AFP และรอยเตอร์รายงานว่าสำนักงานด้านภัยพิบัติแห่งชาติปากีสถานออกมาเตือนเมื่อวานนี้ให้ประชาชนในรัฐสินธ์ ทางภาคใต้เตรียมรับมือกับน้ำจากทางเหนือที่กำลังไหลหลากลงสู่ภาคใต้ผ่านทางแม่น้ำสินธุ หลังจากเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาได้เกิดน้ำท่วมฉับพลันขึ้นที่รัฐไคเบอร์ ปัคตูนควา ทางภาคเหนือซึ่งมีลักษณะเป็นภูเขาสูงชันและมีหุบเขาจำนวนมาก ปริมาณน้ำฝนจำนวนมากบวกกับน้ำแข็งที่ละลายได้ไหลทะลักเข้าสู่ตัวเมือง เจ้าหน้าที่ได้สั่งอพยพประชาชนหลายพันคนตั้งแต่เช้ามืด แต่ชาวบ้านจำนวนมากหนีไม่ทัน ทำให้ถูกน้ำพัดไปกับกระแสน้ำ
โซเชียลมีเดียได้พากันเผยแพร่คลิประทึกโรงแรมหรูขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำทรุดตัวก่อนพังถล่มลงสู่แม่น้ำ และถูกกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากพัดไหลไปอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมีอาคารและบ้านเรือนประชาชนที่อยุ่ริมแม่น้ำได้ถูกน้ำพัดหายไปหลายหลัง ทางการต้องขอกองทัพเข้าให้ความช่วยเหลือ โดยมีคลิปเผยให้เห็นเฮลิคอปเตอร์ทหารเข้าช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับบาดเจ็บติดอยู่บนโขดหินกลางกระแสน้ำ จนรอดตายมาได้ ล่าสุดยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 1 พัน 33 คน โดย 119 คนเสียชีวิตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา
รายงานเผยว่าแม่น้ำแทบทุกสายทางเหนือล้นตลิ่งแล้ว และกำลังไหลเข้าสู่แม่น้ำสินธุ แม่น้ำสายหลักของปากีสถานที่ไหลจากภาคเหนือสู่ภาคใต้ เจ้าหน้าที่คาดว่าน้ำจะไหลถึงรัฐสินธ์ในอีก 2-3 วันนี้ ล่าสุดนายกรัฐมนตรีเชห์บาซ ชารีฟ ได้ยกเลิกการเยือนอังกฤษ และได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์สำรวจพื้นที่ประสบภัยที่รัฐสินธ์และได้ร่วมช่วยเจ้าหน้าที่โยนสิ่งของบรรเทาทุกข์ให้กับผู้ประสบภัยด้วย ซึ่งขณะนี้น้ำก็ท่วมหนักอยู่ ชารีฟบอกว่าไม่เคยเห็นความเสียหายที่รุนแรงขนาดนี้มาก่อนเลย ขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศปากีสถานได้เรียกร้องกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือ IMF เร่งให้ความช่วยเหลือ เพราะคาดว่าอุทกภัยครั้งนี้จะส่งผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจ ขณะที่เมื่อวานนี้ พระสันตปาปาฟรานซิสได้ทรงเรียกร้องนานาชาติให้ความช่วยเหลือปากีสถาน
ปากีสถานรายงานว่าอุทกภัยดังกล่าวส่งผลกระทบต่อประชาชนมากกว่า 33 ล้านคน ทำลายอาคารบ้านเรือนไปแล้วเกือบ 1 ล้านหลัง พื้นที่เกษตรเสียหายไปแล้วมากกว่า 5 ล้านไร่ ถนนถูกทำลายไปกว่า 3 พัน 100 กม. และสะพานถูกน้ำพัดหายไป 149 แห่ง โดยมีความรุนแรงเทียบเท่ากับปี 2553 ซึ่งเป็นครั้งเลวร้ายที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยปีนั้นมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 2 พันคน พื้นที่ 1 ใน 5 จมอยู่ใต้กระแสน้ำ