“นักอาชญาวิทยา” ชี้คดี 2 ศพฝังดินโบกปูน คนร้ายตั้งใจอุ้มฆ่า วางแผนอย่างดี

"นักอาชญาวิทยา" ชี้พฤติกรรมคนร้ายคดีพบ 2 ศพฝังโบกปูนโคราช มีความโหดเหี้ยมมาก ตั้งใจอุ้มมาฆ่า วางแผนมาเป็นอย่างดี แต่เชื่อท้ายที่สุดตำรวจจับผู้ก่อเหตุได้แน่นอน

วันที่ 2 ส.ค. 65 รองศาสตราจารย์ พันตำรวจโท ดร.กฤษณพงค์ พูตระกูล นักอาชญาวิทยา ผู้ช่วยอธิการบดีและประธานกรรมการ คณะอาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรม มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยเกี่ยวกับพฤติกรรมของคนร้ายที่ก่อเหตุฆาตกรรม 2 ศพ ก่อนนำร่างฝังดินโบกปูน ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ว่า ส่วนตัวมั่นใจคนร้ายวางแผนมาเป็นอย่างดี โดยตั้งใจแต่แรกว่า จะฆ่าให้ตาย ไม่ใช่แค่อุ้มตัวมาพูดคุย หรือ ตกลงปัญหาอะไรกัน ซึ่งถือว่าคนร้ายมีความโหดเหี้ยม แน่นอนการสังหารโหดและอำพรางศพในลักษณะดังกล่าว คนร้ายน่าจะมีความแค้น หรือ รักโลภ โกรธหลง ผู้ตายอย่างมาก เมื่อขัดแย้งกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องธุรกิจหรือ เรื่องอื่นๆ สุดท้ายก็จะจบลงด้วยการฆาตกรรม

รองศาสตราจารย์ พันตำรวจโท ดร.กฤษณพงค์ เปิดเผยอีกว่า ตอนนี้สิ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องหาข้อมูลอันดับแรกคือ ผู้ตายทั้ง 2 คนเป็นใคร เพราะถ้ายืนยันตัวบุคคลได้แล้ว จะทำให้การสืบสวนสอบสวนติดตามคนร้ายทำได้ง่ายขึ้น โดยสามารถไล่เลียงว่า วันสุดท้ายของผู้ตายทั้ง 2 คน อยู่กับใคร และไปในพื้นที่ไหนมาบ้าง ตนเองในฐานะเคยเป็นตำรวจกองบังคับการปราบปรามมาก่อน และเคยผ่านการทำคดีในลักษณะนี้มาแล้วนั้น มองว่า สิ่งที่ตำรวจกำลังทำอยู่ในเวลานี้ คือ พยานหลักฐานที่อยู่ในที่เกิดเหตุ เช่น ปลอกกระสุน ซึ่งถือเป็นหลักฐานสำคัญที่สามารถอีกอย่าง เนื่องจากปลอกกระสุนสามารถนำไปเทียบเคียงกับอาวุธปืนที่คนร้ายครอบครองได้ว่า มีขึ้นทะเบียนไว้หรือไม่ เช่นเดียวกับรอยสักที่เจ้าหน้าที่ต้องพยายามสืบหาช่างที่เคยสักให้กับผู้ตาย เพื่อจะช่วยไขความลับของคดีได้อย่างรอบด้าน

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ขณะเดียวกัน สำหรับพยานผู้เห็นเหตุการณ์ในพื้นที่ ก็ถือเป็นอีกปัจจัยสำคัญ แม้พื้นที่พบศพจะค่อนข้างเปลี่ยว แต่เชื่อว่า ถ้าชาวบ้านในพื้นที่ออกมาให้ข้อมูลในวันเกิดเหตุกับเจ้าหน้าที่มากขึ้น จะช่วยทำให้ตำรวจสืบหาคนร้ายได้เร็ว เพราะในพื้นที่ไม่มีกล้องวงจรปิด ซึ่งคำบอกเล่าของพยานในที่เกิดเหตุจะช่วยทำให้คดีคลี่คลายได้

 

นอกจากนี้ รองศาสตราจารย์พันตำรวจโท ดร.กฤษณพงค์ ยังเปิดเผยอีกว่า คนไทยอาจจะเคยได้ยิน หรือ ทราบข่าวคดีฆาตกรรมที่โหดเหี้ยมเช่นนี้มาแล้ว ซึ่งในข่าวมีกลุ่ม หรือขบวนการที่เรียกว่า “แก๊งลูกหมู” หรือ “แก๊งอ้วนผอม” ที่มักจะฆ่าเหยื่ออย่างโหดร้ายทารุณ เช่น ฆ่าหั่นศพ ตัดอวัยวะไปทิ้งตามที่ต่างๆ จากการวิเคราะห์มองว่า ที่ต้องตัดแยกชิ้นส่วนอวัยวะ ก็เพื่อให้ตำรวจไม่สามารถหาเบาะแสจากศพได้ แต่ในมุมของฆาตกรอาจเป็นการทำให้คนในขบวนการที่ทำด้วย เกิดความหวาดกลัว แต่ในท้ายที่สุดเชื่อว่า ตำรวจจะจับคนร้ายได้ เพราะในหลายๆคดีไม่มีหลักฐานใดๆเลย หรือไม่เจอแม้กระทั่งศพ บางคดีเจอแค่ชิ้นส่วนอวัยวะตำรวจก็ยังสามารถจับกุมคนร้ายมาแล้ว

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"กรมอุตุฯ" เตือน 48 จว. รับมือพายุฝนฟ้าคะนอง กทม.โดนด้วย
ทีมกู้ภัยยูนนานกลับจีน หลังเสร็จภารกิจในเมียนมา
โพลชี้คนไทยไม่เอากาสิโน หวั่นรัฐคุมไม่ได้ ประโยชน์ไม่ถึงคนไทย
โฆษกกทม. คาดภายในคืนนี้ สามารถลดระดับความสูงซาก "ตึกสตง." ถล่ม โซน E ได้ เปิดทางค้นหาต่อเนื่อง
นายกสุพิศ เปิดงานของดี อบต.รัตภูมิ สงขลา หวังต่อยอด เชิดชูอัตลักษณ์ประเพณีท้องถิ่น
ญี่ปุ่นเสนอร่วมโครงการวางท่อก๊าซกับสหรัฐ
มาเลเซียเรียกร้องอาเซียนผนีกกำลังต้านภาษีทรัมป์
โดนหนักแน่ “เอกนัฏ” จ่อฟัน “ซินเคอหยวน” เป็นคดีพิเศษเพิ่ม ลุยสอบซุกฝุ่นแดงมหาศาล
ทรัมป์พร้อมเจรจานานาชาติปมภาษีตอบโต้
สิงคโปร์ส่งแมลงสาบไซบอร์กกู้ภัยแผ่นดินไหวเมียนมา

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น