วันนี้ นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลงถึงการเฝ้าระวังสายพันธุ์โควิด 19 ว่า จากการตรวจสายพันธุ์โอมิครอน ระหว่างวันที่ 30 กรกฎาคม ถึง 5 สิงหาคม 2565 ตรวจทั้งหมด 382 ตัวอย่าง พบสายพันธุ์ BA.1 อยู่ 1 ตัวอย่าง ส่วน BA.2 มี 58 ตัวอย่าง BA.4 +BA.5 พบ 322 ตัวอย่าง ส่วน BA.2.75 พบ 1 ตัวอย่างในสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้เดินทางมาจากต่างประเทศพบ 22 ตัวอย่าง ส่วนในประเทศมี 360 ตัวอย่าง โดยกลุ่มที่เดินทางจากต่างประเทศส่วนใหญ่เป็นสายพันธ์ BA.4 – BA.5 ส่วนในประเทศก็เพิ่มขึ้น แบ่งเป็นกรุงเทพฯ พบ 92% เป็น BA.4 และBA.5 ส่วนการตรวจเบื้องต้น BA.5 แพร่เร็วจริง
ข่าวที่น่าสนใจ
และเทียบกับ BA.4 ย่อมเร็วกว่า ซึ่งสอดคล้องกับทั่วโลก ขณะที่ความรุนแรงจะสรุปยากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเกือบทั้งหมดติด BA.4 และBA.5 หมดแล้ว การจะแยกว่าเทียบกับของเดิมจะทำได้ยากขึ้น สรุปเบื้องต้นก็ไม่ได้แตกต่างกันมาก
ส่วนโอมิครอนสายพันธุ์อื่น อย่าง BA.2.75 ที่เคยเป็นประเด็นในอินเดีย มีการรายงานข้อมูลไป Gisaid พบ 1,434 รายทั่วโลก สำหรับประเทศไทยขณะนี้พบ 5 ราย ได้ตรวจแบบถอดรหัสพันธุกรรมทั้งตัว และในสัปดาห์หน้าในสัดส่วนพื้นที่อื่นๆก็จะสามารถตรวจได้แล้ว ดังนั้นต่อไปจะทำให้ทราบถึงสัดส่วนได้ครอบคลุมขึ้น
ทั้งนี้ผู้ติดเชื้อ BA.2.75 ในไทยจำนวน 5 รายราย ได้แก่ 1.ชายไทย อายุ 53 ปี จ.ตรัง 2.ชายไทย อายุ 62 ปี จ.แพร่ 3.ชายไทยอายุ 18 ปี จ.น่าน 4.ชายไทยอายุ 62 ปี จ.สงขลา เป็นผู้ป่วยติดเตียง ไม่เคยได้รับวัคซีนโควิดเนื่องจากระบุว่าแพ้ง่าย ทำให้มีอาการหนักต้องเข้ารักษาในไอซียู ใส่ท่อช่วยหายใจ และ 5.หญิงไทย อายุ 85 ปี กทม. เป็นผู้ป่วยติดเตียง
ส่วนกรณีอังกฤษ และ สหรัฐ พบการติดเชื้อ BA.4.6 นั้น ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาของเชื้อไวรัสที่มีการกลายพันธุ์ โดยเชื้อไวรัสสายพันธุ์ย่อยนี้เป็นส่วนหนึ่งของสายพันธุ์โอไมครอน และพบมานานแล้ว ตั้งแต่ปี 2020 ซึ่ง WHO ยังไม่ได้มีการประกาศเตือน จัดอันดับหรือจับตา อีกทั้งยังไม่พบในไทย ดังนั้น ต้องมีการติดตามและเฝ้าระวังต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง