18 ส.ค.65.-พลเอกสุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) เปิดเผยว่าการประชุม ศบค.ในวันพรุ่งนี้จะมีการพิจารณาข้อเสนอของกระทรวงสาธารณสุขที่จะกำหนดกรอบแนวทางโรค โควิด-19 เป็นโรคที่จะต้องเฝ้าระวัง 1 ตุลาคมนี้ เพราะที่ผ่านมาการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ โควิด-19 ศบค. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อประกาศเป็นโรคเฝ้าระวังแล้วจะยุบ ศบค.หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ และต้องประเมินสถานการณ์ว่าจำเป็นจะต้องใช้กฎหมายพิเศษหรือไม่
เลขาฯสมช.เผยที่ประชุม ศบค. เตรียมพิจารณาแผนกระจายยารักษาโควิด-19 พิจารณาแผนรับมือการประกาศเป็นโรคเฝ้าระวัง 1 ตุลาคมนี้ ประเมินอีกครั้งยุบศบค.
ข่าวที่น่าสนใจ
ขณะที่ข้อเสนอของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาในการขยายเวลาการเปิดผับจนถึงเวลาตี 4 นั้น ในวันพรุ่งนี้ในที่ประชุม กระทรวงการท่องเที่ยวฯก็จะไม่เสนอเรื่องนี้ แต่หากมีการเสนอ ทาง ศบค.ก็ต้องให้ข้อกังวลว่าจะส่งผลกระทบด้านใดบ้าง พร้อมกันนี้รับทราบสถานการณ์ภาพรวมของการติดเชื้อโรคภูมิภาคและในประเทศไทย โรับทราบรายงานสถานการณ์ด้านการท่องเที่ยวด้านเศรษฐกิจตัวเลขต่างๆที่เติบโตขึ้นรวมถึงข้อจำกัดที่จะต้องดำเนินการแก้ไขปรับปรุงเพิ่มเติม รวมถึงรายงานสถานการณ์การเปิดด่านใช้แดนที่เปิดมาได้หนึ่งเดือนกว่าว่ามีความคืบหน้าอย่างไร มีความติดขัดหรือต้องปรับปรุงอย่างไร ภายใต้การควบคุมที่ให้ระบบเศรษฐกิจดีขึ้นกว่านี้ รวมถึงแผนการกระจายยา ยกระดับให้ดีขึ้น หลังจากที่กระจายไปยังโรงพยาบาลเอกชน และคลินิกเวชกรรมแล้ว ต่อไปก็จะขยายไปยังร้านขายยาชั้นหนึ่งให้จำหน่ายยาได้ภายใต้การกำกับดูแลของแพทย์
นอกจากนี้ที่ประชุมเตรียมพิจารณาแผนที่ต้องชัดเจน ไปสู่โรคติดต่อไม่ร้ายแรงหรือประกาศเป็นโรคประจำถิ่นโดยจะมีการเสนอในที่ประชุมให้รับทราบและย้ำว่าเรื่องนี้อยู่ในอำนาจของคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติที่สามารถพิจารณาได้อยู่แล้วโดยคณะแพทย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในคณะกรรมการโรคติดต่อ โดยจะต้องมีการเตรียมแผนประเมินสถานการณ์ไว้หากมีสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงกระทรวงสาธารณสุขก็จะพิจารณาจะปรับอย่างไรก็ต้องว่าไปตามนั้น แต่ในแผนนี้มีความสำคัญที่ต้องเตรียมก่อนเนื่องจากต้องมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องไปเตรียมแผนรองรับอีก โดยใช้กลไก พ.ร.บ.โรคติดต่อแห่งชาติ และจะต้องมีการพิจารณา กฎหมายพิเศษอื่นๆอีกหรือไม่ ทั้งนี้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดก็จะทำงานเป็นหมวกสองใบคือมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเตรียมในพื้นที่ตามกรอบตามเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุข เช่นเดียวกับกรุงเทพมหานครก็ต้องเตรียมบูรณาการจังหวัดข้างเคียงพื้นที่แปลงใหญ่ปริมณฑลซึ่งมีความเชื่อมโยงกันค่อนข้างมีความใกล้ชิดเพื่อให้ทุกส่วนได้เตรียมการไว้ โดยการประชุมพรุ่งนี้จะสรุปแผนอย่างชัดเจน
เลขาฯสมช. ยังย้ำว่าเมื่อสถานการณ์โควิดคลี่คลายลงแล้ว ยังจำเป็นต้องใช้กฎหมายฉุกเฉินหรือไม่นั้นเห็นว่า ขณะนี้ยังใช้อยู่เพราะมีความจำเป็นที่จะต้องกำกับควบคุมคนเดินทางเข้าออกประเทศ และห้ามในการกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่จะก่อเกิดให้เกิดโรคระบาด ซึ่งเมื่อดูเหมือนตัวเลขพบว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น แต่มาตรการในการรองรับทั้งการรักษาพยาบาลการกระจายยาการดูแลรักษาตนเองของผู้ป่วย ที่ประชาชนดำเนินการอยู่เป็นไปในทิศทางที่ดี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
-