“ทนายเดชา” เผย 3 สาเหตุ เด้ง “รอง ผกก.สน.โชคชัย” เซ่นปมสาวถูกหลานอดีตรัฐมนตรี ลวงไปขืนใจ

"ทนายเดชา" เผย 3 ปม เด้ง "รอง ผกก.สน.โชคชัย" กรณีผู้เสียหายหญิง ถูกอดีตหลานรัฐมนตรี ลวงไปขืนใจ

กรณีผู้เสียหายคดีถูกหลานอดีตรัฐมนตรีล่วงละเมิดทางเพศ แล้วมาแจ้งความร้องทุกข์ที่ สน.โชคชัย แต่ถูกนายตำรวจระดับรองผู้กำกับสอบสวน บอกว่า ถ้าคดีไม่มีพยานหลักฐานอาจถูกแจ้งความกลับ จนทำให้ผู้เสียหายรู้สึกไม่สบายใจ กระทั่งต่อมาผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4 มีคำสั่งย้ายรองผู้กำกับสอบสวนสน.โชคชัยรายนี้ออกนอกพื้นที่ ทำให้สังคมตั้งคำถามว่า ทำไมตำรวจถึงไม่ค่อยอยากจะรับแจ้งความคดีล่วงละเมิดทางเพศ หรือคดีข่มขืน

ล่าสุด ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ บอกว่า ตนเองทราบข้อมูลจากนายตำรวจระดับผู้ใหญ่นายหนึ่งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทราบว่า สาเหตุหลักๆมาจาก รองผู้กำกับสอบสวนรายนี้ที่พูดจนสร้างความไม่สบายใจให้กับผู้เสียหาย มี 3 สาเหตุคือ

  • 1.นายตำรวจรายนี้รวบรวมพยานหลักฐานไม่รัดกุมก่อนรวบรวมส่งฟ้อง ทำให้ผู้เสียหายไม่สบายใจ
  • 2. นายตำรวจรายนี้บอกกับผู้เสียหายว่า ในเมื่อมีอัยการอยู่แล้วจะจ้างทนายความทำไมอีก ซึ่งทนายความคดีดังกล่าว คือ ทนายตั้ม ษิทธา เบี้ยบังเกิด ซึ่งการจ้างทนายเป็นสิทธิ์ของผู้เสียหาย การพาดพิงลักษณะดังกล่าวสร้างความไม่สบายใจให้กับผู้เสียหายเป็นอย่างมาก
  • 3. หลังผู้เสียหายได้ไปออกรายการโทรทัศน์ชื่อดัง(โหนกระแส) ก็สร้างความโกรธแค้นให้กับสังคม ทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติตกเป็นจำเลย ด้วย 3 เหตุผลหลัก จึงทำให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูง จึงจำเป็นต้องสั่งย้ายนายตำรวจรายดังกล่าวออกนอกพื้นที่ไปก่อน

ข่าวที่น่าสนใจ

ส่วนกรณีที่สังคมตั้งข้อสังเกตว่าทำไมคดีข่มขืนเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงไม่ค่อยอยากรับแจ้งความ ทนายเดชาอธิบายว่า ตำรวจไม่สามารถปฏิเสธการรับแจ้งความของประชาชนหรือเจ้าทุกข์ได้ในทุกกรณี ต้องรับแจ้งความสอบสวนกันก่อน จากนั้นก็เข้าสู่การสืบสวนหาพยานหลักฐาน เป็นสิ่งที่พนักงานสอบสวนทุกคนทราบเป็นอย่างดี ถ้าพนักงานสอบสวนคนไหนปฏิเสธการรับแจ้งความหรือไล่ให้ผู้เสียหายไปหาพยานหลักฐานก่อน แล้วค่อยมาแจ้งความหมายความว่าพนักงานสอบสวนหรือตำรวจนายนั้นประพฤติชั่ว หรือ โง่ อีกทั้งยังผิดกฎหมายอาญามาตรา 157 รวมไปถึง ผิดจริยธรรมหรือจรรยาบรรณด้วยซึ่งโทษสูงสุดถึงขั้นจำคุกและไล่ออกจากราชการ

ส่วนเหตุผลที่ตำรวจไม่ค่อยอยากจะรับแจ้งความคดีล่วงละเมิดทางเพศหรือข่มขืน สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากคดีข่มขืนหรือล่วงละเมิดทางเพศส่วนใหญ่เป็นการสมยอม เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเกรงว่าถ้าเป็นการสมยอมอาจทำให้พยานหลักฐานอ่อน เมื่อคดีขึ้นสู่ศาล ศาลก็จะยกฟ้อง

ส่วนอีกเหตุผลมาจากไม่ใช่ความผิดซึ่งหน้า บางครั้งผู้เสียหายถูกล่วงละเมิดทางเพศผ่านไปหลายวันแล้วพึ่งมาแจ้งความ ทำให้พยานหลักฐานในตัวผู้เสียหายอาจสูญหาย เช่น เมื่อพาผู้เสียหายไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลร่องรอยการถูกข่มขืนแทบไม่มี กลายเป็นพยานหลักฐานอ่อนไปไม่รวมไปถึงความยุ่งยากซับซ้อนในการรวบรวมพยานหลักฐานด้านอื่นๆอีก แต่อย่างไรก็ตามตำรวจจะต้องรับแจ้งความร้องทุกข์เบื้องต้นก่อนในทุกกรณีไม่สามารถปฏิเสธรับแจ้งความได้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ออกหมายจับ "หมอบุญ" พร้อมพวกรวม 9 คน “ฉ้อโกง-ฟอกเงิน” ปลอมลายเซ็นอดีตลูกสะใภ้กู้เงิน 8 พันล้าน
ระทึกกลางดึก ไฟไหม้ "ร้านกาแฟ" เผาวอดทั้งหลัง เสียหายกว่า 7 แสนบาท
"อุตุฯ" เผย "เหนือ-อีสาน-กลาง" อากาศเย็นตอนเช้า เตือนใต้ยังรับมือฝนตก
แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนครอบครัวกำลังพล ห่วงใยไปถึงบ้าน เพราะเราคือครอบครัวกองทัพบก
สวนนงนุชพัทยาเปิดเวที CHONBURI PROUD EXPO 2024 หนุน SMEs ชลบุรีสู่ตลาดโลก
“เอกภพ” ได้ประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมให้ข้อมูลเท็จดิไอคอน จ่อฟ้องกลับ
สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น