“ธนารักษ์” ฝืนสุดๆ เร่งหารือทีมกม. อุทธรณ์ศาลฯ เดินหน้าเซ็นท่อส่งน้ำ EEC

รมช.สันติ เผย กรมธนารักษ์ เร่งหารือกับฝ่ายกฎหมาย อัยการ หาแนวทางอุทธรณ์ต่อศาลปกครอง เพื่อเดินหน้าโครงการท่อส่งน้ำ EEC หลังศาลฯ สั่งชะลอเซ็นสัญญา เมื่อวันที่ 3 ส.ค. ออกไปก่อน และเตรียมลงพื้นที่ตรวจสอบความพร้อมถ่ายโอนให้ผู้ประกอบการรายใหม่

หลังจากเมื่อวันที่ 2 ส.ค.65 ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งทุเลาการบังคับการดำเนินการในการเซ็นสัญญาท่อส่งน้ำภาคตะวันออก ระหว่างกรมธนารักษ์ กับ บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด ในวันที่ 3 ส.ค.65 ออกไปก่อนเป็นการชั่วคราว จนกว่าศาลจะมีคำสั่งชี้ขาดคดีหรือมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น

ล่าสุด เมื่อวันที่ 10 ส.ค.65 นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการที่ราชพัสดุ เปิดเผยความคืบหน้าโครงการบริหารและดำเนินการกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก ว่า ขณะนี้กรมธนารักษ์ ได้ศึกษาสิ่งที่ทางด้านของบริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ อีสท์ วอเตอร์ ได้ร้องไปที่ศาลปกครองกลาง รวมถึงแนวทางการแก้ข้อกล่าวหาที่จะอุทธรณ์ขึ้นไปเพื่อให้ศาลปกครอง ได้เปลี่ยนคำวินิจฉัยอีกครั้ง รวมถึงการลงพื้นที่ เพื่อทำการตรวจสถานที่เพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งกรมธนารักษ์เองได้มีการหารือในประเด็นต่างๆ กับฝ่ายกฎหมาย กับทั้งอัยการ และฝ่ายกฎหมายของกรมธนารักษ์ เพื่อเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด

โดยในการลงพื้นที่ จะเป็นการตรวจสอบสถานที่จริง ตรวจสอบการใช้พื้นที่ของรัฐในการนำไปหาประโยชน์และอื่นๆ เนื่องจากในช่วง 30 ปีที่ผ่านมาอีสท์ วอเตอร์ ได้รับมอบหมายจากกรมธนารักษ์ ให้ดำเนินการโครงการนี้ อีกทั้งขณะนี้ ใกล้จะสิ้นสุดสัญญา จึงต้องลงพื้นที่ไปตรวจสอบให้เกิดความพร้อมในการถ่ายโอนให้ผู้ประกอบการรายใหม่เข้ามาดำเนินการแทน และไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้น้ำในภาคตะวันออก ทั้งหมด

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายความกังวลว่า ท่อส่งน้ำ 2 เส้น จากทั้งหมด 3 เส้นของกรมธนารักษ์ จะสิ้นสุดอายุการบริหารจัดการไม่พร้อมกัน ดังนั้น หากมีผู้ดำเนินการมาดำเนินการพร้อมกัน 2 ราย อาจส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ นายสันติ ระบุว่า ในส่วนของท่อส่งน้ำภาคตะวันออกนั้น กรมธนารักษ์ได้มอบหมายให้อีสท์ วอเตอร์ บริหารจัดการเพียงสัญญาเดียว คือ สัญญาที่เริ่มตั้งแต่ ปี 2536 และจะสิ้นสุดในปี 2566 (โครงการท่อส่งน้ำดอกกราย)

ส่วนอีก 2 เส้น (โครงการท่อส่งน้ำหนองปลาไหล – หนองค้อ และโครงการท่อส่งน้ำหนองค้อ – แหลมฉบัง ระยะที่ 2 ) ทางกรมธนารักษ์ ได้ให้อีสท์ วอเตอร์ บริหารไปก่อน ไม่ได้มีการลงนามในสัญญาใดๆ และขณะนี้ทางด้านกรมธนารักษ์ ได้บอกเลิกการบริหาร และให้บริษัทส่งคืนพื้นที่มายังกรมธนารักษ์แล้ว

ดังนั้น ในระหว่างที่มีปัญหาการฟ้องร้องในศาลปกครอง กรมธนารักษ์สามารถที่จะเข้าไปตรวจสอบท่อส่งน้ำต่างๆ เพื่อนำกลับมาบริหารจัดการใหม่อีกครั้ง เพื่อทำให้การเปลี่ยนผ่านการบริหารท่อส่งน้ำภาคตะวันออก มีประสิทธิภาพและผู้ใช้น้ำภาคตะวันออก ได้มั่นใจว่าการเปลี่ยนผ่านในครั้งนี้จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เกิดขึ้น

 

ส่วนเรื่องราคาน้ำประปาดิบที่หลายฝ่ายกังวลว่า อาจพุ่งสูงไปถึง 20 บาทต่อลูกบาศก์เมตร หากมีผู้บริหารรายใหม่เข้ามาดำเนินการบริหารจัดการน้ำนั้น นายสันติ ระบุว่า โอกาสที่ราคาน้ำประปาดิบจะพุ่งสูงถึง 20 บาทต่อลูกบาศก์เมตร เป็นไปไม่ได้ เนื่องจากในสัญญาได้กำหนดหลักเกณฑ์การบริหารจัดการน้ำตลอดระยะเวลา 30 ปี ต้องไม่เกิน 10.98 บาทต่อลูกบาศก์เมตร ดังนั้น ผู้ที่ได้รับการบริหารโครงการนี้ไปจากกรมธนารักษ์จะไม่สามารถเก็บค่าน้ำได้เกินกว่าที่ระบุไว้ในทีโออาร์ ซึ่งในส่วนของผู้ใช้น้ำไม่ต้องกังวลเพราะราคาดังกล่าวเป็นราคาที่ต่ำกว่าปัจจุบันนี้แน่นอน

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“เอกภพ” ได้ประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมให้ข้อมูลเท็จดิไอคอน จ่อฟ้องกลับ
สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น