ผ่านพ้นมาอาทิตย์กว่าแล้วภายหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องของ 171 ส.ส.ฝ่ายค้านที่ยื่นคำร้องให้ตีความการดำรงตำแหน่งนายกฯไม่เกิน 8 ปีสิ้นสุดลงแล้ว รวมถึงมีคำสั่งให้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม หยุดปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่ 24 ส.ค.2565 ที่ผ่านมา จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีการอ่านคำวินิจฉัย ภารกิจหลักของพล.อ.ประยุทธ์ตอนนี้จึงเหลือแค่ตำแหน่งรมว.กลาโหมแค่ตำแหน่งเดียว เพราะตำแหน่งสร.1 ถูกเบรกพักงานไว้ อำนาจสูงสุดในการบริหารประเทศช่วงนี้ทั้งหมดจึงอยู่ในมือของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯรักษาราชการแทนนายกฯ พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ที่ได้จารึกชื่อเป็นรักษาการนายกฯสมใจ แม้จะเป็นแค่มวยแทนในช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็เป็นห้วงเวลาที่ทำให้พล.อ.ประวิตรอิ่มเอิบใจสุดๆ เช่นเดียวกับพลพรรคเครือข่ายบริวารช่วงนี้ก็ยิ้มแป้นกันไปหมด
อย่างไรก็ตามผ่านมาเกือบ 10 วันที่รับตำแหน่งรักษาการนายกฯ เที่ยวนี้ต้องชื่นชมลุงป้อมจากใจจริง เพราะทำหน้าผู้นำรัฐบาล “ชั่วคราว” ได้อย่างเรียบร้อยหมดจด จนถึงวินาทีนี้ก็ยังไม่มีเรื่องอะไรที่จะเสียหายด่างพร้อย จนทำให้เป็นขี้ปากชาวบ้านได้เลย ทั้งๆที่มี “อำนาจ” มี “โอกาส” ที่จะทำได้ โดยเฉพาะการแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ปีนี้ ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่ง “พิทักษ์ 1” ผบ.ตร. หรือตำแหน่งระดับรองๆลงไปตั้งแต่ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจนถึงระดับผู้บัญชาการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น “นายพลใหญ่-นายพลเล็ก” พล.อ.ประวิตรก็เคาะรายชื่อออกมาด้วยความเรียบร้อย โดยไม่แตะชื่อที่พล.อ.ประยุทธ์จัดวางตั้งเรียงไว้เลย เพราะการประชุมคณะกรรมการตำรวจแห่งชาติ (กตช.) และ การประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) เมื่อ 29 ส.ค.2565 ที่ผ่านมาตัวบิ๊กป้อมก็ไม่แตะไม่ล้วงไม่ควักโผนี้เลย รายชื่อที่พล.อ.ประยุทธ์เสนอใครมาอยู่ในตำแหน่งใด งวดนี้บิ๊กป้อมไม่แตะไม่ไปยุ่งให้เกิดข้อครหาเลยแม้แต่น้อย ขณะที่โผทหารปลายปี 65 ที่ผ่านความเห็นชอบจากบอร์ด 7 อรหันต์ตามพ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2551 ที่ประกอบด้วย รมว.กลาโหม รมช.กลาโหม ปลัดกลาโหม ผบ.ทสส. ผบ.ทบ. ผบ.ทร. ผบ.ทอ. ก็เสร็จลงตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และพล.อ.ประยุทธ์ในฐานะ “สนามไชย 1” เตรียมเสนอบัญชีรายชื่อให้สร.1รักษาการอย่างพล.อ.ประวิตรนำไปดำเนินการ ก็คงไม่มีรายการล้วงแคะแกะเกาไปแก้ไปรื้ออะไรให้มัวหมองก่อนนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ เรื่องนี้ก็ต้องปรบมือชมลุงป้อมที่ดูแล “ไอ้ห้อย-ไอ้โหน” บิ๊กทหารสีเขียวกับ อดีตนายพลตำรวจสีกากี 2 คนข้างกายเป็นอย่างดีไม่ให้ยุ่มย่ามหรือตั้งโต๊ะเซ็งลี้เหมือนเคยอีก
ขณะที่ฝากฝ่ายของพล.อ.ประยุทธ์ ด้านหนึ่งก็ต้องเตรียมตัวต่อสู้คดีโดยเฉพาะการส่ง “คำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา” โต้แย้งคำร้อง ที่ล่าสุดนายกฯ ได้เซ็นลงนามหนังสือ ความยาว 20 หน้า เพื่อชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ก่อนจะส่งต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญนำไปพิจารณาประกอบการวินิจฉัยแล้ว โดยใช้มือกฎหมาย 3 คน ประกอบด้วย “เนติบริกรเสื้อคลุมลายพราง” อย่าง วิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ฝ่ายกฎหมาย พล.ต.วิระ โรจนวาศ ที่ปรึกษานายกฯ และ อดีตผู้อำนวยการ สำนักพระธรรมนูญทหารบก ทีมเขียนคำสั่ง คสช. และเป็น หนึ่งใน 21 อรหันต์ชุดคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ “กรธ.” และปิดท้ายที่ ดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกฯ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เรียกว่าเป็นทีมกฎหมายมือฉมังขั้นเทพทั้งนั้นที่เขียนคำชี้แจงให้นายกฯ
ขณะที่ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวว่าศาลรัฐธรรมนูญขอความเห็นทางกฎหมายจาก 2 กูรูกฎหมายสำคัญที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ หนึ่งคือมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานกรธ.ที่เป็นคนร่างรัฐธรรมนูญ 2560 ซึ่งเป็นเงื่อนปมสำคัญในการพิจารณาคดีนี้ อีกคนก็คือ ปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาคนปัจจุบัน และอดีตเลขานุการกรธ. ขณะที่ฝากฝั่งผู้ร้อง หมอชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยก็ยื่นพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อหักล้าง ประกอบด้วย ความเห็นของนักวิชาการด้านนิติศาสตร์ 51 คน, บทสัมภาษณ์ พรสันต์ เลี้ยงบุญเลิศชัย อ.นิติศาสตร์ จุฬาฯ และ สมลักษณ์ จัดกระบวนพล อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา และอดีตกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เรียกว่าสู้กันทุกยกแบบไม่ยอมกันเลย เพราะงานนี้นายใหญ่คนแดนไกลนักโทษหนีคดี สั่งทุ่มหมดหน้าตักหวังล้มพล.อ.ประยุทธ์ลงให้ได้
ในส่วนของพล.อ.ประยุทธ์หลังถูกเบรกพักงานในตำแหน่งสร.1 ก็เสียรังวัดไปมาก แต่ก็ยังพร้อมสู้จนวินาทีสุดท้ายเพื่อรอฟังคำชี้ขาดจาก 9 อรหันต์ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ว่าจะให้หยุดหรือให้ไปต่อ ล่าสุด 31 ส.ค.2565 ที่ผ่านมา บิ๊กตู่เรียกทีมไทยคู่ฟ้าตามตัว “พี่เลิฟ-น้องรัก” อย่าง “บิ๊กป็อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พี่กลางสุดเลิฟแห่งบูรพาพยัคฆ์ กับ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ผู้เป็นแคนดิเดตนายกฯที่มีลุ้นเป็นนายกฯได้หากบิ๊กตู่เกิดอุบัติเหตุ ไม่มีใครรู้ว่า 2 อ. 1 ป. คุยเรื่องอะไรกัน แต่เรื่องหลักสำคัญคงไม่ใช่พาหมอผิวหนังไปรักษามือนายกฯแน่ คงน่าจะคุยเรื่องอนาคตว่าจะไปต่อกันอย่างไร แต่แน่นอนว่าชั่วโมงนี้พล.อ.ประยุทธ์ยังสู้ ไม่งั้นไม่ปล่อยภาพลับระหว่างคุยกับ 2 ขุนพลข้างกายออกมาให้เห็นกันเอิกเกริก หวังส่งสัญญาณให้พวกอีแอบรู้ว่า “กูยังไหว-กูยังสู้ต่อ” นะเว้ยเห้ย ถัดมาวันนี้ 2 ก.ย. ก็ลงพื้นที่จ.พระนครศรีอยุธยา ตรวจติดตามการก่อสร้างซ่อมแซมพนังกั้นน้ำ และช่วยเหลือชาวบ้าน 3 จุด ที่ วัดกษัตราธิราชวรวิหาร พระเจดีย์พระศรีสุริโยทัย และ บริเวณพระตำหนักสิริยาลัย ออกงานช่วยชาวบ้านส่งสัญญาณยังไม่ท้อไม่ยุบไม่ถอดใจ
แม้จะต้องลุ้นหนักสุดในชีวิตว่าศาลรัฐธรรมนูญจะชี้เป็นชี้ตายรอบนี้ยังไง บนทางเลือกที่มีไม่มาก คือถ้าศาลปราณีให้รอดก็เดินหน้าเป็นเจ้าภาพจัดประชุมเอเปคในเดือนพ.ย.แบบเต็มกำลัง จากนั้นก็ค่อยดูวัน ว.เวลา น.ในการประกาศยุบสภา อันนี้น่าจะเป็นทางออกทางรอดดีที่สุดไม่ใช่แค่พล.อ.ประยุทธ์แต่คือประเทศไทยเลย ลองคิดเล่นๆดูถ้าพล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ไปต่อจะเกิดอะไรขึ้น บ้านเมืองจะโกลาหลขนาดไหน ฝ่ายค้านฝ่ายป่วนฝ่ายจ้องทำลายจะได้ใจเพียงใด พวกคนชั่วคนเลวพวกล้มเจ้าคงกู่ร้องกันดังลั่นประเทศ เขียนอย่างนี้ไม่ใช่จะไปก้าวล่วงศาลรัฐธรรมนูญผู้ทรงเกียรติ เพียงขอควาเมตตาขอความกรุณาให้ ท่านวินิจฉัยเรื่องนี้ นอกจากใช้หลัก “รัฐศาสตร์-นิติศาสตร์”แล้ว อย่าลืมคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของชาติความสงบเรียบร้อยของประเทศ เอเปครอบผู้นำจะมาถึงถ้าบิ๊กตู่ไม่อยู่ อุทานแบบชาวบ้านตรงๆ ตายห่าแน่ๆครับท่าน แต่ถ้าโชคร้ายแบบสุดๆ บิ๊กตู่ไม่ได้ไปต่อ ทางเลือกก็จะมีไม่มากคือเลือกนายกฯคนใหม่มาทำหน้าที่แทน เต็งหนึ่งคือเสี่ยหนูเพราะมีชื่อในบัญชีแคนดิเดตนายกฯอยู่แล้ว แต่เต็งหามเต็งจ๋าที่นอนมาคือบิ๊กป้อม เพราะมีออปชั่น “นายกฯคนนอก” ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 วรรค 2 ให้ได้ลุ้นอยู่ แม้จะยากแต่ก็ไม่น่าเกินพลังของลุงป้อม ถ้าบิ๊กตู่ตกสวรรค์จริงๆ นายกฯคนใหม่ไม่น่าพลาดจาก 2 คนนี้ ยกเว้นสวรรค์ประทานคนอื่นมาแทน แต่ดีที่สุดสำหรับประเทศไทยชั่วโมงนี้ พล.อ.ประยุทธ์ได้ไปต่อคนดีได้อยู่ยาวเมืองไทยไปรอดแน่นอน กราบเรียนถึงตุลาการด้วยความเคารพ
/////////////////