สนามเลือกตั้งทั่วไปคราวหน้า ที่ล่าสุดฝ่าย “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รักษาราชการแทนนายกฯ ระบุระหว่างลงพื้นที่หาเสียงที่จ.หนองบัวลำภู ว่าบวกลบคูณหารไม่เกิน 6 เดือนนับจากนี้จะมีการเลือกตั้งแน่นอน แต่วัน ว. เวลา น. เรื่องจะยุบสภาตอนไหนเมื่อไหร่ ลุงป้อมบอกว่ายังไม่รู้เหมือนกัน เพียงแต่ว่าตอนนี้ขอลงพื้นที่ต่างจังหวัดหาเสียงแบบถี่ๆ ก่อนหน้านู้นก็ไปจ.ตาก มาล่าสุดวันเสาร์ที่ 17 ก.ย. ก็นุ่งยีนส์ทรงสกินนี่ สวมสนีกเกอร์ แนววัยรุ่นไปเยือนอีสาน จ.หนองบัวลำภู ใครจะนอนใจคิดว่าการเลือกตั้งยังอีกไกลแล้วไม่ลงพื้นที่ไม่ไปพบปะชาวบ้าน ถึงเวลารัฐบาลชิงประกาศยุบสภาแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียงขึ้นมาจะมาโกรธลุงป้อมกับบิ๊กตู่ไม่ได้นะ
ล่าสุดเหมือนระฆังนับถอยหลังเลือกตั้งจะดังขึ้นมาจริงๆ หลังสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ออกประชาสัมพันธ์ ม.68 ของพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ให้พรรคการเมืองและผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ส. ปฏิบัติเกี่ยวกับการหาเสียง เนื่องจากขณะนี้ใกล้ถึงระยะเวลา 180 วัน ก่อนวันครบอายุของสภาผู้แทนราษฎร 23 มี.ค. 2566 และจนถึงวันก่อนวันเลือกตั้ง โดยระยะเวลา 180 วัน จะเริ่มนับตั้งแต่วันที่ 24 ก.ย.นี้เป็นต้นไป โดยห้ามผู้สมัครทำอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตนเอง ไม่ว่าจะเป็น 1 สัญญาว่าจะให้ 2 ให้หรือเสนอให้ 3. ทําการโฆษณาหาเสียงด้วยการจัดให้มีมหรสพหรือการรื่นเริงต่าง ๆ 4. เลี้ยงหรือรับจะจัดเลี้ยง 5.หลอกลวง บังคับ ขู่เข็ญ ใช้อิทธิพลคุกคาม ใส่ร้ายด้วยความเท็จ หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมือง พรรคการเมืองไหน นักการเมืองคนใดไปทำการสุ่มเสี่ยง 5 เรื่องนี้นอกจากตัวเองจะผิดแล้ว เผลอๆอาจจะพาลไปถึงยุบพรรคต้นสังกัดด้วย บทเรียนในอดีตก็มีให้เห็นกันแล้ว
วกกลับมาที่เรื่องเลือกตั้ง นอกจากพื้นที่ภาคอีสาน 20 จังหวัดเที่ยวหน้าจะไฟลุกเพราะมีเก้าอี้ส.ส.เพิ่มมาถึง 20 ตัว จาก 116 เขตเป็น 136 เขต แล้ว พื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ถิ่นขวานทองก็น่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะมีส.ส.เพิ่มขึ้นจาก 50 เขตเป็น 56 เขต ย้อนอดีตไปดูผลการเลือกตั้งคราวที่แล้วเมื่อ 24 มี.ค.2562 พรรคประชาธิปัตย์ได้ส.ส.ไป 22 คน พรรคพลังประชารัฐได้ส.ส.ไป 13 คน พรรคภูมิใจไทยได้ส.ส.ไป 8 คน พรรคประชาชาติได้ส.ส.ไป 6 คน พรรคประชาชาติได้ส.ส.ไป 1 คน คราวก่อนพรรคประชาธิปัตย์ได้คะแนนในพื้นที่ภาคใต้ไป 1.44 ล้านคะแนน ส่วนพรรคพลังประชารัฐได้คะแนนไป1.05 ล้านคะแนน พรรคภูมิใจไทยได้ไป 6.14 แสนคะแนน พรรคประชาชาติได้ 4.08 แสนคะแนน ขณะที่พรรครวมพลังประชาชาติไทยได้ไป 2.62 แสนคะแนน
มารอบนี้พรรคประชาธิปัตย์อาจจะโชคดีที่พรรคพลังประชารัฐของลุงป้อมไม่แรงเหมือนเก่า ขณะที่กระแสของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ก็เริ่มซาลงไป แม้คนใต้จะรักบิ๊กตู่เหมือนเดิมแต่ก็เบื่อสุดๆหากจะต้องไปสนับสนุนพรรคพลังประชารัฐที่เป็นพรรคฐานของบิ๊กตู่ เพราะอยู่มานานเกือบ 4 ปีแทบจะไม่ทำอะไรให้เป็นประโยชน์โพดผลขึ้นมาในพื้นที่เลย แต่พรรคที่มาแรงสุดในพื้นที่ภาคใต้หนีไม่พ้นพรรคพลังใบอย่างพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ของ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล เพราะมีแม่ทัพใต้คนขยันอย่างพิพัฒน์ รัชกิจประการ เจ้าของปั๊มพีที และ ศรีภรรยาอย่าง นาที รัชกิจประการ อดีตส.ว.พัทลุง และประธานสภาพัฒนาสตรี จ.พัทลุงเป็นแม่ทัพใหญ่ รอบก่อนฟาดไป 8 เก้าอี้ รอบนี้เสี่ยหนูสั่งขยายฐานไปยึดหัวหาดที่ 3 จังหวัดชายฝั่งทะเลอันดามัน คือ กระบี่ พังงา ภูเก็ต แต่ก็ไม่ลืม 9 เขตที่จ.สงขลา บ้านเกิดของพิพัฒน์ เช่นกัน ล่าสุดก็เปิดศึกฟัดกันหนักเรื่องกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ที่พรรคสีฟ้าอัดแหลกพรรคพลังใบสร้างนิสัยไม่ดีให้คนกู้ เพราะเอาใจไม่คิดต้นไม่ปรับดอกเบี้ย ก่อนมาเอาคืนในการเสนอถอนพ.ร.บ.กัญชา กัญชง ออกจากสภาไป เรียกว่าซัดกันคนละดอก แต่ในพื้นที่ภาคใต้พรรคเสี่ยหนูก็มาแรงจริงๆ เพราะนอกจากจะได้แนวร่วมพลังใบแล้ว การที่กระทรวงคมนาคมไปช่วยทำถนนหนทางให้กว้างใหญ่สะดวกสบาย และผุดโครงการใหม่ๆตรงนี้ก็ทำให้คนใต้ปันใจไปให้พรรคเสี่ยหนูมากโข
แค่นั้นยังไม่พอในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ยังต้องเจอพรรคน้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์อย่างพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) ที่ล่าสุด “เฮียกวง” สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ขนทัพใหญ่ไปบุกเมืองไข่มุกอันดามัน ตีหลังบ้านพรรคสีฟ้า แถมยังกล้าหาญถึงขั้นไปแหย่รังแตน ทั้งแซะพรรคประชาธิปัตย์ทำนโยบายเป็นอย่างเดียวคือประกันราคาพืชผลเกษตรซึ่งเป็นเรื่องหมูๆที่ใครก็ทำได้ แถมอัดเรื่องเป็นรัฐบาลแต่ไม่ทำอะไรให้คนใต้เลย ร้อนถึง “อู๊ดด้า” จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรคต้องออกมาสวนกลับสมคิดแบบเจ็บๆ อยู่แต่บนหอคอยงาช้าง ตอนเป็นรัฐบาลทำไมไม่ทำ ดีแต่ด่าคนอื่น แลกกันคนละหมัดชนิดสะเทือนเกาะภูเก็ต เพราะพรรคสร้างอนาคตไทยของสมคิดก็หวังมาปักหมุดในพื้นที่ 3 จังหวัดอันดามันและภาคใต้อื่นๆเช่นกัน แถมได้เด็กเก่าปชป.อย่าง นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรค อดีตรมว.วัฒนธรรม ส.ส.พัทลุงหลายสมัยมากุมบังเหียนให้
นอกจากนี้พรรคประชาธิปัตย์ยังต้องเจอพรรครวมไทยสร้างชาติของ “เสี่ยตุ๋ย” พีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาคย์ อีก ที่รู้กันอยู่ว่าแกนนำส่วนใหญ่ก็เป็นคนเก่าของพรรคประชาธิปัตย์ อย่าง “ขิง” เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ “เสี่ยน้อย” วิทยา แก้วภราดัย เกรียงยศ สุดลาภา สามารถ มะลูลีม วิสุทธิ์ ธรรมเพชร พ.อ.เฟื่องวิชชุ์ อนิรุทธเทวา ชื่นชอบ คงอุดม ฯลฯ ล่าสุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา พีระพันธุ์ก็เปิดพรรคต้อนรับทีมผู้บริหารจากอบจ.สุราษฎร์ธานี นำโดย พงษ์ศักดิ์ จ่าแก้ว นายก อบจ. สุราษฎร์ธานี และ สก.สุราษฎร์ธานี 20 เขต รวมกันเกือบ 40 คน งานนี้เสี่ยตุ๋ยถึงขนาดแสดงความมั่นใจว่า พรรคจะปักธง จ. สุราษฎร์ธานี และตั้งแต่ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร นครศรีธรรมราช สตูล พัทลุง จะเป็นพื้นที่ที่พรรครวมไทยสร้างชาติส่งผู้สมัครครบทุกเขต
นี้ยังไม่นับรวมถึงกระแสข่าวที่พรรคเตรียมตัวรอแม่ทัพใหญ่ของ “ลูกหมี” ชุมพล จุลใส อดีตส.ส.ชุมพร ที่แม้จะมีคดีติดตัว แต่ก็จะมาช่วยพรรครวมไทยสร้างชาติแบบสุดพลัง ถ้าลูกหมีมาจริงรับรองใต้ตอนบนพรรคประชาธิปัตย์ได้บันเทิงแน่ อย่าลืมว่าในพื้นที่ภาคใต้ยังพรรคลุงป้อมรองแชมป์เก่าอย่างพรรคพลังประชารัฐด้วยนะ แม้กระแสจะไม่แรงแต่ “อำนาจ” “บารมี” “คน” “กระสุน” ก็ยังมีเหลือๆ ยิ่งถ้าพล.อ.ประยุทธ์ได้ไปต่อ โอกาสจะกลับมานำพรรคพลังประชารัฐเองก็มีสูง นอกจากนี้ในส่วนพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็ยังมีพรรคประชาชาติของวันมูหะมัดนอร์ มะทา เป็นเจ้าถิ่นอยู่ขวางทางอยู่ เพราะฉะนั้นหนทางคว้า 40 เก้าอี้ส.ส.ใต้ขึ้นไป ตามที่ “เสี่ยนิพนธ์” นิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคภาคใต้ ในฐานะเลขานุการและผอ.การเลือกตั้งพรรคคนใหม่สดๆ ร้อนประกาศก็คงจะยากหน่อย เช่นเดียวกับโอกาสที่ “เสี่ยต่อ” เฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค ในฐานะประธานคณะกรรมการเตรียมการเลือกตั้งของพรรค เคยประกาศไว้ว่าถ้าได้ส.ส.น้อยกว่าเดิมจะกลับบ้านที่เมือง 3 อ่าว เลิกเล่นการเมืองตลอดชีวิตก็มีความเป็นไปได้สูง งวดหน้าภาคอื่นไม่รู้เป็นไงแต่ภาคใต้ พรรคประชาธิปัตย์เจองานยากและหนักแน่ เพราะคู่แข่งพร้อมลงมารุมทิ้ง ช่วงชิงเก้าอี้ส.ส.ภาคใต้ชนิดจ้องตาเป็นมัน
//////////////////////