เกือบสัปดาห์แล้วที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราว หลังถูกส.ส. ฝ่ายค้าน 171 คนเข้าชื่อยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ความเป็นนายกฯสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 158 วรรค 4 และ มาตรา 264 วรรคแรก หลังบริหารประเทศเกินกว่า 8 ปีมากกว่าที่รัฐธรรมนูญกำหนด เพราะเป็นนายกฯครั้งแรกตั้งแต่ 24 ส.ค.2557 – 23 ส.ค.2565 ถือว่าสิ้นสภาพจากการเป็นนายกฯแล้ว งานนี้ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องไว้พิจารณา พร้อมสั่งให้บิ๊กตู่หยุดปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราวตั้งแต่ 24 ส.ค.นี้เป็นต้นไป ก่อนเปิดโอกาสให้ส่งคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วันนับตั้งแต่วันที่ได้รับคำร้องจากศาล เที่ยวนี้ถือว่าเป็นวิบากกรรมสุดๆของพล.อ.ประยุทธ์จริงๆ เพราะในอดีตแม้เจ้าตัวจะเคยผ่านร้อนผ่านหนาวผ่านอุปสรรคมามากมาย นับครั้งไม่ถ้วนทั้งอภิปรายไม่ไว้วางใจสารพัดปี วิกฤติเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้องของแพง มหาไวรัสโควิด-19 ระบาด สงครามรัสเซียกับยูเครน ปัญหาราคาน้ำมันแพง ฯลฯ แต่พล.อ.ประยุทธ์ก็ผ่านมาได้ทั้งหมดเอาชนะปัญหาสารพัดมาได้ทุกรอบ
เพียงแต่คราวนี้ปมเรื่อง 8 ปีการดำรงตำแหน่งนายกฯ มันเป็นเรื่องมุมมองข้อกฎหมาย เป็นเรื่องของการตีความรัฐธรรมนูญ มันออกได้ทั้งหมดเป็นได้ทุกหน้า 1. หยุดปฏิบัติหน้าที่เพราะครบ 8 ปีแล้ว 2. ไปต่อได้อีก 2 ปี ถึง 5 เม.ย.2568 หรือ 3. ไปต่อได้อีก 4 ปีถึง 8 มิ.ย.2570 ทั้งหลายทั้งมวลก็อยู่ที่คำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาของพล.อ.ประยุทธ์ ว่าจะ “หนักแน่น” มีข้อมูลเพียงพอที่จะหักล้างคำร้องของฝ่ายค้านหรือไม่ ตรงนี้ก็ต้องดูความแหลมคมของทีมกฎหมายนายกฯ ไม่ว่าจะเป็นวิษณุ เครืองาม รองนายกฯฝ่ายกฎหมาย ที่คงทุ่มเทสรรพกำลังเต็มที่ในการแก้เกี้ยวให้พล.อ.ประยุทธ์ เช่นเดียวกับปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา หรือแม้กระทั่งมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ที่ก็คงมองหาช่องทางหามุมมองข้อกฎหมายมาช่วยเหลือพล.อ.ประยุทธ์ โดยเฉพาะการหักล้างความเห็นตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 158 วรรค 4 และ มาตรา 264 วรรคแรก ที่น่าจะเป็นเงื่อนตายมัดพล.อ.ประยุทธ์ให้ดิ้นไม่หลุดในเรื่องนี้
ล่าสุด พล.ต.วิระ หัวหน้าทีมจัดทำคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาปม 8 ปี ออกมาระบุว่า คำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาของนายกฯจะจะส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญยังไม่เสร็จเรียบร้อยดี แต่จะเร่งให้เร็วที่สุด “ ขณะนี้การทำคำชี้แจงยังไม่เสร็จเรียบร้อยดี กำลังดำเนินการอยู่ ส่วนจะใช้เวลา 15 วันเต็มตามที่ศาลรัฐธรรมนูญกำหนดหรือไม่นั้น ถึงอย่างไรจะทำให้เร็วที่สุด” พล.ต.วีระระบุ แม้จะมีเวลาในการยื่นคำชี้แจง แต่หากนายกฯและทีมกฎหมายปล่อยเวลาให้เนิ่นนานออกไปประวิงเวลาไปเรื่อยๆ งานนี้ผลเสียก็ตกไปอยู่กับพล.อ.ประยุทธ์และรัฐบาลมากขึ้น โดยเฉพาะการแต่งตั้งโยกย้ายและการอนุมัติงบประมาณต่างๆ ที่จะถึงฤดูเปลี่ยนผ่านในช่วง 30 ก.ย.นี้ คงจะหยุดชะงักติดขัดกันไปหมด ล่าสุด “เนติบริกรเสื้อคลุมลายพราง” วิษณุ เครืองาม รองนายกฯฝ่ายกฎหมาย ออกมาระบุ 1-2 วันนี้ส่งคำชี้แจงให้ศาล เชื่อคดีไม่นานเพราะไม่มีการสืบพยาน แถมอุบไต๋ประเด็นที่จะเอาไปหักล้างศาล
นายกฯประยุทธ์ลุ้นชี้แจงศาล แต่ฝ่ายค้านพรรคเพื่อไทยฝ่ายทักษิณตอนนี้ท่องนะโม 3 จบ “อย่ายุบสภา อย่ายุบสภา อย่ายุบสภา” ไม่ว่าจะเป็นนายกฯตัวจริงอย่างพล.อ.ประยุทธ์ หรือรักษาการนายกฯผู้นำมวยแทนอย่างพล.อ.ประวิตร ด้วยเหตุผลที่กฎกมายลูกสำคัญทั้ง 2 ฉบับ คือ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. แม้จะผ่านขั้นตอนการพิจารณาจากรัฐสภาไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หนำซ้ำยังผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ยืนยันว่าไม่ขัดข้องไม่ติดใจกฎหมายลูกทั้ง 2 ฉบับ เพื่อให้ชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาดำเนินการทูลเกล้ากฎหมายทั้ง 2 ฉบับต่อไปตามขั้นตอน ปัญหามันมาเกิดตรงนี้แหละ ช่วงที่กฎหมายถูกยืนยันกลับมาที่ชวน ปรากฎว่ามีการเข้าชื่อของส.ส.และส.ว.เพื่อขอให้ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่ากฎหมายลูกทั้ง 2 ฉบับขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ ในส่วนพ.ร.ป.พรรคการเมืองนั้นพล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ส.ว.กับพวกรวม 77 คน เป็นคนยื่นเรื่อง อ้างประเด็นแก้ค่าธรรมเนียมและค่าบำรุงพรรคการเมืองของสมาชิกพรรคให้น้อยลง เป็นการขัดกับเจตนารมย์ในการให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมเป็นเจ้าของพรรค ไฟเขียวให้คนถูกจำคุกเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคได้ และ เปลี่ยนการทำไพมารี่โหวตจากประชาชนไปให้กรรมการสรรหาของพรรคเป็นคนทำแทนที่ล้วนส่อขัดรัฐธรรมนูญ ขณะกฎหมายลูกเลือกตั้งส.ส.ก็ถูกหมอระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่กับพวกรวม 106 คน ยื่นเรื่องให้ตีความใน 2 ประเด็นเช่นกัน คือ 1. ม.35 กับ ม.36 ไปยกเลิกร่างพ.ร.ป.เลือกตั้งส.ส. 2561 2. การไม่แสดงตนเป็นองค์ประชุมและส่อเจตนาทำให้สภาล่ม 4 ครั้ง โดยมีเป้าหมายให้กฎหมายลูกเสร็จไม่ทันภายใน 180 วัน ตอนนี้ก็ยังคาราคาซังกันอยู่ และยังไม่รู้ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะชี้ขาดวินิจฉัยวันไหน
งานนี้พรรคเพื่อไทยฝ่ายทักษิณก็หนาวๆร้อนๆเลย เพราะกลัวว่าหากพล.อ.ประยุทธ์หรือพล.อ.ประวิตร ยุบสภาซึ่งมีความเป็นไปได้สูงเช่นกัน หากพล.อ.ประยุทธ์เกิดอุบัติเหตุทางการเมืองไม่ได้ไปต่อ เกิดไฟล์บังคับเหตุจำเป็นต้องยุบสภา งานนี้กฎหมายลูกก็จะตกไปใช้การไม่ได้ จะเหลือช่องทางทำกฎหมายลูกไม่มาก อาทิ กกต.ออกกฎหมายลูกขึ้นมาแทน หรือ นายกฯโดยครม.ออกพ.ร.ก.เลือกตั้ง ตัวหลังนี้แหละที่พรรคเพื่อไทยหวั่นไหว อย่าลืมว่าตอนนี้ระบบการเลือกตั้งอยู่ที่ ใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ แบ่งเขต 400 คน บัญชีรายชื่อ 100 คน และใช้สูตรหาร 100 ในการคิดคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ นี้คือสูตรเลือกตั้งในฝันของพรรคเพื่อไทย เป็นของขวัญที่จะทอดสะพานให้ทักษิณกลับบ้านเลย เพราะพรรคเพื่อไทยฝ่ายทักษิณคุ้นชินกับสูตรนี้ ไม่แปลกที่ในช่วงนี้แกนนำพรรคเพื่อไทย ทั้งหมอชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย สุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน จะออกมาเบรกจะออกมาค้านจะออกตีกินเรื่องนี้แบบสุดตัว ไม่ให้รัฐบาลยุบสภา ทั้งเตือนว่าจะเกิดสุญญากาศทั้งบอกประเทศจะพังทั้งเคลมว่าจะทำให้บ้านเมืองไร้ขื่อแปเสียหายใหญ่หลวง แต่ลึกๆจริงๆกลัวรัฐบาลจะชิงยุบสภา พล.อ.ประยุทธ์กับพล.อ.ประวิตรจะกลับสูตรไปเลือกใช้แบบเดิมเหมือนการเลือกตั้งคราวที่แล้วอีก บัตรเลือกตั้งใบเดียว เขต 350 คน บัญชีรายชื่อ 150 คน จัดสรรปันส่วนผสม มีเพดานส.ส.พึงมี ทุกคะแนนไม่ตกน้ำ งานนี้พรรคเพื่อไทยอ้วกแตกทักษิณขี้พุ่งแน่ เพราะกลับตารปัตรสวนทางกับความต้องการแบบเต็มๆ ไอ้ที่มาพูดๆ กันว่า หากยุบสภาแล้ว ห่วงบ้านเมืองวุ่นวายเกิดสุญญากาศ ขี้หกทั้งเพอย่าไปเชื่อมัน
///////////////////////