หลังจากเมื่อเดือนที่แล้ว ประธานาธิบดีโจ ไบเดนผ่านกฎหมายชิป หรือ CHIP ACT โดยอนุมัติงบประมาณจำนวน 5 หมื่นล้านดอลลาร์ ในการสนับสนุนการลงทุน และวิจัยในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศ อีกทั้งออกมาตรการลดหย่อนภาษีให้กับบริษัทที่ตั้งโรงงานผลิตชิปในสหรัฐ โดยมีจุดประสงค์เพื่อ สนับสนุนอุตสาหกรรมผลิตชิปในประเทศ และลดการพึ่งพาจีน ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงานผลิตจำนวนมาก และทำให้อุตสาหกรรมหยุดชะงัก เนื่องจากขาดแคลนชิป ซึ่งเกิดจากปัญหาห่วงโซ่การผลิต ที่เกิดจากมาตรการควบคุมโควิดที่เข้มงวดของจีน รวมถึงต้องการกีดกันจีนในการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี
ล่าสุดนางจีนา ไรมอนโด รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐกล่าวว่า รัฐบาลกำลังใช้มาตรการป้องกัน เพื่อให้แน่ใจว่า บริษัทเทคต่างๆ จะไม่ทำลายความมั่นคงของชาติ โดยการประกาศห้ามบริษัทเทคฯ ที่ได้รับเงินอุดหนุนจากกฎหมายชิป ตั้งโรงงานที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงในจีน เป็นเวลา 10 ปี แต่อนุญาตให้มีการสร้างโรงงานเพื่อผลิตชิปที่ใช้เทคโนโลยีเก่าในจีนต่อไปได้
ทั้งนี้สหรัฐฯ และจีนนั้นมีข้อพิพาทเรื่องการค้าและเทคโนโลยีมายาวนาน และนโยบายของสหรัฐ ในการกีดกันจีนจากเทคโนโลยีชิปสมัยใหม่นี้ ได้ส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตชิปบางรายในสหรัฐแล้ว โดยเมื่อต้นเดือน บริษัทชิปยักษ์ใหญ่ของสหรัฐทั้ง เอ็นวิเดีย (Nvidia) และเอเอ็มดี ได้ถูกสั่งห้ามขายชิปปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีขั้นสูงให้กับจีน
ซึ่งนักวิเคราะห์กล่าวว่า คำสั่งห้ามขายชิปนี้ ทำให้เกิดผลกระทบที่ร้ายแรงต่อเอ็นวิเดีย และเป็นเหมือนการโจมตีจีน ซึ่งจะทำให้ปัญหาความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์นั้นรุนแรงยิ่งขึ้น โดยสถานเอกอัครราชทูตจีนในวอชิงตันเคยกล่าวคัดค้าน ร่างกฎหมายว่าด้วยชิปนี้ พร้อมเรียกการกระทำของสหรัฐว่า เป็นเหมือนการทำสงครามเย็น