรมการสอบ
ก่อนจะมีการปรับมาดามเดียร์ออกจากการเป็นวิปรัฐบาล พร้อมกับแบน 6 ส.ส.ออกจากการเป็นกรรมาธิการ (กมธ.) ชุดต่างๆ อีก 3 เดือน ประกอบด้วย 1. น.ส.วทันยา 2. นายศิริพงษ์ รัสมี ส.ส.เขตหนองจอก 3. นางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา ส.ส.เขตคลองเตย-วัฒนา 4. น.ส.ภาดาท์ วรกานนท์ ส.ส.เขตราชเทวี 5. น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ ส.ส.เขตบางกะปิ-6. น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ ส.ส.เขตดุสิต แต่มารอบนี้กลับสองมาตรฐาน นอกจากจะไม่เอาผิด 6 ส.ส.ปากน้ำแล้ว หนักหน้าไปกว่านั้น พล.อ.ประวิตรยังให้ท้ายเตรียมยกเก้าอี้เสนาบดีให้ก๊วนปากน้ำด้วยหากมีการปรับครม.เที่ยวหน้า ทำให้มาดามเดียร์ต้องออกโรงแซะบิ๊กป้อมที่ตัดสินเรื่องเดียวกันแถมความผิดหนักหนามากกว่ากันไปคนละทางเลือกข้างใช้สองมาตราฐานแบบเต็มๆ “ ขอแสดงความยินดีกับกลุ่ม ส.ส. สมุทรปราการล่วงหน้าที่จะได้รับการปูนบำเหน็จเก้าอี้รัฐมนตรีในการปรับ ครม. ครั้งหน้าด้วยนะคะ….คนหนึ่งโดนลงทัณฑ์..คนหนึ่งได้รับรางวัล” วทันยาโพสต์เฟซบุ๊คทวงถามความเป็นธรรม ทำไมการพิจารณาเรื่องนี้ไม่เท่าเทียมกัน
เที่ยวนี้ไม่ว่า 6 ส.ส.ปากน้ำจะรับงานจาก “ผู้ใหญ่” คนไหน ไม่ว่าจะเป็น “เสี่ยเอ๋” ชนสวัสดิ์ อัศวเหม เจ้าพ่อปากน้ำบ้านใหญ่สมุทรปราการ หรืออดีตสีกากีเบอร์ใหญ่เจ้าของฉายา “ ป ที่ 4” ผู้มีบารมีนอกรัฐบาลที่ต้องการล้มพล.อ.อนุพงษ์กระทบชิ่งถึง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม แต่เป้าหมายก็เพื่อให้พล.อ.ประวิตรขยับไปนั่งเก้าอี้มท.1 ด้วยวิธีแบบนี้คิดหรือว่าพล.อ.ประยุทธ์จะยอมมอบตำแหน่งมท.1 ให้กับพล.อ.ประวิตรง่ายๆ อย่าลืมว่าพล.อ.อนุพงษ์นั่งเป็นมท.1มา 7 ปีเศษแล้ว ถ้าตัวเองไม่แน่จริงเขี้ยวไม่รากดินจริงไม่มีทางที่พล.อ.ประยุทธ์จะยอมให้มาถึงตรงนี้ ขนาดพล.อ.ประวิตรเคยเป็นรมว.กลาโหมยังเคยถูกพล.อ.ประยุทธ์ยึดเก้าอี้มาแล้ว เพราะฉะนั้นเรื่องปรับครม.อำนาจอยู่ในมือพล.อ.ประยุทธ์คนเดียว คงไม่ง่ายที่ส.ส.ปากน้ำแค่ 6 คนจะกดดันบิ๊กตู่ได้ ขนาด “ผู้กอง” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทยมีส.ส.เกือบ 20 คน ตอนเป็นมุ้งอยู่พรรคพลังประชารัฐก็ยังงัดค้างเอาพล.อ.ประยุทธ์ลงไม่ได้ เพราะฉะนั้นตัวการที่อยู่เบื้องหลัง 6 ส.ส.ปากน้ำล้มบิ๊กป๊อก ถ้าคิดว่าเรื่องแค่นี้จะทำให้บิ๊กตู่กลัวจนลนลานจนต้องปรับครม.ตาม ด้วยการริบเก้าอี้มท.1 จากพี่เลิฟมือทำงานอย่างบิ๊กป๊อกเอามาประเคนให้บิ๊กป้อม บอกได้เลยฝันกลางไม่มีทาง
นอกเหนือจากเก้าอี้มท.1 ที่มีความพยายามจากคนใกล้ชิดต้องการให้พล.อ.ประวิตรมานั่งในตำแหน่งมท.1 แล้วเรื่องสูตรคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อก็ยังวุ่นไม่จบ ล่าสุดแม้ที่ประชุมใหญ่รัฐสภาโดยความเห็นชอบของส.ส.และส.ว.ส่วนใหญ่จะมีมติให้คิดคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อด้วยสูตรหาร 500 แล้ว แต่วานนี้หลังกลับมาหารือกันต่อในมาตรา 24 หลักจากได้ข้อยุติเรื่องสูตรหาร 100 หรือหาร 500 ไปตั้งแต่การประชุมคราวที่แล้ว แต่ว่าวานนี้ที่ประชุมร่วมรัฐสภาก็ยังไม่ได้ข้อสรุป เพราะเหตุที่กมธ.วิสามัญฯ เสียงข้างมาก นำโดย นายสาธิต ปิตุเตชะ ประธานกมธ.วิสามัญฯ นายชินวรณ์ บุญยเกียรติ นายนิกร จำนงค์ ฯลฯ ที่ยืนกรานสูตรหาร 100 และโหวตแพ้ในการลงมติโหวตในที่ประชุมใหญ่คราวก่อน ยังยืนการเสียงแข็งตามความเห็นส่วนตัวให้ยึดสูตรหาร 100 หากกลับลำไปหาร 500 จะลำบากเพราะขัดรัฐธรรมนูญแหง๋ๆ ขณะที่ฝ่ายเห็นต่างสนับสนุนสูตรหาร 500 ก็ยืนยันว่าทำได้เพียงแต่ต้องแก้ 2 ขยักเข้าไปใส่ไว้ใน มาตรา 24 และ มาตรา 26 แต่ก็เถียงกันไม่จบที่สุดจึงต้องขอเลื่อนการพิจารณาในมาตรา 24 ถึง มาตรา 32 ในวาระ 2 ออกไปเพื่อให้กมธ.วิสามัญฯไปสรุปรายละเอียดหาข้อยุติมานำเสนอก่อน
ขณะที่สภามะรุมมะตุ้มเรื่องสูตรหาร 500 ว่าจะแก้กฎหมายลูกอย่างไรให้สอดคล้องกับการกลับลำ ฝ่ายทำเนียบรัฐบาลก็มีข่าวออกมาในทำนองหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลหลายคนอยากย้อนศรกลับไปใช้สูตรหาร 100 อีก ด้วยเหตุผลเพราะกังวลว่าการคิดสูตรหาร 500 ตัดตอนพรรคเพื่อไทยตัดทางแลนด์สไลด์ไปๆมาๆ ไอ้พรรคที่จะถูกตอนมันจะไม่ใช่แค่พรรคเพื่อไทยของฝ่ายทักษิณแค่พรรคเดียว แต่จะตอนพรรคพวกเดียวกันให้สูญพันธุ์ไปด้วย โดยเฉพาะส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ที่หากพรรคไหนได้ส.ส.เขตจำนวนมาก จะได้ส.ส.บัญชีรายชื่อน้อย เพราะติดเพดานส.ส.พึงมี ที่ต้องมีการคิดคำนวณจำนวนส.ส.ให้มีความสัมพันธ์กัน ประเด็นนี้แหละที่ทำให้พรรคร่วมรัฐบาลหลายพรรคหวั่นไหว ไม่ว่าจะเป็นพรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยพัฒนา ฯลฯ เพราะเลือกตั้งเที่ยวหน้าถ้าได้ส.ส.เขตมาก ส.ส.บัญชีรายชื่อจะได้สั้นจู๋ เผลอๆบางพรรคอาจไม่ได้เลย ประเด็นนี้ที่ผ่านมา “เสี่ยหนู” นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยเคยออกมาให้สัมภาษณ์ครั้งนึงแล้ว แต่เจ้าตัวก็บอกว่ายอมรับได้เลือกตั้งคราวหน้าพรรคภูมิใจไทยก็จะไปเน้นเขตให้ได้มากๆ ส่วนบัญชีรายชื่อก็แล้วแต่บุญกรรม งานนี้เสี่ยหนูอาจไม่ติดใจเพราะตัวเองและแกนนำพรรคส่วนใหญ่ส่วนเป็นรัฐมนตรีอยู่แล้ว แต่แกนนำพรรครองๆลงไป ที่ไม่ได้เป็นส.ส.เขต และอยู่ในลิสต์ส.ส.บัญชีรายชื่องานนี้มีหนาวแน่ เพราะแม้พรรคตัวเองอาจได้ร่วมรัฐบาลแต่ก็อาจหมดสิทธิ์เป็นส.ส.ในสภา มันย้อนแย้งกันอยู่ในตัว ข่าวว่าหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลหลายคนรับได้กับแนวคิดนี้ เพราะเป้าหมายหลักขอให้พรรคร่วมรัฐบาลชนะการเลือกตั้งเป็นรัฐบาลให้ได้ก่อน ล้มพรรคเพื่อไทยหยุดแลนด์สไลด์คือเรื่องสำคัญสุด ส่วนแต่ละพรรคจะได้ส.ส.บัญชีรายชื่อมากน้อยแค่ไหน เรื่องนี้อนาคตค่อยไปว่ากัน
ทำไมทำมางานนี้เลยมีความคิดว่าอาจจะมีการกลับลำกลับสูตรไปหาร 100 อีก งานนี้ก็เลยจะไปเข้าทางพล.อ.ประวิตรที่ปักใจอยากได้สูตรหาร 100 ตลอด เพียงแต่บังเอิญว่าที่ประชุมใหญ่เคยมีมติกลับลำสูตรหาร 500 มาแล้วครั้นจะกลับไปใช้สูตรหาร 100 อีกทีก็กระไรอยู่ แถมจะตอบสังคมไม่ได้ ล่าสุดเรื่องนี้ยังอีรุงตุงนังไม่รู้จะไปจบลงตรงไหน หนำซ้ำยังมีประเด็นไปไกลกว่านั้นอีก ถึงขนาดว่ามีหัวหน้าพรรคร่วมบางคนเสนอให้ “ผ่าทางตัน” ไม่ต้องคิดเรื่องหาร 100 หรือหาร 500 โดยขอถอยหลังเข้าคลองกลับไปใช้สูตรเลือกตั้งเดิมอีก คือ ใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว คิดคะแนนส.ส.บัญชีรายชื่อแบบจัดสรรปันส่วนผสม มีเพดานส.ส.พึงมี ทุกคะแนนเสียงไม่ตกน้ำ เหมือนที่เคยใช้ในการเลือกตั้งคราวที่แล้วเมื่อ 24 มี.ค. 2562 งานนี้แม้จะถูกด่าหนักหน่อยตอบสังคมลำบาก แถมยังต้องคว่ำวาระ 3 หรือไม่ก็ต้องลุ้นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีตกกฎหมายลูกสูตร 500 หาร หนักหน้ากว่านั้นคือต้องกลับไปแก้รัฐธรรมนูญที่เป็นกฎหมายแม่ใหม่ แต่เลือกตั้งคราวหน้าก็อาจจะชนะใสๆ แบบไม่ต้องลุ้น งานนี้น่าจะถูกใจพล.อ.ประยุทธ์และเข้าทางพล.อ.ประวิตรด้วย แม้ล่าสุดของล่าสุดกมธ.วิสามัธฯแก้กฎหมายลูกจะหาทางออกด้วยการแก้ไข 2 มาตราเพื่อไม่ให้ขัดรัฐธรรมนูญ ก่อนจะเสนอให้นายชวนวันที่ 1 ส.ค.เพื่อบรรจุเข้าสู่การพิจารณาต่อไป ทั้งเรื่องเก้าอี้มท. 1 ทั้งเรื่องสูตรหาร 100 ล้วนเข้าทางพล.อ.ประวิตรถูกใจผู้จัดการรัฐบาลอย่างที่สุด แต่ถึงเวลาจริงๆทั้งสองเรื่องจะไปเป็นตามใจพล.อ.ประวิตรหรือไม่ ทางเดินยังอีกยาวต้องตามไปลุ้นกัน
////////////////////