ตำรวจ ยอมรับทำหน้าที่บกพร่อง ไปไม่ถึงที่เกิดเหตุ ก่อนพบผู้ตายอยู่ในรถ

กู้ภัยยืนยัน ทีมงานทั้ง 6 คน ตำรวจจราจร 1 นาย ไม่พบผู้บาดเจ็บ ขณะที่พนักงานสอบสวนยอมรับ ทำหน้าที่บกพร่องไปไม่ถึงที่เกิดเหตุ ก่อนพบผู้ตายอยู่ในรถ

จากกรณีการเกิดอุบัติเหตุรถยนต์เก๋งเสียหลักพลิกคว่ำ กลางถนนมอเตอร์เวย์สาย 7 เมื่อวันที่ 9 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้มีการเก็บกู้ซากรถออกจากจุดเกิดเหตุ ก่อนจะพบว่ามีศพติดอยู่ในซากรถคันดังกล่าวด้วย จนกลายเป็นที่สงสัยของสังคม ว่าเหตุใดจึงมีการปล่อยศพทิ้งไว้ในซากรถยนต์นานกว่า 12 ชั่วโมง

พลตำรวจตรี เอกราช ลิ้มสังกาศ ผู้บังคับการ กองบังคับการตำรวจทางหลวง ชี้แจงว่า วันเกิดเหตุพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 8 ได้รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุรถยนต์เฉี่ยวชนแบริเออร์บนถนนมอเตอร์เวย์สาย7 ขาออก ช่วง กม.105+700 จึงได้ประสานศูนย์วิทยุกู้ภัยแหลมฉบังให้รีบเข้าช่วยเหลือ โดยเจ้าหน้าที่กู้ภัยชุดแรกถึงจุดเกิดเหตุในเวลา 07.54 น. เจ้าหน้าที่กู้ภัยชุดที่ 2 ถึงจุดเกิดเหตุในเวลา 08.07 น. หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและกู้ภัยทั้งหมดเดินทางไปถึงจุดเกิดเหตุ ได้ร่วมกันตรวจสภาพที่เกิดเหตุอย่างละเอียด และยืนยันว่าไม่พบผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ พบเพียงแต่เอกสารใบสั่งยาระบุชื่อ นายภัทรชัย อรรถพร สันนิฐานว่าผู้ขับขี่อาจถูกนำส่งโรงพยาบาลแล้ว จึงได้เคลื่อนย้ายรถที่เกิดเหตุไปเก็บไว้ที่หน่วยสอบสวนเขาเขียวเมื่อเวลา 09.28 น. เพื่อดำเนินการสอบสวนตามกฎหมายต่อไป

จากนั้นพนักงานสอบสวนได้ประสานไปยังศูนย์บริหารจัดการจราจร เพื่อขอภาพตอนขณะเกิดเหตุและได้ติดต่อสอบถามไปยังโรงพยาบาลต่างๆ ในพื้นที่เพื่อติดตามหาตัวผู้ขับขี่ แต่ก็ยังไม่พบ จึงได้เข้าไปตรวจสอบที่รถอีกครั้งเมื่อเวลา 18.00 น. พบว่ามีผู้เสียชีวิตติดอยู่ที่พื้นรถใต้พวงมาลัยด้านคนขับ โดยมีกองเสื้อผ้าปิดทับอยู่ ซึ่งผู้เสียชีวิตคือนายภัทรชัย อรรถพร อายุ 68 ปี จึงได้แจ้งให้ญาติผู้เสียชีวิตทราบ พร้อมทั้งประสานพนักงานสอบสวน สภ.ศรีราชา และส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมชันสูตรพลิกศพตามกฎหมาย โดยได้ส่งศพไปยังสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการเสียชีวิต แพทย์ระบุสาเหตุการตาย เนื่องจากภาวะเลือดคั่งในช่องเยื่อหุ้มหัวใจ จากขั้วหัวใจฉีกขาด ปริแตกและกระดูกซี่โครงหัก นอกจากนี้ทางกองพิสูจน์หลักฐานไม่พบร่องรอยการเฉี่ยวชนกับรถคันอื่นแต่อย่างใด

ข่าวที่น่าสนใจ

ทั้งนี้กรมทางหลวงและกองบังคับการตำรวจทางหลวง ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุการณ์ดังกล่าวร่วมกัน โดยมีรองอธิบดีกรมทางหลวงเป็นประธาน โดยหลังจากนี้จะสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งภาพจากกล้องวงจรปิด พยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อให้ได้ข้อมูลประกอบการพิจารณาถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำเหตุการณ์ดังกล่าวมาทบทวนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำอีก

ด้าน นายภาสกร ศิริภาพ เจ้าหน้าที่กู้ภัย เผยว่า ในวันเกิดเหตุตนได้รับแจ้งเหตุและใช้เวลาในเดินทางไปจุดเกิดเหตุประมาณ 5 นาที พบ รถกับแบริเออร์จอดหันข้างเข้าด้านซ้าย ตนและทีมงานอีก 3 คน จึงลงไปตรวจสอบเมื่อมองเข้าไปในรถจากฝั่งประตูด้านซ้ายแต่ไม่พบผู้ขับขี่ และไม่ได้ยินเสียงขอความช่วยเหลือ แต่เห็นทรัพย์สินของใช้ส่วนตัวยังอยู่ จึงได้กระจายกำลังกันเดินตรวจสอบบริเวณโดยรอบแล้วแต่ไม่พบ เบื้องต้นได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่าไม่พบผู้ขับขี่ ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต คาดว่าอาจมีผู้หวังดีที่ขับผ่านมาอาจนำตัวผู้บาดเจ็บไปส่งโรงพยาบาล พร้อมกับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้ง ส่วนตนก็มาอำนวยความสะดวกทางด้านจราจรต่อ เพราะจุดเกิดเหตุเป็นทางโค้งอันตราย

ด้าน พ.ต.ท.รัตพล วรรณะ พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 8 กองบังคับการตำรวจทางหลวง เผยว่า ในวันเกิดเหตุตนได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ แต่ระหว่างทางได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่กู้ภัยผ่านทางวิทยุว่าไม่พบผู้บาดเจ็บ หรือ ผู้เสียชีวิต จึงสันนิษฐานได้ว่าผู้ขับขี่อาจจะไปโรงพยาบาลด้วยตนเอง จึงตัดสินใจเดินทางกลับไปยังจุดประจำการ และได้โทรไปตรวจสอบตามโรงพยาบาลที่คาดว่าน่าจะเป็นไปได้ อีกทั้งยังมีหลักฐานที่เพียงพอในการติดตามคดีและได้ประสานขอตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด พบว่าอุบัติเหตุดังกล่าวไม่มีคู่กรณี จึงประสานทางจราจรยกรถยนต์ที่เกิดเหตุไปไว้ที่ หน่วยสอบสวนเขาเขียว ก่อนในช่วงเย็นมีคนแจ้งว่าพบผู้เสียชีวิตในรถยนต์คันดังกล่าวก่อนแจ้งให้ญาติทราบ ซึ่งการปฏิบัติหน้าที่ในครั้งนี้ต้องขอยอมรับว่า ไม่ได้เดินทางไปถึงในที่เกิดเหตุจริง ทางที่เป็นความอยู่ในการรับผิดชอบของตนซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนของกรมทางหลวง ส่วนในการใช้ดุลพินิจในการเดินทางกลับนั้น เหตุเพราะมีเจ้าหน้าที่จราจรซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนอีกท่านหนึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุ

ขณะที่ กลมทางหลวง ได้ชี้แจงกรณีที่ทางญาติผู้เสียชีวิตได้พยายามติดต่อสอบถามหาถึงผู้รับผิดชอบมา 2 วัน แต่ได้ไม่ได้รับการรับหรือติดต่อกลับมา โดย นายธนศักดิ์ วงศ์ธนากิจเจริญ ผู้แทนกลมทางหลวง เผยว่า ได้ติดต่อลูกสาวผู้ชีวิตกลับไปแล้วว่า ทางกลมทางหลวงจะรับผิดชอบในเบื้องต้น และเป็นเจ้าภาพในการจัดงานศพทั้ง 3 วัน ซค่งขณะนี้ได้จัดตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว และจะปรับมาตราการบริการเข้าช่วยเหลืออุบุติเหตุ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก

พ.ต.อ.นพ.ปกรณ์ วะศินรัตน์ ผู้แทนสถานิติเวชวิทยา จากการผ่าชันสูตรศพพบ มีรอยบอบช้ำของตามร่างกายเป็นส่วนด้านหน้าของร่างกายทั้งหมด หน้า, แขน, หน้าอก, ข้อมือ และมีแผลถลอกตามร่างกาย ด้านหลังไม่มีบาดแผล อีกทั้งจากการผ่าตรวจสอบด้านใน พบภายในทรวงอกได้รับบาดเจ็บสาหัส, ซีกโครงทั้ง 2 ข้าง หักหลายซีก, เยื่อหัวใจช้ำ, ขั้วเลือดช่องหัวใจไหลออก ซึ่งเป็นสาเหตุของการเสียชีวิต ซึ่งอาการดังกล่าวเป็นอาการขั้นรุนแรง ถ้าไม่เสียชีวิตทันที ก็ไม่สามารถขยับตัวได้ ซึ่งหากไม่นำตัวส่งโรงพยาบาลเข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงทีก็จะเสียชีวิตในเวลาต่อมา

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ชาวเลบานอนแห่กลับบ้านหลังข้อตกลงหยุดยิงมีผล
ตลาดรีไซเคิลแบตเตอรี่ของจีนกำลังเติบโตอย่างมาก
ฟ้องร้องกันวุ่นที่ดินระหว่าง อบต.กับประชาชนต่างอ้างมีสิทธิ์ครอบครองที่ดินเจ้าปัญหา
“นายกฯ” ถกทีมกุนซือ วางแผนรับมือเศรษฐกิจ
"สรรเพชญ" จี้รัฐบาล เร่งช่วยชาวใต้ประสบภัยน้ำท่วม ฝากมหาดไทยดูแก้วิกฤตระยะยาว
"เพจดัง" แฉก๊วนสส.พรรคส้ม บินดูงานยุโรปฉ่ำ ชาวเน็ตเดือดถามลั่น ตัดงบดูงานกี่โมง
รอ 4 เดือน!! เมืองคอนหลายพื้นที่น้ำยังท่วมหนัก-ว่าที่นายก อบจ.“น้ำ”วาริน ชิณวงศ์ ลุยเยี่ยมให้กำลังใจแต่ยังช่วยอะไรได้ไม่มากนักคาดต้องรออีก 4 เดือน
“เจ๊หนิง” คู่กรณี “ภรรยาบิ๊กโจ๊ก” ยันสู้คดีเต็มที่ หลานเตรียมมอบตัวพรุ่งนี้
มูลนิธิพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ร่วมกับ กรมอุทยานแห่งชาติฯ มูลนิธิอนุรักษ์พันธุกรรมพืชสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ กองทัพเรือ และจ.กระบี่ ร่วมใจจัดโครงการรวมใจภักดิ์รักษ์ทะเลไทยใสสะอาดเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567
ตม.สระแก้วร่วม กับ ฉก.อรัญประเทศฯ สกัดจับ 8 ชาวบังคลาเทศ หิวโซ ลอบเข้าไทยช่องธรรมชาติ

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น