กลายเป็นกระแสข่าวมาสักพักใหญ่แล้ว กรณี “ผู้กองนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย แบะท่าอยากย้ายกลับรังเก่ามาซุกใต้ปีกของพี่ใหญ่ 3 ป.บูรพาพยัคฆ์ที่ชื่อ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นเพราะนั่งเป็นรักษาราชการแทนนายกฯที่มีอำนาจเต็มไม้เต็มมือ หลังน้องเล็กน้องรัก 3 ป.อย่าง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ถูกสั่งพักปฏิบัติหน้าที่และกำลังลุ้นอยู่บนเขียงว่าจะได้ไปต่อหรือจะต้องกลับบ้าน จากปมร้อนตีความวาระการดำรงตำแหน่งนายกฯไม่เกิน 8 ปี ที่ยังไม่รู้ว่าจะออกลูกผีหรือลูกคนจากศาลรัฐธรรมนูญความจริงกระแสข่าวเรื่องผู้กองธรรมนัสต้องการย้ายกลับบ้านเก่า อยากกลับมาตายรังอยู่กับพรรคพลังประชารัฐนั้นมีมานานแล้ว ย้อนอดีตตอนถูกขับออกไปตอนนั้น 21 คน แต่เอาเข้าจริงเหลือไปกับผู้กองธรรมนัสแค่ 18 คน ที่เหลือ 3 คนคือวัฒนา ช่างเหลา ส.ส.ขอนแก่น , เอกราช ช่างเหลา ส.ส.บัญชีรายชื่อ , สมศักดิ์ พันธ์เกษม ส.ส.นครราชสีมาก็โดนพรรคภูมิใจไทยของ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูลดูดไปหมด ขณะที่วัฒนา สิทธิวัง ส.ส.ลำปางเขต 4 ที่โดนกกต.ให้ใบเหลืองต้องเลือกตั้งซ่อมใหม่ ผลการเลือกตั้งก็ปรากฏว่า พ่ายแพ้ให้กับเดชทวี ศรีวิชัย จากพรรคเสรีรวมไทย ที่ได้คะแนนไปถึง 55,638 คะแนน ส่วนวัฒนาได้ไปแค่ 30,451 คะแนน แพ้ไปถึง 25,000 คะแนนแบบไม่เห็นฝุ่น
แค่นั้นไม่พอในพรรคเศรษฐกิจไทยเองตอนนี้ก็เละตุ้มเป๊ะ ตั้งแต่เกิดเรื่องบี้หัวหน้าพรรคอย่าง “บิ๊กน้อย”พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทยคนเก่าให้ลาออก เพราะผู้กองกับเจ้านายมองการเมืองคนละแบบเห็นต่างกันคนละมุม ที่สุดเลยเกิดกรณีลากไส้กันเองระหว่างพล.อ.วิชญ์กับร.อ.ธรรมนัส ฝ่ายผู้กองกล่าวหาว่าบิ๊กน้อยอ่อนประสบการณ์พรรษาการเมืองน้อยเลยไม่เท่าทันเกมส์คนอื่น ฝ่ายพล.อ.วิชญ์ก็อัดผู้กองไม่จริงใจตลบตะแลง ที่สำคัญในหัววันๆคิดแต่ละล้มพล.อ.ประยุทธ์จะหักเก้าอี้บิ๊กตู่ให้ได้ งานนี้เลยไปกันไม่รอดเพราะเล่นการเมืองคนละแบบ ที่สุดบิ๊กน้อยก็ต้องไขก๊อกออกมาตั้งพรรครวมแผ่นดิน ทำการเมืองสายกลางไม่เคียดแค้นไม่อาฆาตใคร ขณะที่ผู้กองนัสก็ต้องเดินการเมืองตามลำพังแบบหัวเดียวกระเทียมลีบเพราะไม่มีใครคุ้มหัวอีกต่อไป
การเมืองทุกพรรคต้องใช้เงินและบารมี พรรคถึงจะอยู่รอดปลอดภัยได้ในสนามการเมือง ย้อนอดีตร.อ.ธรรมนัสสมัยที่เรืองรุ่งก็เพราะมีตำแหน่งรมช.เกษตรและสหกรณ์ พอเป็นเสนาบดีก็บันดาลทุกอย่างได้ดังใจ แต่พอเกิดเรื่องคิดการใหญ่จะล้มพล.อ.ประยุทธ์แจกกล้วยให้ส.ส.พรรคเล็กหวังล้มบิ๊กตู่กลางสภาในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ 2564 เดชะบุญความแตกเสียก่อน ก็เลยถูกพล.อ.ประยุทธ์เชคบิล ถูกปลดพ้นความเป็นรัฐมนตรีคู่กับ “อ.แหม่ม” นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.แรงงาน บันทึกประวัติเสียทางการเมืองไปโดยปริยาย นับแต่นั้นมาการเมืองของร.อ.ธรรมนัสก็ลุ่มๆดอนๆ จาก “ดาวฤกษ์” ที่เคยได้รับการคาดหมายว่าเป็นนักการเมืองดาวรุ่งพุ่งแรงแห่งยุค เคยขึ้นเป็นถึงเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เป็นแม่บ้านพรรคแกนนำรัฐบาล แต่เพราะวางตัวไม่เหมาะ บริหารความอยากไม่ได้ คิดการใหญ่เกินตัว ไม่รู้จักรอจังหวะเวลาและโอกาส จากดาวฤกษ์ก็เลยกลายมาเป็น “ดาวเคราะห์” อับแสง ในทางการเมืองยามนี้ไปต่อก็ไม่ได้ ถอยหลังก็ลำบาก ไร้มิตรแท้แต่มีศัตรูถาวรเต็มไปหมด
จะไปโทษใครได้นอกจาก “กรรม” ของตัวเอง อดีตเคยถูกบิ๊กป้อมฟูมฟักเอามานั่งเป็นเลขาฯพรรคพลังประชารัฐแล้ว ถ้ารู้จักรอเวลาอีกนิดไม่คิดชิงสุกก่อนห่าม เผลอๆเส้นทางของร.อ.ธรรมนัสในวันนี้ อาจกลายเป็นรัฐมนตรีเกรดเอ เป็นเสนาบดีใหญ่โตก็เป็นได้ แต่เพราะคิดไม่ตกอยากลองดีไปงัดข้อกับคนดีเกรดพรีเมี่ยมอย่างพล.อ.ประยุทธ์ แถมแค้นฝั่งหุ่นไม่ยอมส่องกระจกดูตัวเอง คำสอนทางพุทธ “อริยสัจ 4” ก็มีมาแล้ว “ทุกข์ -สมุทัย-นิโรธ-มรรค” ถ้าลองนั่งคิดทบทวนตัวเองให้ดีก็จะรู้ว่ามาถึงจุดนี้ได้ยังไง วันนี้สถานะของผู้กองนัสที่เคยยิ่งใหญ่ในอดีต ถึงตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะไปอยู่ไหนยังไง ยิ่งเลือกตั้งคราวหน้าปรับสูตรไปใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ เขต 400 บัญชีรายชื่อ 100 แถมใช้สูตรหาร 100 ในการคิดคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเล็กมีแต่ตายกับตาย ไล่เรียงรายชื่อส.ส.เขตของพรรคเศรษฐกิจไทย 10 กว่าคน ไปดูตามประวัติการเลือกตั้งรอบก่อนตอน 24 มี.ค.2562 ที่ผ่านฉลุยแบบไม่ต้องลุ้นมีแค่ผู้กองกับมือขวาอย่างไผ่ ลิกค์ กับ ส.ส.เก่าอีก 1-2 คนที่ลอยลำได้คะแนนชนะคู่แข่งเกินหมื่นคะแนนแบบไม่ต้องลุ้น แต่อีก 10 คนที่เหลือชนะคู่แข่งแบบไม่เกินหมื่นคะแนนมาทั้งนั้น บางคนเฉือนแค่หลักร้อยหลักพันเศษๆ รอบก่อนได้กระแสพล.อ.ประยุทธ์ได้ความนิยมของบิ๊กตู่ช่วย รอบนี้ลงสู้ศึกด้วยตัวเองถามว่าพรรคเศรษฐกิจไทยจะชูอะไร ขายร.อ.ธรรมนัสก็ไม่ได้ขายนโยบายก็ไม่มี จะเหลือ “จุดขาย” อะไรไปหาเสียงกับชาวบ้าน ที่สำคัญ กระสุนดินดำ ทุนรอนจะเอามาจากไหน เพราะตอนอยู่พรรคพลังประชารัฐบิ๊กป้อมรับภาระดูแลทั้งหมด ออกมาบินเดี่ยวแบบนี้จะเอาปัญญาจากที่ไหนไปจ่ายเงินให้ส.ส. มิหนำซ้ำเลือกตั้งรอบหน้าแต่ละพื้นที่มีทั้งเพื่อไทย ไทยสร้างไทย พลังประชารัฐ ภูมิใจไทย ก้าวไกล ฯลฯ เป็นแค่พรรคเล็กๆ จะเอาอะไรไปสู้เขา
กลับไม่ได้ไปไม่ถึง ครึ่งคนครึ่งผี จะกลับไปอยู่กับพรรคเพื่อไทยฝ่ายทักษิณก็ลำบาก ใครอยากได้ข้าหลายเจ้าบ่าวหลายนาย เป็นหมาสองรางใครอยากจะเอา เรื่องในพรรคยังเอามาปูด เรื่องส.ส.พรรคเล็กรับกล้วยน้ำร้อนน้ำชารายเดือนยังเอามาแฉ โจทย์เพียบทั้งวงการ หาเรื่องเขาไปทั่ว ไฝว่กับทุกคนทั้งหมด ผู้ใหญ่เจ้านายกูก็ไม่เว้น คนอย่างนี้ใครอยากเอาไปเข้าพรรค เข้าทำนองหนังจีนในอดีต “อยู่แก๊งค์ไหนหัวหน้าตายหมด” ทักษิณฉลาดล้ำลึกนายหญิงอย่างพจมานรู้ดีใครจงรักใครภักดี ทำตัวแบบนี้ไปที่ไหนใครก็ขยาด พรรคเพื่อไทยไม่มีทางเอา ใครอยากเลี้ยงหมาที่จ้องงับกัดเจ้าของ ไปต่อไม่ไหวสุดท้ายก็ต้องบากหน้ากลับไปหาพี่ป้อม แนวโน้มตอนนี้โอกาสมีสูงเพราะพล.อ.ประวิตรก็กำลังอยากหาคนไปช่วยทำพรรค เพราะคนไว้ใจคนเก่งๆที่เขี้ยวการเมืองแทบไม่มี ส่วนใหญ่หนักไปทางเก่งพูดทำไม่เป็น เงินไม่ควักเป็นตัวถ่วงหนักพรรคเปล่าๆ ได้ผู้กองธรรมนัสกลับมาเป็น “กองหน้า” หัวหมู่ทะลวงฟันบิ๊กป้อมคงเบาแรงไปเยอะ แต่ก็ต้องชั่งใจให้ดีว่าพรรคมีโอกาสร้าวแตกเละเป็นเสี่ยงๆ ได้เช่นกัน อย่าลืมว่าผู้กองนัสเสมือน “ไฟ” ที่ผ่านมาก็เห็นอยู่ว่าหาเรื่องเขาไปทั่ว ในพรรคพลังประชารัฐก็ขบเหลี่ยมคนไปหมด ทั้งแก๊งสามมิตรก็ไปแย่งเก้าอี้เลขาธิการพรรคมาจาก “เสี่ยแฮงค์” อนุชา นาคาศัย อดีตเลขาฯเก่า กับ “เสี่ยเฮ้ง”สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงานก็มีเรื่องถูกมองว่าเป็น “ไอ้โม่ง” เขี่ยชื่อไม่ไว้วางใจให้ฝ่ายค้านรุมยำตีน ยังไม่นับรวมมีเรื่องตอบโต้กับ “เสี่ยโอ๋” ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์เรื่องกลับ-ไม่กลับพรรค งัดข้อกับไพบูลย์ นิติตะวัน กุนซือกฎหมายของพรรค แม้กระทั่งเลขาฯใหม่อย่าง สันติ พร้อมพัฒน์ ก็ไม่ลงรอยกัน
เอาร.อ.ธรรมนัสกลับมาพล.อ.ประวิตรอาจสบายมีมือไม้คอยช่วยเหลือโดยเฉพาะช่วงนับถอยหลังเลือกตั้ง แต่พรรคพลังประชารัฐจะร้อนเป็นไฟแกนนำคนอื่นจะกระอักกระอ่วนใจกันหมด แค่มีข่าวผู้กองจะคัมแบ๊ก ในพรรคก็ออกโรงต้านกันระงมชักแถวออกมาให้สัมภาษณ์กันสลอน ลุงป้อมลองคิดดูได้กับเสียคุ้มกันไหม พล.อ.ประวิตรอยากได้ขุนพลออกศึก ร.อ.ธรรมนัสอยากมาซบไออุ่นของเจ้านายผู้มากบารมี แต่ถามใจคนในบ้านอีกเป็นพรวนหรือยัง อยากรับ “เผือกร้อน” มาไว้ในมือ เอา “ลูกไฟ” มาไว้ในบ้านไหม อย่างไหนได้เสียมากกว่ากัน ท่านรักษาการนายกฯ
//////////////////////