เพจเฟสบุ๊ก เยอรมันอินไซต์ – Germany InsightsStatement ที่ได้ตามล่าหาความจริง การสั่งซื้อวัคซีนไฟเซอร์ 20 ล้านโดส ของ นายแพทย์บุญ วนาสิน ประธานบริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กับ บริษัท ไบออนเทค เซาท์อีสต์เอเชีย ซึ่งจากการส่งอีเมลไปสอบถามไปยังบริษัท ไบออนเทค ที่บริษัทแม่ ซึ่งตั้งอยู่ในเยอรมนี รวมถึง บริษัท ไฟเซอร์ ทั้ง 2 บริษัทยืนยันว่า ไม่ได้ติดต่อเจรจาซื้อขายวัคซีนกับบริษัทของนายแพทย์บุญแต่อย่างใด
โดยล่าสุด เพจเฟสบุ๊ก เยอรมันอินไซต์ นำเอกสารสเตทเม้นการตอบกลับของบริษัท ไฟเซอร์ ถึงเรื่องสิทธิด้านการจัดจำหน่ายวัคซีนไฟเซอร์-ไบออนเทค มายืนยันในเฟสบุ๊ค โดยเอกสารระบุว่า “เรายังคงร่วมมือกับรัฐบาลไทยในการจัดหาวัคซีนไฟเซอร์-ไบออนเทค ให้ใช้ได้ทั่วประเทศไทย และเรากำลังอยู่ในช่วงปรึกษาหารือกับกรมควบคุมโรคของประเทศไทยของกระทรวงสาธารณสุขเท่านั้น
เราขอย้ำว่า ในระหว่างช่วงเวลาของการแพร่ระบาด ไฟเซอร์จะจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กับรัฐบาลกลางและองค์กรระดับนานาชาติเท่านั้น เพื่อนำไปใช้ในโครงการสร้างภูมิคุ้มกันระดับชาติ และเพื่อแก้ไขวิกฤตสุขภาพโลก ข้อตกลงในการจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในปัจจุบันทั้งหมดของเราดำเนินการกับหน่วยงานของรัฐ เนื่องจากเราเชื่อว่า วัคซีนเหล่านี้จะอยู่ในจุดที่เหมาะสมที่สุดแล้วในช่วงการระบาดใหญ่นี้ โดยประชาชนจะได้รับการกระจายวัคซีนอย่างเป็นธรรมและเท่าเทียมกัน
Pfizer Inc และบริษัทในเครือทั่วโลก ไม่ได้มีการอนุญาตให้ผู้อื่นสามารถนำเข้า /จำหน่าย/ หรือแจกจ่ายวัคซีน เช่นเดียวกับที่ปัจจุบันนี้ก็ไม่มีบริษัทผู้จัดจำหน่ายวัคซีนอื่นที่ได้รับอนุญาตให้ทำการจัดจำหน่ายวัคซีนของเราทั่วโลก
จนถึงวันที่ 1 กรกฎาคม นั้น บริษัทไฟเซอร์ได้จัดส่งวัคซีนไปแล้วมากกว่า 860 ล้านโดสทั่วโลก และจนถึงปัจจุบัน ไฟเซอร์ได้ผลิตวัคซีนไปแล้วกว่า 1.2 พันล้านโดส และไฟเซอร์คาดว่า จะผลิตวัคซีนได้มากถึง 3 พันล้านโดสทั่วโลกภายในสิ้นปี 2021”
แอดมินเพจ เยอรมันอินไซต์ ยังโพสต์ยืนยันด้วยว่า ปกติตนเองจะไม่ยุ่งกับการเมืองไทย และไม่ได้เข้าข้างรัฐบาลไทย แต่สาเหตุที่ต้องตรวจสอบข้อมูลในครั้งนี้ เพราะเกลียดเฟคนิวส์ขึ้นสมอง และมีการเอ่ยถึงบริษัท ไบอนเทค ในเยอรมนี ซึ่งมันคือประเทศที่ตนเป็นประชาชนของเขา เพราะฉะนั้นถือว่า มันเกี่ยวกับตน และสนใจข้อมูลที่ออกมาตรงหรือไม่ตรงความจริง พร้อมฝากถึงสื่อมวลชนไทย ตนเองทนเห็นการทำงานที่มันไร้คุณภาพของสื่อไทยไม่ไหว พวกคุณเป็นสื่อ มีหน้าที่ให้ข้อมูลประชาชนอย่างถูกต้อง แม่นยำ จรรยาบรรณสื่อจะต้องตรวจสอบข่าวที่ลงก่อนเสมอ ไม่ใช่ใครพูดอะไรมาก็สักแต่ลง ในช่วงภาวะระบาดนี้ สื่อควรจะเป็นที่พึ่งในการหาข้อมูลของประชาชน ไม่ใช่ต้องมานั่งหวาดระแวงว่า ข่าวจะจริงเท็จแค่ไหน แทนที่พวกคุณจะใช้โอกาสนี้ในการทำให้ประชาชนเชื่อถือ เชื่อใจ ไว้ใจ คุณกลับยิ่งทำให้ประชาชนไทยเค้ายิ่งต้องเดือดร้อน ขอให้พวกคุณลองไปคิดถึงบทบาทในสังคมที่พวกคุณเป็นอยู่ เทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้ว จากการทำการสอบถาม ประชาชนในเยอรมนีมีความไว้วางใจ และหวังพึ่งสื่อมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วงภาวะระบาดนี้ คุณเห็นความแตกต่างตรงนี้หรือไม่ รู้แบบนี้แล้ว พวกคุณไม่ละอายใจกันบ้างเลยหรือ
