การปรากฎตัวของ “คุณหญิงอ้อ” พจมาน ณ ป้อมเพชร ระหว่างพรรคเพื่อไทยจัดคาราวานเดินสายทำกิจกรรม “สะบัดชัย เพื่อไทยมาเหนือ” ในวันที่ 10 ก.ย. 2565 ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติฯ จ.เชียงใหม่ ที่มีแกนนำอย่าง “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นำขบวนลูกพรรคมาจัดกิจกรรมทางการเมือง 3 วันในเมืองหลวงทางภาคเหนือซึ่งเป็นฐานที่มั่นสำคัญของพรรคเพื่อไทย ต้องบอกว่าการเคลื่อนไหวออกหน้าสื่อครั้งนี้ของคุณหญิงอ้อ นับเป็นครั้งแรกที่โผล่หน้ามาร่วมกิจกรรมกับพรรคเพื่อไทยหลังการปฏิวัติรัฐประหาร 19 ก.ย.2549 ที่ตอนนั้นสามีอย่างทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ถูก “บิ๊กบัง” พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.ตอนนั้นทำการปฏิวัติ หลังจากนั้นเป็นต้นมาคุณหญิงอ้อไม่เคยปรากฎตัวร่วมงานทางการเมืองกับพรรคเพื่อไทยเลย อาจจะผลุบๆโผล่ๆงานสังคม หรืองานสาธารณกุศลบ้างแต่งานการเมืองในนามพรรคเพื่อไทยนั้นไม่ปรากฎข่าวหรือภาพว่าคุณหญิงอ้อลงมาร่วมวงศ์ไพบูลย์เลย
จนมาถึงการออกมาปรากฎตัวนั่งหน้าเวทีลุ้นลูกสาวอย่างอุ๊งอิ๊งขึ้นเวทีสะบัดชัยในคราวนี้ แถมการออกสื่อคราวนี้ยังมาพร้อมน้องสามีกับน้องเขย อย่าง “เจ๊แดง” เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ที่ถูกคณะอนุกรรมการชุดเล็กของป.ป.ช.ชี้มูลความผิดและเป็นผู้ต้องหา 71 คน ล็อตสองโครงการขายข้าวแบบจีทูจีล็อต 2 รวมถึง สมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯนอกทำเนียบ ที่ก็มาร่วมให้กำลังใจหลานสาวและให้กำลังใจพรรคเพื่อไทยในการทำกิจกรรมคราวนี้ด้วย แม้การปรากฎตัวคราวนี้ฝ่ายแกนนำพรรคเพื่อไทย ทั้งโทนี่ วู้ดซั่ม นักโทษหนีคดีแห่งดูไบ สมชาย และคนอื่นๆ พยายามออกมายืนกรานว่าการปรากฏตัวของคุณหญิงอ้อไม่ได้เป็นการส่งสัญญาณทางการเมืองหรือส่งนัยยะอะไร แต่เป็นการเดินทางจากกรุงเทพฯขึ้นเหนือมาเพื่อให้กำลังใจลูกสาวอย่างอุ๊งอิ๊ง ที่จ่อเป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทยเต็มแก่ ด้วยวัยเพียง 36 ปี แต่ลึกๆคอการเมืองคนที่อยู่ในแวดวงแห่งอำนาจ ไม่มีใครเชื่อว่าการออกมาของคุณหญิงพจมานจะถูกตีความตื้นเขินแบบนั้น
อย่าลืมว่าในการรับรู้ทั่วไปของคนไทย คุณหญิงอ้ออาจจะถูกมองว่าเป็นแค่อดีตภรรยาของทักษิณที่ตอนนี้หย่าขาดกันไปแล้ว และมีสถานะเป็นแม่ของอุ๊งอิ๊ง แต่ในทางการเมืองโดยเฉพาะในพรรคเพื่อไทยคุณหญิงอ้อคือ “นางพญา” เป็นตัวแม่เป็นเจ้าของพรรคเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในพรรคมานานนมแล้ว บ่อยครั้งมักเรียกแกนนำฝ่ายตัวเองไปหารือที่ตึกชิน 3 ริมถนนวิภาวดีรังสิต ชั้นพิเศษอยู่บ่อยครั้ง อำนาจล้นฟ้าบารมีล้นพรรค โดยเฉพาะภายหลังจากที่ทักษิณถูกอัปเปหิมีคดีต้องหนีไปต่างประเทศ อำนาจในพรรคเพื่อไทยทั้งหมดก็ตกอยู่ในมือของคุณหญิงอ้อมาตลอด อาจจะมีที่อำนาจของคุณหญิงอ้อถูกท้าทายบ้างก็ในยุคที่สมชายเป็นนายกฯ ต่อเนื่องถึงยุคที่ “เจ๊ปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกฯหญิงนั้นแหละ ที่คุณหญิงอ้ออาจถูกท้าทายอำนาจไปมาก เพราะ “สองพี่น้อง” ตระกูลชิน คือ เจ๊ปู เจ้าแม่โยธินพัฒนา จับมือกับพี่สาวคือเจ๊แดงวังบัวบาน สกัดอำนาจของคุณหญิงอ้อ เพราะตอนนั้นเป็นช่วงที่ทักษิณอ่อนแรงอำนาจในพรรคลดลง ต่างจากฝ่ายยิ่งลักษณ์กับเยาวภาที่มาแรงสุดๆ โดยเฉพาะในยุคที่ยิ่งลักษณ์เป็นนารีขี่ม้าขาวครองอำนาจการเป็นนายกฯหญิงประวัติศาสตร์ ตั้งแต่ 5 ส.ค.2554 – 22 พ.ค.2557 จนถูกพล.อ.ประยุทธ์ปฏิวัติ
คนในพรรครู้ดีว่าศึกคุณหญิง ศึกเจ๊ ศึกเจ้าแม่วังต่างๆในพรรคนั้นมีมาตลอด เพราะในพรรคเพื่อไทยขั้วอำนาจการเมืองที่แท้จริงอยู่ในมือสตรีเพศที่เป็นผู้หญิงล้วนๆ นอกจากทักษิณที่เป็นผู้ชายคนเดียว ข้างกายของนายใหญ่เจ้าของคอกล้วนมี สตรีทรงอิทธิฤทธิ์รายล้อมมาแต่ไหนแต่ไร ตั้งแต่ยุคตั้งพรรคไทยรักไทยสมัยแรกเมื่อปี 14 ก.ค.2541 ก่อนมาชนะการเลือกตั้งได้เป็นพรรคแกนนำรัฐบาลเมื่อปี 6 ม.ค.2544 ด้วยส.ส. 248 คน เจ๊ใหญ่อีกคนที่มิอาจมองข้ามและละเลยมิได้คือ “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ที่เป็นแกนนำตั้งพรรคตั้งแต่ยุค 119 คน ที่เป็นสุดยอดขุมพลังทางการเมืองของทักษิณ ความจริงบทบาทของเจ๊หน่อยในพรรคไทยรักไทยต้องบอกว่ามีสูงลิ่วเพราะนั่งเป็นรองหัวหน้าพรรคอาวุโสมาตลอด แถมยังเคยเป็นเสนาบดีมานับไม่ถ้วนในยุคมักษิณ รมว.เกษตรฯ รมว.สาธารณสุข รมช.มหาดไทย รมช.คมนาคม รวมถึงผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. พรรษาการเมืองในพรรค เหลี่ยมคูการเมือง เงิน บารมี สมุนบริวาร จึงมีไม่ยิ่งหย่อนกว่าใครในพรรค
หลังเจ๊ปูโดนปฏิวัติหลุดพ้นจากขั้วอำนาจในพรรคเพื่อไทย เจ๊แดงก็โดนหางเลขคดีจำนำข้าวหายเข้ากลีบเมฆ นายใหญ่ทักษิณต้องกลับมาใช้บริการเจ๊หน่อยรันพรรคอีกครั้ง เพราะหมดตัวเลือกหมดตัวเล่นออกหน้าทางการเมือง แต่เมื่อฟ้าสว่างทางเปิดทักษิณไฟเขียวให้นำพรรค เธอจึงได้กลับมาผงาดในพรรคเพื่อไทยอีกครั้ง รอบนี้พรรคเพื่อไทยมีการล้างไพ่ใหม่ภายใต้การคุมอำนาจของเจ๊หน่อย มีการตั้ง “เฮียสมพงษ์” สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรค ดัน “ผู้การป็อป” น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ขึ้นมาเป็นรองหัวหน้าพรรค สายเจ๊หน่อยผงาดฝ่ายสายคุณหญิงอ้อ อย่าง “เสี่ยอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย “หมอมิ้งค์” นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช “หมอเลี๊ยบ” นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี “อาจารย์ชู” ชูศักดิ์ ศิรินิล “เฮียเพ้ง” พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล “สารวัตรเหลิม” ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง “เจ๊แจ๋น” พวงเพ็ชร ชุนละเอียด ฯลฯ ต้องถอยห่างหลบฉากออกไป
หนำซ้ำยังมาเกิดเรื่องตอนเลือกตั้งใหญ่ 24 มี.ค.2562 อีก ที่ตอนนั้น แรกเริมเดิมทีทักษิณรับปากว่าจะดันเจ๊หน่อยนั่งแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทยชื่อเดียว ตอนหลังก็เปลี่ยนใจกลับคำเสนอชื่อ ชัยเกษม กับ “เสี่ยทริป” ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ มาเป็นคู่เทียบ งานนี้ทำเอาเจ๊หน่อยปรี๊ดแตกเพราะไม่เหมือนกับที่คุยกันไว้นี่น่า แค่นั้นยังไม่พอเพราะยังมีเหตุการณ์ที่ทำให้เจ๊หน่อย “ช็อคซีนีม่า” หลังหัวใจกำลังพองโตว่าเป็นบัญชีหมายเลข 1 ในการลุ้นชิงนายกฯของพรรคเพื่อไทยแข่งกับพล.อ.ประยุทธ์ ปรากฎว่าจู่ๆมีฟ้าผ่าลงมากลางใจ หลังมีการแจ้งจากคนใหญ่ในพรรคว่า พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) เตรียมเสนอชื่อทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ เป็นแคนดิเดตนายกฯหมายเลข 1 ของพรรค หลังจากนั้นในวันที่ 7 มี.ค. 2562 แม้ศาลรัฐธรรมนูญจะอ่านคำวินิจฉัยยุบพรรคไทยรักษาชาติ พ้นทางออกไป แต่เจ๊หน่อยก็ยัง “เจ็บลึก เจ็บแค้น” ว่าโดนคนใหญ่ในพรรคเพื่อไทยหลอกอีกแล้ว จากนั้นมาพรรคเพื่อไทยก็แพ้การเลือกตั้ง 24 มี.ค.2562 ได้ส.ส.เขตมาแค่ 136 ที่นั่ง บัญชีรายชื่อไม่ได้เลย เพราะโดนสูตรเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสม เพดานส.ส.พึงมี คะแนนไม่ตกน้ำบล็อคไว้ รวมถึงสู้กระแสความแรงของพล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ ความพ่ายแพ้ดังกล่าวนี้แหละที่ทำให้ขั้วการเมืองสายคุณหญิงอ้อใช้เป็นข้ออ้างในการรุกคืบเข้ามาไล่บี้กดดันเจ๊หน่อยไปเรื่อยๆ ใช้เวลาปีเศษนายหญิงก็สามารถตีโต้เจ๊หน่อยจนเพลี้ยงพล้ำ จุดแตกหักก็อยู่ที่กรณีเจ๊หน่อยอยากลงชิงชัยผู้ว่าฯกทม.ขอแก้มืออีกครั้ง แต่พรรคเพื่อไทยฝ่ายคุณหญิงไม่เห็นด้วยมีการยื้อกันอยู่นานพอสมควร แต่ช่วงหลังฝากเจ๊หน่อยก็อ่อนแรงลงตามลำดับ หนำซ้ำยังถูกไล่บี้ไล่ทุบจนตัวเองและเครือข่ายหลุดพ้นวงโคจรอำนาจของพรรคเพื่อไทย เพราะถูกลดบทบาทริบอำนาจไปดื้อแม้กระทั่งลงไปช่วยสมาชิกพรรคหาเสียงเลือกตั้งท้องถิ่น ยังถูกหมายหัใครชวนเจ๊หน่อยไปช่วยลงพื้นที่จะถูกตัดหางออกจากพรรค เล่นกันแรงถึงขนาดพื้นที่ไหนให้เจ๊หน่อยไปช่วยหาเสียง จะไม่อนุญาตให้ใช้ชื่อและตราสัญลักษณ์พรรคเพื่อไทยอีก บีบกันขนาดนี้ใครจะอยู่ทน ทนอยู่ไหว ที่สุดจึงกลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายให้เจ๊หน่อยตัดสินใจลาออกจากพรรคที่อยู่มาตั้งแต่รุ่นบุกเบิกในยพรรคไทยรักไทย
30 พ.ย.2563 เจ๊หน่อยยื่นหนังสือลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทยแบบตลอดชีพ และทุกตำแหน่งในพรรคเพื่อไทย โดยมีเหตุผลที่เป็นฟางเส้นสุดท้าย 3 เรื่อง คือ 1.ความไม่ชัดเจนของกรรมการบริหารพรรค เรื่องการเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพมหานคร 2.มีการตั้งกรรมการและอนุกรรมการใหม่ แทนทีมตัวเอง โดยไม่มีชื่อบุคคลในเครือข่ายของตัวเองแม้แต่คณะเดียว 3.การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น ที่ไม่อนุญาตให้เจ๊หน่อยลงพื้นที่ช่วยหาเสียง ที่สุดเจ๊หน่อยจึงลาออกมาตั้งพรรคไทยสร้างไทย ยอมเป็น “หัวหมา” ดีกว่าเป็น “หางราชสีห์” ความขัดแย้งระหว่าง 2 คุณหญิงในพรรคดาวเทียวของนายห้าง “พจมาน กับ สุดารัตน์” เป็นตำนานเล่ากันไม่รู้จบในพรรคไทยรักไทย เพราะฟัดกันมานานหลายสิบปี ทั้งเรื่องอำนาจ ทั้งเรื่องความรัก ทั้งเรื่องบารมี เสือสาวสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่มีทางเป็นไปได้ ต่างคนต่างไม่ยอมลงให้กัน ต่างคนต่างมีเงิน ต่างมีอำนาจ ต่างมีบริวาร ต่างเขี้ยวลากดินไม่แพ้กัน เจ๊หน่อยอยู่หน้าฉาก คุณหญิงอ้ออยู่หลังกำแพง คุณหญิงสุดารัตน์ เกิด 1 พ.ค.2504 ปัจจุบันอายุ 61 ปี คุณหญิงพจมานเกิด 22พ.ย.2499 อายุย่าง 65 ปีพอดีเป๊ะ เลือกตั้งเที่ยวหน้าเดิมพันกันสูงถ้าเจ๊หน่อยได้เป็นนายกฯก่อนลูกสาวคนเล็ก คุณหญิงอ้อมีหวังอกแตกตาย แถมพื้นที่ส.ส.ก็ดันฐานเดียวกันด้วย จับตาได้เลยเลือกตั้งทั่วไปเที่ยวหน้า ศึกสองคุณหญิงภาคใหม่ พจมาน vs สุดารัตน์ ซัดกันมันส์หยดติ๋งหนิงซิงกิแน่นอน เพราะเดิมพันสูงลิบลิ่ว
//////////////
