เป็นที่ทราบกันดีว่าระหว่างนี้เป็นช่วง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กห.อยู่ระหว่างถูกสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนายกฯ ตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค.2565 เป็นต้นมา หลังศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง กรณีถูกส.ส.ฝ่ายค้านเข้าชื่อ 171 คน ยื่นเรื่องให้ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งเรื่องต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงหรือไม่ หลังบริหารประเทศมาตั้งแต่ 24 ส.ค.2557 ถึง 23 ส.ค.2565 เกินกว่าที่รัฐธรรมนูญ ม.158 วรรค 4 กำหนดว่านายกฯจะต้องดำรงตำแหน่งไม่เกิน 8 ปี งานนี้ศาลรัฐธรรมนูญนัดผู้ร้องและผู้ถูกร้องฟังคำวินิจฉัยในวันศุกร์ที่ 30 ก.ย.เวลา15.00 น. งานนี้บิ๊กตู่ต้องลุ้นกันตัวโก่งว่าที่สุดผลคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 คนจะออกมาแบบไหน เพราะออกได้ทั้ง 3 หน้า ไม่รอดม้วนเสื่อกลับบ้าน รอดได้ไปต่อ2ปี รอดอยู่ยาวอีก 4ปี ที่บิ๊กตู่ก็ต้องไปลุ้นกันยาวๆในวันสิ้นปีงบประมาณ 30 ก.ย. 2565นี้
ในจังหวะที่บิ๊กตู่ถูกเบรกพล.อ.ประยุทธ์โดนแช่แข็งไม่สามารถทำหน้าที่สร.1ได้ในช่วงตั้งแต่ 24 ส.ค.-30 ก.ย. ราว ๆ 38 วัน แสงไฟแห่งอำนาจและบารมีก็หักเหตกลงมาที่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์แบบเต็มๆ ด้วยเหตุที่เป็นรองนายกฯรักษาราชการแทนหมายเลข 1 หากพล.อ.ประยุทธ์ติดขัดทำหน้าที่ไม่ได้หรือเดินทางไปต่างประเทศฝ่ายลุงป้อมก็พร้อมรักษาการเป็นปกติอยู่แล้ว แต่นั้นเป็นช่วงเหตุการณ์ปกติที่พล.อ.ประยุทธ์อาจติดภารกิจไปต่างประเทศไม่กี่วันเต็มที่ไม่เกินอาทิตย์ ต่างจากคราวนี้ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญออกคำสั่งเบรกยาวกินเวลาเดือนเศษ เพราะฉะนั้นจึงต้องมีการแก้ไขคำสั่งสำนักนายกฯ ปลดล็อคเรื่องแต่งตั้งคนและอนุมัติเงินให้ลุงป้อมมีอำนาจเต็มด้วย จนทำให้ลุงป้อมมีศักดิ์และสิทธิ์ในการทำหน้าที่ทุกอย่างเทียบเท่านายกฯหรือในยามที่พล.อ.ประยุทธ์บริหารประเทศปกติ
อย่างที่ทราบว่าระหว่างการทำหน้าที่รักษาราชการแทนนายกในคราวนี้ ต้องบอกว่าลุงป้อมรักษาจังหวะเวลาและโอกาสในการเป็นนายกฯสำรองนายกฯชั่วคราวหรือนายกฯมวยแทน อะไรก็ตามแต่จะเรียกได้เป็นอย่างดี หลายวันที่พล.อ.ประยุทธ์ไม่อยู่ลุงป้อมสามารถบริหารบ้านเมืองได้เป็นอย่างดี นั่งหัวโต๊ะเป็นประธานการประชุมครม.ไป 4 ครั้ง อนุมัติงบประมาณมหาศาล แต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูง ไฟเขียวโครงการและมาตราการต่างๆออกมาช่วยเหลือประชาชนและพี่น้องทุกกลุ่มที่เดือดร้อนได้เป็นอย่างดีแทบจะไม่ขาดตกบกพร่องเลยแม้แต่น้อย ขนาดฝนตกฟ้ารั่วในกทม.ลุงป้อมก็วิ่งไปดูหมด
แต่ที่เป็นไฮไลต์เด็ดเป็นกิจกรรมสำคัญ อยู่ที่การลงพื้นที่พบปะชาวบ้านลงไปดูแลความเดือดร้อนในต่างจังหวัดอย่างต่อเนื่อง แบบถี่ๆรัวๆ นับคราวๆ หลังเป็นรักษาการนายกฯ พล.อ.ประวิตรลงพื้นที่ไปแล้วหลายครั้ง อาทิ 1 ก.ย. 2565 ลงพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อตรวจติดตามการผลิตน้ำประปา เพื่อการอุปโภคและบริโภคและเป็นประธานเปิดการสัมมนาและปาฐกถาในหัวข้อ “แนวทางส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” 5 ก.ย. 2565 ไปกระบี่ ในฐานะประธานคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) และ ผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) เพื่อตรวจราชการและติดตามสถานการณ์น้ำ 12 ก.ย.2565 ไป อ.แม่สอด จ.ตาก มอบที่ดินทำกินบ้านมั่นคง ตรวจอ่างเก็บน้ำห้วยแม่สอด 19 ก.ย.ที่ผ่านมาลงพื้นที่จ.นราธิวาส ดูการพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ฟังการบริหารจัดการน้ำ ตามความคืบหน้าสร้างสะพานไทย-มาเลย์แห่งที่ 2 ที่สุไหงโกลก
ถัดจากนี้ 25 ก.ย.ก็จะไป จ.เพชรบูรณ์ เป็นประธานพิธีอุ้มพระดำน้ำของวัดโบสถ์ชนะมาร และดูการแก้ไขปัญหาน้ำของแม่น้ำป่าสัก ทั้งหมดนี้แค่งานในตำแหน่งรักษาราชการแทนนายกฯ ยังไม่นับรวมกรณีลงพื้นที่ไปพบปะชาวบ้านช่วงเสาร์-อาทิตย์ ที่ล่าสุด 17 ก.ย.2565 ที่ผ่านมา ลุงป้อมปรับลุคส์ใส่ยีนส์สกินนี่ สวมสนีกเกอร์สีขาว ยังกะวัยรุ่นเฟี้ยวเงาะ ลงพื้นที่จ.หนองบัวลำภู เพื่อไปเปิดงาน “พลังประชารัฐ มัดใจประชาชน” คนอีสาน พร้อมเปิดเวทีเสวนา พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างว่าที่ผู้สมัครส.ส.หนองบัวลำภู ร้อยเอ็ด ขอนแก่น กับชาวบ้านในพื้นที่ หนำซ้ำทุกพื้นที่ๆลุงป้อมไปเยือนก็มีลูกเด็กเล็กแดง ชาวบ้านมาให้กำลังใจกันล้นหลาม ชูป้ายลุงป้อมสู้ๆ เชียร์ลุงป้อมเป็นนายกฯหลายแห่ง จนกลายเป็นเรื่องธรรมดา เป็นใครจะไม่เคลิ้มเป็นใครจะไม่ลอยตามลมไปกับโอกาสดีๆแบบนี้
หนำซ้ำการทำหน้าที่รักษาราชการแทนนายกฯล่าสุดของลุงป้อมก็ทำได้แบบไร้รอยต่อ แถมมีการปรับลุคส์ใหม่ คล่องแคล่วว่องไว เดินตัวปลิวด้วยตัวเอง ชนิดไม่ต้องมีท.ส.คอยตามพยุง ตอบคำถามนักข่าวยาวขึ้น ยิ้มแย้มให้สื่อตลอด ไม่มีด่าไม่มีอารมณ์เสียหงุดหงิดเหมือนเก่าก่อน ประชุมครม.ก็ฉับไวรับฟังทุกปัญหา พูดแสดงความเห็นทุกเรื่อง สรุปจบรวดเร็วทันใจ ว่องไวปานกามนิตหนุ่ม เปลี่ยนภาพจากคนแก่สูงวัยสายส.ว. เป็นผู้นำความเด็ดขาดมีอนาคตชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ ทุกปัญหาที่เกิดลุงป้อมกับทีมงานวิ่งเข้าชนหมด รับลูกเล่นเป็นเข้าใจทุกสถานการณ์ แถมล่าสุดเมื่อ 20 ก.ย. 2565 ยังโชว์กึ๋น กล่าวถ้อยแถลงในการประชุมระดับผู้นำว่าด้วยการพลิกโฉมการศึกษา (Transforming Education Summit 2022: TES) ในช่วง Leaders’ Round Tables ของการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 77 ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เรียกว่าครบเครื่องผู้นำทั้งในประเทศและต่างประเทศ
วานนี้ (20 ก.ย.) ก็โชว์วิชั่นพูดเรื่องบาทอ่อนระหว่างนั่งเป็นประธานประชุมครม.ครั้งที่ 4 ด้วยการสั่งอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลังไปหารือกับแบงค์ชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หามาตราการดูแลค่าบาทที่อ่อนยวบไม่ให้ไหลลงมากไปกว่านี้ หลังอ่อนค่าลงมาอยู่ที่ 37 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐฯ ที่อาจกระทบกับต้นทุนการผลิตสินค้าและทำให้ค่าครองชีพของคนไทยสูงขึ้น ก่อนที่วันนี้ 21 ก.ย. 2565 ลุงป้อมจะออกมาให้สัมภาษณ์ระบุค่าบาทควรจะอยู่ที่ 35 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐ แถมฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดูอย่าให้เกิดความผันผวน เรียกว่าโชว์ทั้งพาวเวอร์ โชว์ทั้งวิชั่น รักษาโอกาสขยันบริหารความสามารถในการเป็นนายกฯ รอลุ้นส้มหล่นเก้าอี้สร.1 ได้เป็นอย่างดี จากนี้ก็ต้องรอลุ้นว่า 30 ก.ย.นี้ 9 อรหันต์ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะอ่านคำวินิจฉัยออกมาอย่างไร ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ได้ไปต่อยาว 4 ปีลุงป้อมก็จบต้องสวมบทเป็นพระรองดูแลน้องต่อไป แต่ถ้าบิ๊กตู่ได้ไฟเขียวจากศาลแค่ 2 ปี หรือไม่ได้ไปต่อต้องลาสิขากลับบ้าน เส้นทางนายกฯของลุงป้อมก็สุกสกาวในทันที เพราะจะมีลุ้นเสียบเก้าอี้นายกฯขึ้นมาอย่างแน่นอนเพราะมีทั้งส.ส.และส.ว.ในมือมากพออยู่แล้ว แม้จะต้องต่อสู้กับพรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาธิปัตย์ที่ค้านเรื่อง “นายกฯคนนอก” สุดลิ่มทิ่มประตู แต่ก็คงยากที่จะต้านพลังภายในของลุงป้อมได้ อีกไม่นานนี้คงได้รู้กันว่าการเมืองไทยจะพลิกไปทางไหน
////////////////