กลุ่มค้านรับได้รวม TRUE-DTAC นำแข่งขันสูงขึ้นให้กสทช.คุมราคา-คุณภาพ

กลุ่มค้านรับได้รวม TRUE-DTAC นำแข่งขันสูงขึ้นให้กสทช.คุมราคา-คุณภาพ

สืบเนื่องจากการที่กลุ่มพลเมืองเพื่อเสรีภาพในการสื่อสาร และภาคีเครือข่ายภาคประชาชน นำโดย นายพรหมศร วีระธรรมจารี นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ในฐานะแนวร่วมคณะราษฎร พร้อมด้วย นางสาวปาณิสรา ตุงคะสามน เจ้าหน้าที่ฝ่ายนโยบายและนวัตกรรม สภาองค์กรของผู้บริโภค ซึ่งก่อนหน้าเคยไปยื่นหนังสือกับ เอกอัครราชทูตนอร์เวย์ประจำ ประเทศไทย ในการแสดงความเห็นคัดค้านแผนการรวมธุรกิจดังกล่าว โดยอ้างว่าจะทำให้เหลือผู้ให้บริการกิจการโทรคมนาคมน้อยลง เพียงสองหลักราย และจะมีผลกระทบต่อผู้บริโภค ทั้งในแง่การพัฒนาคุณภาพบริการและการกำหนดราคา

ล่าสุดเดินทางไปยื่นหนังสือเพิ่มเติมต่อ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม หรือ กสทช. เพื่อขอให้พิจารณาการควบรวมธุรกิจระหว่าง TRUE และ DTAC ย่างถูกต้องและเป็นธรรม โดยมี นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ กสทช. รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช. เป็นผู้รับหนังสือ

 

ทั้งนี้ช่วงหนึ่งของการสัมภาษณ์ นายพรหมศร ระบุว่า การพัฒนาที่จะตามมาจากการแข่งขัน โดยเฉพาะผู้บริโภค DTAC ซึ่งไม่ได้มีสัญญาณ 5 จี แล้วเกิดปัญหา หาก DTAC ปิดกิจการลง ก็ยังมีอีก 2 บริษัท ที่สร้างความบาลานซ์ในการแข่งขันในการเป็นคู่แข่งในตลาด แต่หากไม่สามารถแข่งขันได้ ถ้าบริษัทจะหยุดให้บริการก็ถือเป็นเรื่องปกติ

และเมื่อถามว่าหากมีการควบรวมกิจการ แล้วการแข่งขันในตลาดก็จะเหลือเพียง 2 รายใหญ่ เหมือนกัน นายพรหมศร ระบุว่า ตนเองยอมรับได้กับการแข่งขันทางการตลาดมากกว่าการกินรวบ เพราะจะทำให้ไม่ทราบรายละเอียดในฐานะผู้บริโภค ดังนั้น ในกรณีของการกินรวบที่เกิดขึ้น จำเป็นที่จะต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ว่า กสทช.จะมีแนวทางการจัดการในเรื่องนี้อย่างไร เพื่อสร้างความสบายใจให้แก่ผู้บริโภค รวมถึงจะมีการพัฒนาระบบต่างๆให้สามารถทัดเทียมกับต่างประเทศได้หรือไม่

โดยเฉพาะมาตรการควบคุมของกสทช. เพราะส่วนตัวไม่ทราบได้ว่า ในการแข่งขันที่น้อยลง การแข่งขันด้านราคาที่น้อยลง เหลือ 2 บริษัท จะมีปัญหาอะไรบ้าง ทางกลุ่มจะได้ไม่ต้องวิตกกังวล ในเรื่องราคาค่าบริการ รวมถึงการแข่งขันทางโปรโมชั่น เช่นเดียวกับหลักการตลาดทั่วไป ที่ต้องลดราคาเพื่อให้ผู้บริโภคสนับสนุนสินค้า

 

 

ขณะเดียวกันหาก กสทช. มีมติให้ทั้ง 2 บริษัท สามารถควบรวมกิจการกันได้ นายพรหมศร ระบุว่า ทางกลุ่มของตนจะมีการเดินหน้าคัดค้านต่อแน่นอน เพราะหากมีการกินรวบ หรือควบรวมกิจการ เพราะสิ่งสำคัญตนเองต้องการปกป้องผู้บริโภค และทำให้ผู้บริโภครับรู้ว่าราคาค่าบริการจะปรับตัวสูงสุดที่เท่าไหร่ และมีอัตราต่ำสุดที่เท่าไหร่

รวมถึงเครือข่ายการใช้งานจะดีขึ้นหรือไม่ โดยทั้ง ทรู และดีเเทค จะต้องออกมาชี้แจงให้ผู้บริโภคได้รับทราบ ถึงแนวทางการสร้างความเป็นธรรมให้แก่ผู้บริโภค ไม่เช่นนั้นจะมั่นใจได้เช่นไรว่า หลังการควบรวมคุณภาพของเครือข่ายจะดีขึ้นหรือไม่ รวมถึงในส่วนของราคา ที่กสทช. ในฐานะองค์กรอิสระ จะต้องยืนยันว่าผู้บริโภคจะได้รับผลลัพธ์ที่เป็นธรรมและถูกต้องทุกฝ่าย

ส่วนกรณีที่ออกมาเคลื่อนไหวในครั้งนี้ มีการขอคำแนะนำจาก นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการ สภาองค์กรของผู้บริโภค หรือไม่ นายพรหมศร ยอมรับว่า ได้มีการพูดคุยหารือร่วมกับสภาฯ องค์กรผู้บริโภค เนื่องจากตนเองไม่ได้มีข้อมูลที่ชัดเจน ข้อมูลที่ได้รับรวมถึงผลการศึกษาก็มาจากสภาฯ องค์กรผู้บริโภค และถ้าสังเกตจะเห็นได้ว่าก่อนหน้านี้ที่ตนเองไปยื่นหนังสือที่สถานทูตฯ ก็มีทั้ง สภาฯ องค์กรผู้บริโภค รวมถึง ส.ส. จากพรรคเพื่อไทยไปด้วย และหลังจากนี้จะมีความร่วมมือกับสภาองค์กรผู้บริโภคกันอย่างชัดเจนมากขึ้น

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ทั้งนี้ นายพรหมศร ยอมรับด้วยว่า การรวมตัวครั้งนี้ เป็นการรวมตัวขึ้นเป็นการเฉพาะ เพราะเล็งเห็นแล้วว่า หลังจากที่ได้หารือกับสภาองค์กรผู้บริโภค เรื่องเหล่านี้มีความสำคัญมาก โดยเฉพาะความต้องการอินเตอร์เน็ต จึงได้หารือกับกลุ่มนักเรียน นักศึกษา เป็นการเฉพาะ รวมถึงได้มีการล่ารายชื่อเพื่อคัดค้านเรื่องนี้ด้วยเช่นเดียวกัน

เมื่อถามว่าในฐานะผู้ใช้เครือข่ายดีเเทค หากอนาคตหากไม่สามารถใช้บริการ 5G ได้ จะเป็นปัญหา มากกว่าผลดี นายพรหมศร ระบุว่า แน่นอน ในฐานะผู้บริโภคค่อนข้างกังวล เพราะสัญญาณอินเตอร์เน็ตที่ไม่ค่อยเสถียร และค่อนข้างช้า ก็ค่อนข้างกังวล หากไม่สามารถใช้บริการ 5 จีได้ แต่หากเกิดการควบรวมกิจการขึ้นจริง และผู้ประกอบการสามารถดูแลได้ พอที่จะทำใจได้

อย่างไรก็ตาม กรณีนี้ยังข้อถกเถียงว่า การควบรวมธุรกิจคือการผูกขาด ทำให้ผู้บริโภคเสียประโยชน์อย่างที่มีการวิพากษ์วิจารณ์หรือไม่ เพราะอีกด้านหนึ่งถ้าการรวมธุรกิจสำเร็จ ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือในประเทศไทย ก็ยังคงมี 3 ราย คือ AIS , บริษัทจดจัดตั้งใหม่ แทนที่ DTAC และ TRUE และ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT

 

 

และก่อนหน้า TOP NEWS ได้สรุปรวมความเห็นเรื่องประโยชน์ที่ผู้บริโภคจะได้รับการจากควบรวมธุรกิจโทรศัพท์มือถือ อันดับที่ 2 และ 3 ไว้เป็นข้อ ๆ ดังนี้

1. การเข้าถึงสัญญาณเครือข่ายดีขึ้น เสาสัญญาณเพิ่มมากขึ้น สัญญาเร็ว แรง และครอบคลุมพื้นที่ใช้งานมากขึ้น เมื่อรวมจำนวนเสาสัญญาณของทรูและดีแทคแล้ว คาดว่าจะมีมากกว่า 49,800 สถานีฐาน ทำให้ไม่ว่าลูกค้าจะอยู่พื้นที่ไหนในประเทศไทยก็สามารถใช้บริการได้อย่างครอบคลุม ลูกค้าดีแทคก็จะได้ใช้สัญญาณ 5G ของทรู ได้อีกด้วย

2. คลื่นที่ครบถ้วนในทุกย่านความถี่ ทำให้ลูกค้าสามารถสามารถใช้มือถือได้ทุกรุ่น รองรับทุกย่านความถี่ เริ่มตั้งแต่คลื่น 700 MHz มีทั้ง 2 ค่าย คลื่น 850 MHz ดีแทคใช้ของทรูได้ คลื่น 900, 1800, 2100 MHz มีทั้ง 2 ค่าย และลูกค้าทรูก็สามารถใช้คลื่นที่ทรูไม่มีเช่นคลื่น 2300 MHz ในขณะที่ดีแทคสามารถมาใช้คลื่น 2600 MHz 5G ของทรูได้ ดังนั้นลูกค้าจะได้ประโยชน์อย่างมากจากจำนวนคลื่นและแบนด์วิธ(Bandwidth)ที่มากขึ้น ทำให้ลูกค้าสามารถโทรโดยใช้มือถือได้ทุกรุ่น รองรับได้ทุกย่านความถี่

3. เพิ่มความสะดวกมากขึ้น โดยมีศูนย์บริการให้บริษัทหลังการควบรวมเพิ่มมากขึ้น ทำให้บริการหลังการขายสามารถเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น จำนวนร้าน สาขา ของทรู และ ดีแทค ทั่วประเทศ จะให้บริการลูกค้าได้อย่างไร้รอยต่อ และ นำมาต่อยอดบริการรูปแบบใหม่ ให้ลูกค้ามีความสะดวก และมี call center รวมสองค่ายมากกว่า 5,200 คน พร้อมให้บริการ 24 ชั่วโมง

 

4. ลูกค้าทั้ง 2 ค่ายจะได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่ดีและสิทธิพิเศษที่เพิ่มมากขึ้น อาทิเช่น ลูกค้าดีแทค สามารถใช้บริการห้องรับรอง VIP (True Sphere) และสิทธิประโยชน์จาก True Point ได้ ในขณะที่ลูกค้าทั้งทรูและดีแทค ได้รับสิทธิ์ทั้ง dtac reward และ True Privilege และที่ยอดเยี่ยมสำหรับลูกค้าดีแทคคือ สามารถใช้บริการ convergence อินเทอร์เน็ตบ้าน และ content ดี ๆ จาก TrueID และ TrueVisions

5. เมื่อทรูควบรวมกับดีแทค จะทำให้ขีดความสามารถในการแข่งขันใกล้เคียงกันกับเอไอเอส เมื่อผู้แข่งขันสองรายมีขีดความสามารถใกล้เคียงกัน จะทำให้เกิดการแข่งขันกันมากขึ้น ทำให้ลูกค้าได้โปรโมชั่นที่ถูกลง และมีข้อเสนอทางการตลาดที่ลูกค้าได้ประโยชน์มากยิ่งขึ้น

 

 

6. ลูกค้าไร้กังวลว่าหลังการควบรวมแล้วราคาจะสูงขึ้น แพคเกจที่ใช้อยู่สามารถใช้บริการได้อย่างต่อเนื่อง เพราะต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ กสทช. อย่างเข้มงวดอยู่แล้ว และที่ผ่านมา กสทช. ก็ทำได้ดี ทำให้ไม่มีผู้เล่นรายใด สามารถปรับราคาได้เกินกว่าที่ กสทช. กำหนดไว้ และทำให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราค่าบริการต่ำสุดในโลก

7. การบริการต้นทุนของผู้ให้บริการหลังการควบรวมจะลดลง ทำให้ลูกค้าได้รับประโยขน์จากความคุ้มค่าของบริการที่ได้รับ จะทำให้มีเงินทุนไปพัฒนาบริการใหม่ ๆ รองรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่กำลังจะเข้ามาเช่น ดาวเทียม, Metaverse, Quantum รวมถึงรถยนต์ EV และ Smart City

8. ผู้บริโภคสามารถใช้บริการของผู้ประกอบการดิจิทัลอย่างไม่สะดุด เช่น Facebook, Line, Netflix และอื่น ๆ ที่เข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทย โดยใช้เครือข่ายโทรคมนาคมเดิม ซึ่งต้องใช้ดาต้า เพิ่มขึ้นมหาศาล ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตใช้งานดาต้าเพิ่มขึ้นหลายเท่าทุกปี เพื่อให้บริการจากผู้เล่นดิจิทัลมีความต่อเนื่อง การควบรวมจะทำให้เกิดความแข็งแกร่งในการพัฒนาคุณภาพเครือข่าย รองรับการเติบโตของผู้ใช้ข้อมูลที่เพิ่มขึ้น

 

 

9. หลังการควบรวม ผู้เล่นทุกรายในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทย พร้อมปรับตัวเข้าสู่การเป็นบริษัทเทคโนโลยี และเพิ่มขีดความสามารถที่จะแข่งกับผู้ประกอบการระดับโลก และสนับสนุนการลงทุนของ Tech Startup รุ่นใหม่ บริษัทจะมีความสามารถในการลงทุนเพิ่ม รองรับเทคโนโลยีใหม่ ทำให้ลูกค้าได้รับบริการดิจิทัลมากขึ้น เช่น บริการแพทย์ทางไกล การประชุมทางไกล การเข้าถึงคอนเทนต์ เพลง หนัง ระดับโลก ในราคาลดลง

ประเด็นสำคัญที่สุดการควบรวมธุรกิจดังกล่าว จะอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของกสทช.ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแล ตั้งแต่คุณภาพการพัฒนาโครงข่าย ไปจนถึงสิทธิประโยชน์ของผู้ใช้บริการ มากกว่า 90 ล้านราย ตามส่วนแบ่งการตลาดของค่ายโทรศัพท์มือถือ ทั้ง AIS , TRUE และ DTAC ในปัจจุบัน

ขณะที่ผู้บริหาร TRUE และ DTAC รวมถึงนักวิชาการจำนวนหนึ่ง ให้เหตุผลว่าท้ายสุดการควบรวมธุรกิจ TRUE และ DTAC จะเป็นการสร้างโอกาสการแข่งขันในทุกมิติ และประโยชน์ต่าง ๆ จะคืนกลับไปหาผู้บริโภค เพราะ ทั้ง 2 ค่ายโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ จำเป็นจะต้องเร่งพัฒนาโครงข่าย และสร้างกลยุทธ์เพื่อดึงดูดลูกค้ารายเก่าและรายใหม่ ให้มาใช้บริการของตนเอง ทั้งหมดนี้จึงต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่า เร็ว ๆ นี้ กสทช. จะตัดสินใจเรื่องดังกล่าวอย่างไร เพื่อให้เกิดความเป็นประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนในฐานะผู้บริโภค และแก้ปัญหาข้อกังวลของกลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหวคัดค้าน

 

 

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

Navy Safety 2025 กางเกงไม่หลุดหาย ทหารเรือไทยรอด
ตร.เพชรบูรณ์ พบศพแรงงานชาวเมียนมา ถูกมีดเชือดคอ ถลกหนังหน้า หูหาย 1 ข้าง เร่งสอบล่าตัวมือฆ่า
เจอตัวแล้ว ผู้ต้องสงสัยโพสต์ขู่กราดยิงห้างขอนแก่น คุมสอบปากคำเข้ม เจ้าตัวยังปฏิเสธข้อกล่าวหา
สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์วัดหนองบอนนับ 100 ราย ยื่นหนังสือร้องผู้ว่าฯตราด
พุทธศาสนิกชนชาวอยุธยา สืบสานประเพณีตักบาตรเทโว วัดใหญ่ชัยมงคล
การรถไฟฯ ชวนร่วมเดินทางขบวนรถจักรไอน้ำประวัติศาสตร์ เที่ยวชมกรุงเก่า “อยุธยา” เนื่องในวันปิยมหาราช เริ่มจำหน่ายตั๋วพร้อมกันทั่วประเทศ 19 ต.ค. 67 นี้
ประมงสงขลา ประมงจันทบุรี และประมงเพชรบุรี พบปลาหมอคางดำแหล่งน้ำธรรมชาติหนาแน่นลดลง เดินหน้าเฝ้าระวังและกำจัดต่อเนื่อง เน้นขอความร่วมมือช่วยจัดการในบ่อร้าง
"บิ๊กเต่า" เผยเช็กมือถือ "บอสพอล" พบคลิปรีดไถ "นักร้อง-นักการเมือง" เพียบ จ่อเรียกสอบปากคำ
“ภูมิ​ธรรม​-​อนุทิน”​ ประสานเสียง ไม่หวั่น​กกต. รับคำร้อง​ยุบเพื่อไทย​ปม​ 6 พรรคร่วม ให้“ทักษิณ”ครอบงำ
เปิดตัวสุดปัง! Chester’s Flagship Store @Siam ชูคอนเซ็ปต์ 'Good Food Good Mood' เพิ่มสีสันให้แลนด์มาร์กคนรุ่นใหม่

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น