ศาลฎีกาฯ จำคุก “นริศร” อดีตส.ส.เพื่อไทย 16 เดือน ไม่รออาญา คดีเสียบบัตรแทนกัน

ศาลฎีกาฯ จำคุก “นริศร” อดีตส.ส.เพื่อไทย 16 เดือน ไม่รออาญา คดีเสียบบัตรแทนกัน

วันนี้ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อม.36/2562 ระหว่างอัยการสูงสุด ฟ้อง นายนริศร ทองธิราช อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ กรณีนำบัตรอิเล็กทรอนิกส์ทั้งบัตรจริงของจำเลย และบัตรของสมาชิกรัฐสภารายอื่นจำนวนหลายใบ เสียบลงในเครื่องออกเสียงลงคะแนน และกดปุ่มแสดงตน พร้อมกับปุ่มลงคะแนน ในการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ประเด็น ที่มา ส.ว.ในวาระที่ 2 เมื่อ 10 กันยายน 2556 หรือเรียกกันโดยทั่วไปว่า “คดีเสียบบัตรแทนกัน” โดยจำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลฎีกาฯ พิจารณาแล้วมีปัญหาว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ โดยจำเลยเบิกความ ยอมรับว่า บุคคลที่ปรากฏในคลิปวีดิทัศน์คือจำเลย อันเจือสมกับคำเบิกความของพยาน ศาลส่งคลิปวีดิทัศน์ไปตรวจพิสูจน์ดูแล้วไม่พบร่องรอยการตัดต่อ ฟังได้ว่าจำเลยนำบัตรหลายใบเสียบเข้าเครื่องลงคะแนนตามที่ปรากฏภาพในคลิปวีดิทัศน์ทั้ง 3 คลิปจริง

ข่าวที่น่าสนใจ

ปัญหาต่อไปว่า การที่จำเลยนำบัตรหลายใบใส่เข้าไปในเครื่องลงคะแนนตามที่ปรากฏในคลิปวีดิทัศน์เป็นการลงคะแนนแทนสมาชิกรายอื่นหรือไม่ พยานโจทก์หลายปากเบิกความว่า บัตรในคลิปวีดิทัศน์เป็นบัตรจริง และมีจำนวนมากกว่า 1 ใบ เหตุที่ทราบว่าเป็นบัตรจริงเนื่องจากเป็นบัตรที่มีรูป การกระทำของจำเลยเป็นการดำเนินการตามขั้นตอน อันส่งผลให้ปรากฎผลการลงคะแนนหลายครั้งสำหรับบัตรแต่ละใบได้ จึงฟังได้ว่าจำเลยลงคะแนนแทนสมาชิกรายอื่น เมื่อไม่มีการออกบัตรใหม่แทนบัตรใบเดิม จึงไม่อยู่ในวิสัยที่จำเลยจะมีบัตรจริงหลายใบดังที่อ้าง บัตรเดิมไม่สามารถลงคะแนนได้ จึงไม่มีประโยชน์ที่จะต้องนำบัตรที่ถูกยกเลิกไปแล้วมาใช้บัตรจริง และบัตรสำรองจะแสดงผลการลงคะแนนเพียงครั้งเดียว จึงไม่มีเหตุที่จำเลยจะต้องใส่ทั้งบัตรจริงและบัตรสำรองลงในเครื่องอ่านบัตร ภาพตามคลิปวีดิทัศน์ปรากฏว่า มีสัญญาณไฟกระพริบทุกครั้งที่ใช้บัตรแต่ละใบ แสดงว่าเป็นบัตรอิเล็กทรอนิกส์ลงคะแนนทั้งสิ้น พยานหลักฐานฟังได้ว่า จำเลยลงคะแนนแทนสมาชิกรายอื่นจริง แม้ต่อมาคสช. ประกาศให้รัฐธรรมนูญปี 2550 สิ้นสุดลง ยกเว้นหมวด 2 แต่ก็หาได้มีผลเป็นการลบล้างว่าไม่มีการกระทำของจำเลยอันมิชอบด้วยกฎหมายเกิดขึ้น หรือมีผลกลับกลายเป็นว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิด

ที่จำเลยอ้างเอกสิทธิตามรัฐธรรมนูญปี 2550 มาตรา 130 วรรคหนึ่ง เห็นว่าการใช้เอกสิทธิดังกล่าวต้องชอบด้วยข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ตลอดจนอยู่ภายใต้คำปฏิญาณตน เอกสิทธิดังกล่าวจึงมิได้เป็นข้อยกเว้นความรับผิดทางอาญาให้จำเลยสามารถลงมติแทนสมาชิกรัฐสภารายอื่นได้ การกระทำของจำเลยตามฟ้อง เป็นการกระทำต่างวันเวลากัน ความผิดแต่ละคราวอาศัยเจตนาในการกระทำความผิดแตกต่าง หากจากกันได้ จึงเป็นความผิด 2 กรรม พิพากษาว่า นายนริศร มีความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 เป็นการกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 องค์คณะผู้พิพากษาเสียงข้างมากให้ลงโทษจำคุก กระทงละ 1 ปี คำเบิกความของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกกระทงละ 8 เดือน รวม 2 กระทง เป็นจำคุก 16 เดือน พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง แม้ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยกระทำความผิดใด ๆ มาก่อน ก็ไม่มีเหตุเพียงพอที่จะรอการลงโทษได้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"พิชัย" นำทีมพณ.เจรจา รมต.การค้า 7 เขตเศรษฐกิจเอเปค เพิ่มเชื่อมั่นไทยเป็นศูนย์กลางผลิตสินค้าอุตฯสมัยใหม่
หนุ่มเจ้าของบริษัท ผวา พบวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิดซุกซ่อนอยู่ใต้ท้องรถยนต์เก๋ง
แนะยุบ กกต.ทิ้ง เทพไท แฉ เลือกตั้ง อบจ.เมืองคอนซื้อเสียงเปิด เผย โวย กกต.นั่งดูตาปริบๆ แนะยุบทิ้งดีกว่ามั้ย
"เชน ธนา" พาสื่อทัวร์โกดัง ยันสินค้าอยู่ครบ ไม่ได้แอบขายเอาเงินไปใช้ตามข่าว ย้ำชัดไม่ได้โกงคู่กรณี
ตร.จ่อเรียก “เอก สายไหมฯ” สอบอีกครั้ง หลังให้การขัดแย้งพยาน
"สปป.ลาว" ออกแถลงการณ์ "เสียใจสุดซึ้ง" ปม นทท.เสียชีวิตดื่มเหล้าเถื่อน ยันเร่งนำตัวคนร้ายมาลงโทษ
บุกจับ ! พ่อค้ายากระโดดระเบียง สูงกว่า 2.5 เมตร หนี คิดว่าจะหนีรอด เพราะ ปลัดหน้าไม่โหด
ไฟไหม้ ! ร้านกาแฟวอดหมดทั้งหลัง เจ้าหน้าที่คาดสาเหตุเบื้องต้นเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรมูลค่าความเสียหายกว่า 700,000 บาท
ทั้งเจ็บ ทั้งจำ หนุ่ม เบญจเพสซวยสองเด้ง ถูกวัยรุ่นทำร้าย ถูกจับพกยาไอซ์ซ้ำ
หนุ่มจิตเวชคลั่ง จุดไฟ-ถือมีดขู่ชาวบ้าน ตำรวจกู้ภัยระงับเหตุทันควัน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น