22 ส.ค.2565 นับถอยหลัง 24 ชั่วโมงก่อนหน้าเดดไลน์ที่ฝ่ายค้าน ฝ่ายแค้น ฝ่ายคัน อยากยิกอยากไล่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม เพราะคิดเองเออเองขี้ตู่เองว่าพล.อ.ประยุทธ์จะครบวาระการดำรงตำแหน่งนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 158 วรรค 4 เที่ยงคืนของวันอังคารที่ 23 ส.ค.2565 ภายหลังจากขึ้นเป็นนายกฯครั้งแรกตั้งแต่ 24 ส.ค. 2557 หรือเมื่อ 8 ปีที่ผ่านมา ต้องบอกว่าความเห็นเรื่อง 8 ปีนายกฯจะนับกันแบบไหนนับกันยังไงนั้นมีหลากหลาย แต่ทิ่กมาโหมโรงว่าจะสิ้นสุดในวันที่ 23 ส.ค. ตอน 24.00 น. นั้น กลุ่มที่ออกมาปักธงความคิดนี้ หลักๆก็มาจากพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล และคนของฝ่ายทักษิณที่พยายามออกมาสร้างกระแสว่าหมดเวลาทำงานของพล.อ.ประยุทธ์แล้วถึงเวลาต้องลงจากตำแหน่ง กองเชียร์หรือกลุ่มที่ออกมาสนับสนุนความคิดนี้ ส่วนใหญ่ก็พวกคนกลุ่มเดิมๆหน้าเดิมๆ ที่จองเวรพล.อ.ประยุทธ์อยู่ตรงข้ามกับรัฐบาลในทุกเรื่องที่เป็นกระแสอยู่แล้ว ประกอบด้วย 1.กลุ่ม 99 ปัญญาชนและพลเมืองไทย 2. กลุ่ม 51 อาจารย์นิติศาสตร์ 15 มหาวิทยาลัย 3.กลุ่มแพทย์ชนบท และ 4. บรรดา 8 สื่อ ประกอบด้วย 4 ทีวีดิจิตัล คือ 1.พีพีทีวี 2.เนชั่น 3. ไทยรัฐทีวี และ 4.ช่องเวิร์คพอยท์ ร่วมกับสื่อโซเชียลมีเดียร่วมด้วยอีก 4 แห่งคือ 1.The Standard 2. the Matter 3.the Momentum และ 4.the Reporters
บรรดา 4 กลุ่มสนับสนุนที่ว่านี้ก็เป็นไม้เบื่อไม้เมากับพล.อ.ประยุทธ์และรัฐบาลมาตลอด 99 พลเมืองก็มาด่านายกฯประจำ ส่วนพวกอาจารย์นิติศาสตร์หลายคนก็พวกว่างงานจากสอนหนังสือรับจ็อบปล่อยของล้มนายกฯคว่ำรัฐบาล แพทย์ชนบทก็รู้ๆกันอยู่ว่ายุคนี้เป็นอย่างไร อยู่ฝ่ายไหนเข้าข้างใคร 8 สื่อที่มาผสมโรงด้วยก็พวกอีแอบเชียร์ทักษิณฝ่ายโทนี่ อยากล้มพล.อ.ประยุทธ์ให้พ้นๆไป อยากได้นายกฯใหม่ฝ่ายโกงชาติมานำพาบ้านเมือง เพราะผลประโยชน์มันทับซ้อนมันขี่คอกัน คุยง่ายไถง่ายแดกได้ง่ายกว่ายุคพล.อ.ประยุทธ์ ทั้งหลายทั้งมวลจึงลุกขึ้นมาจับมือกันทำเรื่องอุบาทว์หยาบช้า จู่ๆก็มาตั้งโหวตถามแฟนคลับของตัวเอง ที่ส่วนใหญ่ ย้ำว่าส่วนใหญ่ก็ตะเภาเดียวกัน ให้มาโหวตไล่นายกฯ หนำซ้ำตั้งคำถามก็สุดอัปลักษณ์ ส่อให้เห็นชัดว่าใจดำคันสุดๆในการอยากไล่บิ๊กตู่ เพราะขึ้นคำถามชี้นำถามชาวบ้านว่า “ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ควรดำรงตำแหน่งนายกฯ เกิน 8 ปีหรือไม่ ? ” ปัดโธ่ เรื่อง 8 ปี มันยังต้องตีความกันอยู่แล้ว ว่าจะนับกันตรงไหนนับกันอย่างไร ฝ่ายเกลียดก็ต้องบอกว่าครบ 8 ปีแล้ว ฝ่ายชอบก็ต้องบอกว่าเหลือเวลาอีกบานเบอะ ดีสุดคือต้องรอฟังการพิจารณาของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 คน ว่าอรหันต์ขั้นเทพท่านจะว่าอย่างไร ผลสรุปคำวินิจฉัยออกมาอย่างไรก็ต้องเคารพ เพราะรัฐธรรมนูญเขียนชัด “คำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญผูกพันทุกองค์กร”
ไม่กี่อึดใจเขาก็ตัดสินกันอยู่แล้ว เพราะตอนนี้มีทั้งคำร้องที่ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยไปยื่นเรื่องให้ผู้ตรวจการแผ่นดินกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา ขณะที่อีกช่องทางส.ส.ฝ่ายค้าน 171 คนเข้าชื่อให้ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา เรื่องมันกำลังเดินหน้าเข้าสู่กระบวนการอยู่แล้ว แต่ 8 สื่อที่ว่าไปกระเหี้ยนกระหือรือมาจากไหน ถึงขนาดกระโจนลงไปชี้นำสังคมลงไปเป็นคนสร้างประเด็นความขัดแย้งแตกแยกนี้ขึ้นมาเอง เก็บอาการไม่อยู่อยากไล่พล.อ.ประยุทธ์ถึงขั้นตั้งโหวตตะเพิดนายกฯเองเลยหรือ ถามจริง “ยางอาย” ความเป็นสื่ออยู่ตรงไหน “จริยธรรม -จรรยาบรรณ” เอาไปซุกในทวารลืมความเป็นกลางที่ต้องดำรงเป็น “ธงนำ” ของวงการสื่อกันหมดแล้วหรือ ระยำเรียกพี่อุบาทว์เรียกพ่อจริงๆ หากใครที่อยู่ใน 8 องค์กรที่ว่าแล้วมีส่วนคิดเรื่อง “ส้นตีน” ทำโหวตบี้นายกฯ ด้วยความอ่อนด๋อย ด้อยค่าวิชาชีพตัวเองด้วยวิธีการแบบนี้ มิหนำซ้ำผลการโหวต 2 วันที่ผ่านมา 20-21 ส.ค. มีคนโหวตนายกฯ ไม่ควรอยู่เกิน 8 ปี 348,511 โหวต หรือ 93.17 % และโหวตควรอยู่ต่อ 25,552 คน หรือ 6.83 % จากคนโหวตทั้งหมด 374,063 คน หรือคิดเป็นแค่ 0.5% ของคนไทยทั้งประเทศที่มีอยู่ถึง 66 ,171,439 คน แล้วยังมีหน้ามาเคลมว่าคนไทยส่วนใหญ่อยากให้พล.อ.ประยุทธ์ออกไปอีก เอาตรรกะอะไรมาวัด เอาตัวชี้วัดอะไรมาตัดสิน เพราะคนดูคนอ่านสื่อเสพสื่อก็ฟังพวกคุณมึงที่เอียงข้างด่านายกฯไล่รัฐบาลทั้งนั้น มันวัดคุณค่าหาความเป็นกลางไม่เจอ แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้คนไทย “ตาสว่าง” แล้วว่ามี 8 สื่อ หน้ามืดตามัวออกโรงไล่ประยุทธ์ตั้งแต่หัววันชนิดที่ศาลรัฐธรรมนูญยังไม่ทันรับคำร้อง คนคิดคนผลักดันเรื่องนี้ถ้าไม่รับงานก็คงรับเงินมาแน่ๆ ถึงได้ทำเรื่องอัปลักษณ์ชี้นำสังคมกดดันศาลล่วงหน้าแบบนี้ แต่ต่อให้กดดันยังไงเปิดโหวตทุกวันยันปีใหม่ บอกได้เลยคนแข็งไม่กลัวไฟอย่างบิ๊กตู่ไม่มีทางไขก๊อกประกาศลาออก ที่หวังจะเห็นพล.อ.ประยุทธ์ยื่นจดหมายลาออกไม่มีทาง เจอหมาเยี่ยวรดสังกะสีผีเปรตเตะตัดขา บูรพาพยัคฆ์พันธุ์แท้อย่างบิ๊กตู่ไม่มีทางยอมแพ้ เผลอๆยิ่งฮึดสู้กับคนชั่วได้ลุยกับคนเลวแบบนี้บิ๊กตู่ยิ่งชอบ
23 ส.ค.2565 พรุ่งนี้ มีม็อบ 3 กลุ่มประกาศออกมาเคลื่อนไหวไล่บี้บิ๊กตู่ให้พ้นจากเก้าอี้สร.1 ประกอบด้วย 1.กลุ่มคณะหลอมรวมประชาชน นำโดย “ตู่แดง” จตุพร พรหมพันธุ์ กับ “ทนายนกเขา” นิติธร ล้ำเหลือ นัดหมายมวลชน บริเวณลานคนเมือง ศาลาว่าการกทม. 2.กลุ่มราษฎรไล่ตู่ คนแดงปฏิวัติ นำโดย วรเดช เปรมกมล ประกาศจัดการชุมนุม 24 ส.ค.2565 บริเวณแยกราชประสงค์และเคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาล 3.กลุ่ม 14 ขุนพล นำโดย จิรภาส กอรัมย์ ประกาศจัดกิจกรรม “ขีดเส้นตายไล่เผด็จการ” พรุ่งนี้ เวลา 17.00 น.บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยและเคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาล ประกาศเล่นใหญ่ไล่บิ๊กตู่ เอาจริงมีแต่ขี้โม้ราคาคุย ลำพังจตุพรกับทนายนกเขา บอกเลยชั่วโมงนี้เป็นขุนศึกไร้ราคา จัดม็อบหลังๆก็แป๊กตลอด ปลุกม็อบก็ไม่ขึ้น เพราะเป้าหมายมันไม่ตรงกับที่มวลชนต้องการ จัดม็อบสนองความยากตัวเองตั้งเวทีชุมนุมเพราะต้องการหาที่ยืนในสังคม 2565 หมดยุค “ตุ๊ดตู่-นกเขา” แล้ว ที่บอกชื่อม็อบหลอมรวมประชาชนเอาเขาจริงคนเขาหัวเราะกันไปทั่ว เพราะกลายเป็น “ม็อบหร็อมแหร็ม” คนมาร่วมชุมนุมแค่หลักสิบหลักร้อย ด้อยค่าตัวเองอายเค้าป่าวๆ มีแต่คนสมเพชเห็นแล้วทุเรศนัยตา
ขณะที่กระบวนการยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ ที่ฝ่ายตรงข้ามหวังจะให้เป็นเพชรฆาตฟันคอพล.อ.ประยุทธ์ให้ริบเลือน ฝ่ายค้านส่งคำร้องให้ชวน 17 ส.ค. จากนั้น 20 ส.ค.ชวนรับรองคำร้อง 22 ส.ค.เรื่องเพิ่งส่งไปศาลรัฐธรรมนูญ และทุกอย่างมันมีกระบวนการ ยังไง 23-24 ส.ค. ก็ไม่ทันการที่หวังเชือดพล.อ.ประยุทธ์ หวังให้ศาลสั่งบิ๊กตู่ให้หยุดปฏิบัตหน้าที่ มันไม่มีทางเป็นไปได้ เรียกว่าเกินลงกา เพราะขั้นตอนของศาลรัฐธรรมนูญเขามีกฎระเบียบวิธีการอยู่ว่าจะรับหรือไม่รับคำร้อง รับแล้วตั้งตุลาการประจำคดีหรือไม่ ไหนจะขั้นตอนไต่สวนหาความจริงอีก ไหนจะต้องเปิดโอกาสให้ผู้ถูกร้องชี้แจงเรื่องที่ถูกกล่าวหาอีก จากนั้นก็ประชุมปรึกษาเพื่อวินิจฉัย จากนั้นก็ต้องไปเขียนคำวินิฉัยส่วนตัว ก่อนจะมาสรุปเป็นคำวินิจฉัยกลาง เสร็จจากนั้นจึงจะอ่านคำวินิจฉัย จะมาพิจารณามั่วๆตามใจใครเอาใจฝ่ายไหนคงไม่ได้ ยิ่งคดีนี้เป็นคดีโคตรใหญ่กำหนดชี้เป็นชี้ตายของบ้านเมือง เชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญต้องทำด้วยความรอบครอบรัดกุม ไม่ใช่ลูบหน้าปะจมูกเพื่อเอาใจฝ่ายไหนหรือให้ถูกใจใคร
ฟังจากที่ จรัญ ภักดีธนากุล อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 1 ใน 9 อรหันต์ ออกมาชี้แจงขั้นตอนการวินิจฉัยคดีของศาลรัฐธรรมนูญอย่างน้อยก็อีกเป็นเดือนหรือเดือเศษ กว่าขั้นตอนศาลจะแล้วเสร็จเพราะมีกระบวนการค่อนข้างมาก “ เมื่อเรื่องมาถึงเจ้าหน้าที่จะรับเรื่องไว้ตรวจสอบความเรียบร้อยประมาณครึ่งวัน ก่อนทำเรื่องเสนอให้ศาลพิจารณาสั่งรับคำร้องขอ ซึ่งบางครั้งอาจจะต้องใช้เวลาข้ามวัน เพราะศาลอาจจะมอบหมายให้องค์คณะ 1 คน หรือ 2 คน หรือ 3 คนทำ สมมติว่า ศาลสั่งรับคำร้องขอแล้ว โดยหลักก็จะต้องดูว่า ไปกระทบผลได้ผลเสียของใครบ้างหรือไม่ หากกระทบก็ควรให้คนเหล่านั้นได้มีโอกาสคัดค้านโต้แย้งตามหลักการ ฟังความให้ครบทุกฝ่าย ไม่ฟังความด้านเดียว ตรงนี้ก็จะให้โอกาสการโต้แย้งคัดค้านจากผู้ที่เดือดร้อนก่อน ซึ่งใช้เวลาอย่างน้อย 7 วัน จากนั้นศาลก็อาจจะฟังความเห็นของคนที่เกี่ยวพันกับหลักกฎหมายข้อนี้ อาทิ กกต. หรือคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ก็อาจจะใช้เวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ จากนั้นจะดูว่า ต้องไต่สวนพยานบุคคลหรือพยานเอกสารหรือไม่ ซึ่งส่วนตัวเห็นเหมือนกับความเห็นส่วนใหญ่ว่า ไม่น่าจะจำเป็นต้องไต่สวนพยานบุคคล เพราะถ้าไต่สวนพยานบุคคลก็จะยาว ทั้งนี้หลังจากที่ได้ความเห็นและได้เอกสารมาแล้ว ศาลจะประชุมหารือโต้เถียงออกความคิดเห็นกันอย่างน้อยที่สุด 1-2 ครั้ง คิดว่า 2 ครั้ง ซึ่งก็ต้องใช้เวลาห่างกันอย่างน้อยครั้งละ 1 สัปดาห์ และหลังจากความคิดเห็นตกผลึก ก็จะนัดประชุมเพื่อลงมติ ก็จะต้องเลือกเวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์ เนื่องจากเป็นข้อยุติผูกพันทุกองค์กร เข้าใจว่าต้องเร็ว แต่ก็ต้องแม่น จึงต้องใช้เวลาตัดสินใจให้ดี ทั้งนี้ เมื่อออกคำวินิจฉัยก็จะรู้ผลในวันนั้นเลย ข่าวก็จะออกได้เลย แต่คำวินิจฉัยเป็นทางการก็จะส่งไปที่ประธานรัฐสภาในภายหลัง” อาจารย์จรัญอธิบายร่ายยาวละเอียดยิบ เห็นที่มาที่ไปของปม 8 ปี นายกฯตามนี้แล้ว บอกเลยว่าเป้าหมายอยากเห็นบิ๊กตู่ถูกคว่ำถูกล้มในวันที่ 23-24 ส.ค.นี้ไม่มีทาง เพราะกระบวนการพิจารณาเรื่องนี้ในชั้นศาลรัฐธรรมนูญยังอีกยาว ไอ้ที่หวังจะเห็นบิ๊กตู่ไขก๊อกลาออกยุบสภาวันสองวันนี้ไม่มีทางไม่มีลาออก ส่วนม็อบที่มาเย้วๆกันทุกกลุ่มก็คงจุดไม่ติดเพราะคนไทยไม่เอาด้วย ส่วนที่รอว่าจะได้ส้มหล่น หวังว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 คน จะตัดสินคดีนี้ให้ บอกเลยศาลยังไม่ตัดสิน ยังมีเวลาอีกนานเพราะฉะนั้นที่จะเปิดไวน์ฉลองไล่พล.อ.ประยุทธ์ในเร็ววันคงคว้าน้ำเหลวแน่นอน
////////////////////////