พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งยังคงเป็นรูปแบบการประชุมวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ โดยในช่วงแรกนายกฯรายงานสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลก จากนั้นนายกฯ ได้พูดถึงสถานการณ์โควิด-19และการจัดซื้อวัคซีนของไทย ว่า ให้นำความคิดเห็นทางการแพทย์พิจารณาอย่างรอบคอบ และอ้างอิงจากแพทย์เป็นหลัก รวมถึงพิจารณาเอกสาร เนื่องจากรัฐบาลมีความรู้และความเชี่ยวชาญไม่เท่าแพทย์ขอให้ทางการแพทย์ว่ากันไป เพราะมีคณะกรรมการโรคติดต่อที่ดูเรื่องนี้อยู่แล้ว
ขณะเดียวกันที่ประชุมครม.ยังพูดคุยกันถึงเรื่องการอนุญาตให้ใช้ชุดตรวจแบบตรวจแบบแอนติเจนด้วยตนเอง (โควิด-19 Antigen test self-test kits) โดยนายกฯ สั่งการให้นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฎ์ รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ไปดูว่า ทำไมราคาชุดตรวจ จึงสูงถึงราคา 200-300 บาท และหามาตรการควบคุมราคาด้วย โดยให้นำกลับเข้ามารายงานในครม.อีกครั้งว่าจะมีวิธีการจัดการอย่างไรที่จะไม่ให้ราคาแพงมาก
อีกทั้งยังสอบถามกระทรวงการคลังว่ามีการเก็บภาษีหรือไม่ โดยนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ชี้แจงว่า กระทรวงการคลังไม่มีการเก็บภาษีเวชภัณฑ์ใด ๆที่ใช้กับโรคโควิด-19 อยู่แล้ว ส่วนใหญ่จะอ้างเรื่องค่าดำเนินการมากกว่า เอกชนอาจจะไปขึ้นราคากันเอง
ด้าน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข เน้นย้ำว่า ตามความเป็นจริง ประชาชนไม่สามารถที่จะซื้อชุดตรวจดังกล่าวมาใช้ตรวจเองได้ ประชาชนจะต้องไปตรวจที่คลินิก เพื่อตรวจคัดกรองเบื้องต้นก่อน ประชาชนยังซื้อมาใช้ด้วยตัวเองไม่ได้ จึงขอเน้นย้ำว่า กลัวประชาชนจะซื้อมาใช้ตรวจเองแล้วเกิดอันตราย จึงยังไม่แนะนำให้ประชาชนซื้อมาใช้ตรวจเอง และชุดตรวจโควิด-19 มีการอนุญาตนำเข้ามาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ขายตรงให้กับโรงพยาบาลและใช้ในโรงพยาบาล โดยมีบริษัทขึ้นทะเบียนกับองค์การอาหารและยา (อย.)ไปแล้ว 24 แห่ง
ขณะที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ชมเชยหน่วยงาน อาทิ กระทรวงการคลัง กรมสรรพากร กรมสรรพสามิต และทุกหน่วยงานออกแถลงการณ์แก้ข่าวเท็จ (เฟกนิวส์) กรณีที่มีกระแสข่าวว่าจะมีการเก็บภาษีจัดซื้อวัคซีนโมเดอร์หน้า ซึ่งวิธีการดังกล่าวเป็นการจัดการที่ดี เช้าทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาช่วยกันแก้ข่าว จึงอยากให้มีแนวทางการแก้ปัญหากับข่าวเฟกนิวส์เช่นนี้ในทุกกระทรวงและหน่วยงาน
ส่วนนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม รายงานเรื่องผลการยึดทรัพย์คดีที่เกี่ยวข้องกับยาเสพประมาณ 6,700 ล้านบาท นายกฯ จึงขอให้ทุกกระทรวงนำเสนอผลสรุปการทำงานของแต่ละกระทรวงนำเสนอประชาชนเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับประชาชนด้วย รวมถึงนายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ชื่นชมและขอบคุณพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีที่ริเริ่มโครงการข้าวล้านกล่อง เพื่อช่วยเหลือประชาชนในช่วงสถานการณ์ โควิด-19 ถือเป็นเรื่องที่ดีอยากจะให้ช่วยกันประชาสัมพันธ์
ขณะเดียวกัน ช่วงท้ายนายกฯสั่งการเรื่องมาตรการเยียวยาประชาชนและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบในช่วงการแพร่ระบาดของโรค โควิด-19 ขอให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)ไปดูมาตรการเพิ่มเติมที่จะช่วยเหลือประชาชนไว้ด้วย รองรับหากสถานการณ์ภายในประเทศยังไม่ดีขึ้น รัฐบาลจะต้องดูแลช่วย เหลือประชาชน ผู้ประกอบการและคนในประเทศ ขอให้ไปเตรียมการเรื่องดังกล่าวมาด้วย
อย่างไรก็ตาม นายกฯยังกำชับเรื่องการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ และแรงงานต่างด้าวในช่วงสถานการณ์โคยิด-19 ว่าหากพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องและมีหลักฐานเพียงพอให้เอาออกจากราชการไว้ก่อนได้เลย ขอให้ตั้งเป้าให้ได้ว่าจะทำอย่างไร รวมถึงการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ และข่าวเฟกนิวส์ที่ออกมา ทุกหน่วยงานจะต้องช่วยกันชี้แจงข้อเท็จจริงให้ประชาชนรับทราบโดยเร็ว