วันนี้(8 ส.ค.65 ) นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงกรณีสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงานกกพ.) เตรียมปรับขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปร หรือ ค่าเอฟที (FT) งวดเดือนก.ย.-ธ.ค. 2565 ว่า ในเรื่องการปรับขึ้นค่าไฟฟ้านั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ค่อนข้างเป็นห่วงเรื่องนี้ และกระทรวงพลังงานพิจารณาถึงมาตรการในการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าเอฟที ซึ่งต้องมีการหารือร่วมกับ กกพ. ในเร็วนี้ๆ
”กุลิศ” เผยนายกรัฐมนตรี ห่วงประชาชนได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าเอฟทีรอบเดือนก.ย.-ธ.ค.65 กระทรวงพลังงานเตรียมหารือร่วมกับกกพ. เร็วๆ นี้ พร้อมพิจารณามาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ
ข่าวที่น่าสนใจ
ทั้งนี้ ในส่วนของมาตรการที่จะนำมาช่วยเหลือ จะต้องพิจารณา ว่าหากมีการปรับขึ้นค่าเอฟที จะขึ้นในอัตราเท่าไหร่ และมาตรการช่วยเหลือประชาชนไม่ให้ได้รับผลกระทบจะเป็นอย่างไร เพราะหากปรับขึ้นจะขึ้นในอัตราที่ค่อนข้างสูงจาก 4.72 บาท ส่วนจะมีการปรับมติที่ประชุมบอร์ดฯหรือไม่นั้น นายกุลิศ ระบุว่า ไม่ขอก้าวล่วง
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ เรกกูเรเตอร์ มองว่า ขณะนี้ถึงเวลาที่จะต้องมีการปรับค่าเอฟที เนื่องจากว่า ต้นทุนที่ปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งสิ่งหนึ่งที่รัฐบาลและกระทรวงจะต้องเข้ามาดูแล คือ หากค่าเอฟทีปรับขึ้น ประชาชน ผู้มีรายได้น้อยได้รับผลกระทบจะเข้าไปดูแลอย่างไร
ส่วนปัญหาของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. ที่แบกรับต้นทุนค่าเชื้อเพลิงก๊าซฯ แทนผู้ใช้ไฟฟ้า ซึ่งถึงสิ้นเดือนส.ค.นี้ จะปรับขึ้นถึงกว่า 1 แสนล้านบาทนั้น นายกุลิศ ย้ำว่า ก็คงต้องหาทางในเรื่องการแบกรับค่าเอฟที เนื่องจากจะกระทบสภาพคล่องของ กฟผ.ด้วย ภาครัฐก็จะเข้าไปช่วยดู แต่ช่วยอย่างไรก็กำลังทำมาตรการกันอยู่จากหลายๆ หน่วยงาน อาจจะเป็นรูปแบบของเงินกู้ต่างๆ
สำหรับมติบอร์กกพ. เมื่อวันที่ 27 ก.ค. 2565 อนุมัติค่าเอฟที งวดเดือนก.ย.-ธ.ค.65 ในอัตรา 93.43 สตางค์ต่อหน่วย หรือเพิ่มขึ้น 68.66 สตางค์ต่อหน่วย จากงวดปัจจุบันเดือนพ.ค.-ส.ค. 2565 ที่ 24.77 สตางค์ต่อหน่วย และเมื่อรวมค่าไฟฐานราว 3.79 บาท จะทำให้ค่าไฟฟ้าโดยรวมที่ประชาชนต้องจ่ายเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 4.72 บาทต่อหน่วย เพิ่มขึ้นจากเดือนพ.ค.-ส.ค.65 ที่ประชาชาชนจ่าย 4 บาทตอ่หน่วย โดยแนวทางนี้ถือเป็นอัตราต่ำสุด เพราะยังไม่มีการคืนหนี้ให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่แบกรับต้นทุนเชื้อเพลิงมาตั้งแต่ปี 2564
อย่างไรก็ตาม กกพ.ได้แจ้งมติการประชุมเคาะเอฟทีเมื่อวันที่ 27 ก.ค. ให้ 3 การไฟฟ้า ทั้งการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) การไฟฟ้านครหลวง(กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) ทราบแล้วตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม ตามขั้นตอนทางกฎหมายที่ต้องแจ้งก่อนวันปรับเอฟทีจริงเป็นเวลา 30 วัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง