จับตา “ประวิตร” ขึ้นหลังเสือ คุมจังหวะการเมือง

นั่งรักษาการนายกฯ ช่วงบิ๊กตู่ถูกเบรก  วัดบารมีพี่ใหญ่ 3 ป. ไปรอดไหม    ลุ้นแต่งตั้งโยกย้ายตำแหน่งสำคัญๆ   บริวารคนข้างกาย  “ไอ้ห้อย-ไอ้โหน”  บิ๊กทหารเพื่อนซี้ตท.6  กับ  ขาใหญ่อดีตสีกากีดังเจ้าของรหัส  “ป.ที่ 4”  จะเข้ามาจุ้นจ้านล้วงลูกแผลงฤทธิ์อีกไหม   ประเดิมที่เก้าอี้ผบ.ตร.  ต่อด้วยโผทหารปลายปี “ปลัดกห.-ผบ.ทร.-ผบ.ทอ.”  ประเดิมนั่งหัวโต๊ะประชุมครม. 30 ส.ค.นี้   

เป็นที่ทราบกันดีว่า “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถูกพักงานในตำแหน่งนายกฯช่วงนี้ จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยออกมากรณีปม 8 ปี ว่าจะออกไปทางไหน เพราะตอนนี้ก็สามารถออกได้ทั้ง 2 หน้าทั้งลูกผีและลูกคน   ตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับทีมกฎหมายของพล.อ.ประยุทธ์ด้วย ว่าจะส่งคำร้องแก้ไขกล่าวหาเพื่อชี้แจงต่อ 9 อรหันต์ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้แหลมคมและสมเหตุสมผลมากน้อยเพียงใด โดยยเฉพาะการแก้ไขข้อกล่าวหาของ 171 ส.ส.ฝ่ายค้าน ที่ปมสำคัญก็อยู่ที่ รัฐธรรมนูญ มาตรา 158 วรรค 4 ที่ระบุว่า  “นายกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งรวมกันแล้วเกินแปดปีมิได้ ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นการดำรงตำแหน่งติดต่อกันหรือไม่”  และ รัฐธรรมนูญ มาตรา 264 วรรคแรก “ให้คณะรัฐมนตรีที่บริหารราชการแผ่นดินอยู่ในวันก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้เป็นคณะรัฐมนตรีตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้” งานนี้คงต้องจับตาดูทีมกฎหมายของนายกฯ รวมถึงกุนซืออย่างวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ฝ่ายกฎหมาย  ปกรณ์ นิลประพันธ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา และรวมถึง มีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูฐ (กรธ.) ว่าจะช่วยชี้แจงตีความข้อกฎหมายเรื่องนี้เพื่อให้บิ๊กตู่หลุดพ้นบ่วงกฎหมายในคราวนี้ได้หรือไม่

ความจริงการยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความในช่วงนี้เป็นเกมที่พรรคฝ่ายค้านอย่างพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล  เครือข่ายฝ่ายทักษิณเตรียมการวางแพลนไว้อยู่แล้ว  ด้วยเหตุนี้จึงยื่นคำร้องให้ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 17 ส.ค.2565 ประวิงเวลาให้เหมาะเจาะกับการตีความการนับวาระการดำรงตำแหน่งไม่เกิน 8 ปี  ซึ่งพรรคฝ่ายค้านมองว่า 23 ส.ค.2565 คือเดดไลน์วันสุดท้ายของบิ๊กตู่ในตำแหน่งสร.1 การยื่นคำร้องให้ชวนส่งต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย  จึงคาบเกี่ยวกับช่วงสิ้นปีงบประมาณ 2565 พอดี  แถมยังเป็นช่วงสำคัญสุดๆ เพราะเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการทุกหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นทหาร ตำรวจ ปลัดกระทรวง อธิบดี ต่างๆ  การยื่นคำร้องในห้วงเวลาดังกล่าวของพรรคฝ่ายค้าน จึงไม่ใช้เรื่องบังเอิญแต่เป็นความจงใจที่จะเบรกไม่ให้พล.อ.ประยุทธ์ใช้อำนาจในการจัดตัวแม่ทัพนายกอง  วางตัวบุคคลากรในกรมกององค์กรต่างๆ  รวมถึงการเข้าไปจัดสรรงบประมาณ

อย่างไรก็ตามจากนี้ก็ต้องจับตาดูบทบาทของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หลังได้รับส้มหล่นเข่งเบ้อเร่อ ขึ้นหลังเสือเป็นรักษาราชการแทนนายกฯ  ในห้วงที่พล.อ.ประยุทธ์ถูกเบรกในการทำหน้าที่ซึ่งคาดว่าน่าจะอยู่ประมาณ 1  เดือนในช่วงที่รอกระบวนการของศาลรัฐธรรมนูญ   เสาร์-อาทิตย์  พล.อ.ประวิตรก็สร้างความฮือฮาหลังโทรศัพท์ไปหาผู้ว่าฯอยุธยา สั่งเสียเรื่องน้ำท่วม   รวมถึงยกหูไปคุยกับ  “เสี่ยทริป” ชัชชาติ สิทธิพันธุ์  ผู้ว่าฯกทม. พร้อมระบุรัฐบาลยินดีช่วยเหลือกรุงเทพฯเต็มที่ในการป้องกันน้ำท่วม   “มีอะไรก็โทรสายตรงมาหาได้”   งานนี้ต้องบอกว่าพล.อ.ประวิตรเล่นเป็น  อ่านเกมการเมืองทะลุ ขึ้นกุมบังเหียนปุ๊บก็หาแนวร่วมสร้างเรตติ้งให้คนได้ทันที เพราะตอนก่อนขึ้นมาถูกกระแสต่อต้านหนัก  ทั้งบูลลี่ว่าทำงานไม่ไหว ทั้งการถากถางว่าถามเรื่องอะไรก็ “ไม่รู้ -ไม่รู้”  ทั้งการถูกมองว่าแก่เกินแกง ว่าแล้วลุงป้อมเลยโชว์พาวเวอร์สั่งงานแบบรัวๆ ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

ขณะที่ช่วงบ่ายวันนี้เตรียมที่จะบุกกรมตำรวจ ปทุมวัน  เพื่อไปนั่งเป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติหรือ “ก.ต.ช.” เพื่อแต่งตั้ง “พิทักษ์ 1” คนใหม่ แทนที่ “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ที่จะเกษียณ 30 ก.ย.นี้  งานนี้ก็ต้องดูว่าบิ๊กป้อมจะเคาะผบ.ตร.คนใหม่  เป็นคนเดียวกับที่พล.อ.ประยุทธ์สนัยสนุนหรือต้องการหรือไม่  หรือจะหักจะพลิกโผเป็นคนอื่น  เพราะชื่อเสียงของบิ๊กป้อมเรื่อง “ล้วงลูก-ควักโผ” นั้นไม่ธรรมดาเพราะสนั่นทุกวงการ  โดยเฉพาะบริวารคนข้างกายอย่าง “ไอ้ห้อย-ไอ้โหน”  บิ๊กทหารขาใหญ่ตท.6 เพื่อนซี้บิ๊กป้อม กับ  อดีตขาใหญ่สีกากี เจ้าของรหัส “ป.ที่ 4” ซึ่งขึ้นชื่อลือชาเรื่อง “ล้วง -แคะ-แกะ-เกา” โผแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารและตำรวจทุกยุคทุกสมัย  มาปีนี้เที่ยวนี้ก็ต้องดูว่าบิ๊กป้อมจะปล่อยให้คนข้างกาย  ทั้ง “เพื่อน-น้อง” ทำความเสียหายเป็นขี้ปากชาวบ้านเหมือนเก่าก่อนหรือไม่  หรือจะโชว์บารมีเปล่งรัศมีผู้นำกำราบไม่ให้คนใกล้ตัวไม่ให้ทำอะไรเสียหายด่างพร้อย      นอกจากโผตำรวจแล้วโผทหารที่ปีนี้ก็ต้องลุ้นเหมือนกัน  เพราะมี  3 บิ๊กทหารเตรียมตัวเกษียณในปลายปีนี้ประกอบด้วย  “ปลัดหน่อย” พล.อ.วรเกียรติ รัตนานนท์ ปลัดกลาโหม  “ครูเฒ่า” พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย ผบ.ทร. และ “บิ๊กป้อง” พล.อ.อ.นภาเดช ธูปะเตมีย์ ผบ.ทอ. เพราะฉนั้นต้องตามดูว่า  หลังผงาดขึ้นเป็นรักษาการนายกฯแล้ว ตำแหน่ง “ ปลัดกห. -ผบ.ทร.-ผบ.ทอ. -ผบ.ตร” ที่พล.อ.ประยุทธ์เคยวางแนวไว้แล้ว ว่าใครจะขึ้นกุมบังเหียน  พอถึงเวลาอำนาจเปลี่ยนไปอยู่ในมือพล.อ.ประวิตร โผ 4 ผู้นำองค์กรที่ว่าจะถูกขยับจะถูกเขยื้อนจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไหม

เพราะหลายคนก็เสียวสันหลังในช่วง 1 เดือนที่พล.อ.ประวิตรขึ้นมากุมบังเหียนรัฐบาลขี่หลังเสือนั่งเรือแป๊ะ จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไหม เรื่องนี้ในพ.ร.บ.ระเบียบ บริหาร  ราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 มาตรา 48 เขียนอำนาจรักษาราชการแทนไว้ชัด  “ ให้ผู้รักษาราชการแทนตามความในพ.ร.บ.นี้มีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับผู้ซึ่งตนแทน ในกรณีที่ผู้ดำรงตำแหน่งใดหรือผู้รักษาราชการแทนผู้ดำรงตำแหน่งนั้นมอบหมายหรือมอบอำนาจให้ผู้ดำรงตำแหน่งอื่นปฏิบัติราชการแทน ให้ผู้ปฏิบัติราชการแทนมีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับผู้ซึ่งมอบหมายหรือมอบอำนาจ….”  พล.อ.ประวิตรมีอำนาจเต็มเทียบเท่านายกฯที่มอบหมายไว้ตามคำสั่งนายกฯที่ 237/2563 ให้พล.อ.ประวิตรเป็นรองนายกฯหมายเลข 1  หากตนเองปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้หรือไม่อยู่ไปต่างประเทศ แต่ก็มีติ่งไว้ว่า  “ในระหว่างการรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ผู้รักษาราชการแทนข้างต้น จะสั่งการใดเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลและการอนุมัติเงินงบประมาณอันอยู่ในอำนาจของนายกรัฐมนตรีได้ต้องได้รับความเห็นชอบจากนายกรัฐมนตรีเสียก่อน”   เพราะฉะนั้นหากดูตามพ.ร.บ.ระเบียบ บริหาร  ราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 มาตรา 48 พล.อ.ประวิตรก็มีอำนาจล้นฟ้าเต็มที่เหมือนกับนายกฯทุกประการ  และแม้คำสั่งนายกฯที่ 237/2563 จะระบุว่าถ้าเป็นการพิจารณาเรื่อง “บุคคล” กับ “งบประมาณ” ต้องถามนายดฯตัวจริงก่อน  ก็ลักลั่นขบเหลี่ยมกันอยู่แต่ก็นั้นแหละถ้าบิ๊กป้อมแต่งตั้งโยกย้ายอย่างถูกต้องเป็นธรรมก็คงไม่มีปัญหาอะไร เช่นเดียวกับการพิจารณางบประมาณแต่ถ้าทำผิดธรรมาภิบาล  แทรกแซงล้วงลูกจนเลอะเทอะไปหมด  มีหวังติดคุกกันหัวโตเข้าตะรางกันง่ายๆ เพราะมันมีช่องทางให้ร้องกันอยู่

ถึงแม้อำนาจของบิ๊กป้อมจะมีเต็ม แต่การทำอะไรแบบไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหมโดยไม่ถามบิ๊กตู่ก่อนก็เสียวเหมือนกัน  โดยเฉพาะการ “ปรับครม.” กับ  “ยุบสภา” ที่คงจะไม่ได้ทำกันตามอำเภอใจได้สบาย จากนี้ก็ต้องลุ้นว่า 1 เดือนที่บิ๊กป้อมขึ้นขี่หลังเสือคุมจังหวะการเมืองในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานแทนน้องรักอย่างบิ๊กตู่   จะพาเรือแป๊ะไปรอดสันดอนหรือไม่   โดยพรุ่งนี้  30 ส.ค. จะนั่งหัวโต๊ะประชุมครม. จะได้ “ก้อนอิฐ” หรือ “ดอกไม้”  และอนาคตจะมีวาสนาได้เป็นแค่ “นายกฯชั่วคราว” หรือ “นายกฯตัวจริง”

 

///////////////////////

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"อุตตม​" แนะการเมือง ไม่ควรเข้าไปก้าวก่าย ชี้ควรเชื่อมั่นคกก.สรรหา “ปธ.บอร์ดแบงก์ชาติ”
ปังไม่ไหว "กระทงหมูเด้ง" ฟีเวอร์ ออเดอร์เด้งไม่หยุด ลูกค้าสั่งรัวๆ
นายก​ฯลงพื้นที่ร้อยเอ็ด ลุย​แก้ยาเสพติด​ สานต่อ​รัฐบาลเศรษฐา​ ประกาศขยายผล​อีก 10 จว. ​นำร่องทั่วทุกภาค
"ธนกร" เฉ่ง "พิธา" ยันพรรคการเมืองตายเพราะทำตัวเอง ชี้ "กกต.-ศาล" วินิจฉัยยึดตามข้อกฎหมาย
"พิพัฒน์" ขออภัย APP SSO PLUS กู้เพื่อที่อยู่อาศัยล่ม! สั่งการปลัดฯ เร่งแก้ไข
"นพดล" ยืนยัน "เกาะกูด" เป็นของไทย วอนเลิกบิดเบือน MOU44 เพื่อหวังผลทางการเมือง
วงจรปิดจับภาพชัด โจรย่องขโมยแอร์ในค่ายลูกเสือหลายครั้ง กว่า 50 เครื่อง แจ้งความ 20 ครั้งไม่เป็นผล
ปชช.แห่ซื้อ "หวย N3" ไม่ขาดสาย "กลุ่มผู้ค้าลอตเตอรี่" โอด กระทบทำยอดขายลดฮวบ
เอาทุกเม็ด! ลูกความแฉ ขอเซลฟี่ “ทนายดัง” โดนโขกไปหมื่นห้า ได้มา 1 รูป
ผบ.ตร.เดือด สั่งฟันวินัย-อาญา แก๊ง ตร.อุ้มรีดชาวจีน 300 ล้าน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น