หยุดปั่นหยุดบิดเบือน “พล.ท.นันทเดช” สรุปจบ เหตุผลราชวงศ์ไทย ไม่เสด็จฯอังกฤษ

พลโท นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “เรื่องนี้ควรจบเสียที” การทำงานของรัฐบาลอังกฤษ ตามแผนการปฏิบัติต่างๆ ในงานพระราชพิธีพระบรมศพของควีนเอลิซาเบธที่ 2 ซึ่งรัฐบาลอังกฤษในฐานะผู้ดำเนินงานหลักนั้น ได้รับความกดดันอย่างหนักจากหลายฝ่าย เนื่องมาจากมีการกำหนดมาตราการ รปภ. อย่างเข็มงวดมากกว่าทุกงาน ที่เคยจัดขึ้นมาในกรุงลอนดอน และยังมีการนำปัญหาทางการเมืองระหว่างประเทศเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เช่น

1. การห้ามบางประเทศไม่ให้เข้าร่วมพระราชพิธีเนื่องจากสาเหตุทางการเมืองระหว่างประเทศ

2. ข้อจำกัดการเดินทางเข้าร่วมพระราชพิธีของประมุขประเทศต่างๆ

เช่น การห้ามเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัว (ยกเว้นประเทศที่ได้รับอนุญาต) เพราะจะทำให้การจราจรทางอากาศคับคั่งมากถ้าประมุขทุกประเทศใช้ เครื่องบินส่วนตัวเหมือนกันหมด พร้อมกับห้ามใช้รถยนต์ส่วนตัวเดินทางเข้าร่วมพระราชพิธี โดยให้นำรถส่วนตัวไปจอดไว้ที่โรงพยาบาลหลวงเชลซี จากนั้นใช้รถบัสรวมเดินทางมาที่บริเวณพระราชพิธีร่วมกัน เพื่อการ รปภ.จะทำได้ง่ายขึ้น

ข้อจำกัดเหล่านี้ ถือได้ว่าเป็นข้อห้ามที่จำเป็น เพราะ

(1) อังกฤษเป็นประเทศที่เป็นเป้าหมายของการก่อการร้ายเป็นอันดับ 2 รองลงมาจากสหรัฐฯ แม้กรุงลอนดอนจะได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงที่ปลอดภัยที่สุดเพราะมีกล้องวงจรปิดชนิดระบุอัตลักษณ์ได้จำนวนมาก เปรียบเทียบว่า “ถ้าเดินอยู่ในลอนดอน ไปตรงไหนก็จะมีกล้องวงจรปิดจับอยู่ที่ตัวเราในมุมต่างๆ อย่างน้อย 5 กล้องขึ้นไป” แต่ระบบ รปภ.ดังกล่าวก็มีขีดจำกัดในเรื่องการรองรับปริมาณคนเช่นกัน จึงอาจไม่สามารถจะดูแล VVIP และคณะผู้ติดตามซึ่งมีจำนวนมากได้อย่างครบถ้วน

(2) พื้นที่จัดงานมีขนาดจำกัดไม่เพียงพอกับจำนวนผู้ที่เข้าร่วมงาน ประกอบกับทางรัฐบาลอังกฤษก็ไม่สามารถจะควบคุมประชาชนที่อยู่บริเวณโดยรอบสถานที่จัดงานได้ทุกคน ซึ่งคาดว่าจะมีพสกนิกรเข้าร่วมงานประมาณ 350,000 คนขึ้นไป

(3) กำลังตำรวจและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมพื้นที่ไม่เพียงพอ

 

ข่าวที่น่าสนใจ

การออกข้อบังคับดังกล่าวนั้น รัฐบาลอังกฤษน่าจะพิจารณาจากบุคคลสำคัญที่เข้าร่วมงาน โดยแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม คือ

1. กลุ่มเครือข่ายสมาชิกราชวงศ์ในประเทศทางยุโรป (พระญาติ)
2. กลุ่มประมุขประเทศที่อยู่ในเครือจักรภพ (Commonwealth of Nations) ที่มีรัฐเอกราช 56 ชาติ (โดยในจำนวนนี้ 14 ประเทศมีกษัตริย์อังกฤษเป็นประมุขของรัฐ)
3. กลุ่มประมุขของประเทศในยุโรป

อนึ่ง ประเทศทั้ง 3 กลุ่มดังกล่าวนี้ ส่วนใหญ่ประมุขของประเทศสามารถเดินทางไปได้สะดวกโดยไม่ต้องใช้เครื่องบิน ยกเว้นแต่ประเทศในเครือจักรภพที่ห่างไกล เช่น แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อินเดีย ศรีลังกา ซึ่งจำเป็นต้องใช้เครื่องบิน แต่ประเทศในกลุ่มนี้มีความผูกพันกับสหราชอาณาจักรมากกว่าปกติจึงน่าจะได้รับการผ่อนปรน เช่นเดียวกับประเทศญี่ปุ่นที่สามารถนำเครื่องบินส่วนตัวมาได้ ส่วนประเทศยุโรป อื่นๆที่ไม่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขก็สามารถเดินทางเข้าสู่กรุงลอนดอนได้ง่ายทั้งทางรถยนต์ และทางรถไฟ

4. ประเทศอื่นๆ นอกจาก 3 กลุ่มที่กล่าวมาแล้ว รัฐบาลอังกฤษทราบดี ถึงความลำบากในการเดินทาง จึงระบุให้สามารถส่งตัวแทนประมุขของประเทศเข้าร่วมพระราชพิธีได้ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องเพราะข้อจำกัดในการ รปภ.บุคคลสำคัญของอังกฤษตามที่กล่าวมาแล้ว

อนึ่ง ขอย้ำว่า การ รปภ.ครั้งนี้ ของรัฐบาลอังกฤษ ได้มีการดำเนินงานอย่างจริงจังมากที่สุดในประวัติศาสตร์อังกฤษ ตำรวจทั่วประเทศถูกระดมมาอยู่ที่กรุงลอนดอนเกือบทั้งหมด รวมทั้งทีมงานข่าวกรองด้วย การวางกำลังชุดเฉพาะกิจ หน่วยสไนเปอร์ รวมทั้งหน่วยปฏิบัติการพิเศษทางอากาศ (SAS) ซึ่งได้เข้ามาปฏิบัติการ ในกรุงลอนดอนเป็นครั้งแรก เพื่อป้องกันเหตุการร้ายที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกห้วงเวลา

ประเทศไทยนั้นได้รับจดหมายเชิญประมุขของประเทศเข้าร่วมด้วย แต่เนื่องจาก รัฐบาลอังกฤษมีคำแนะนำอย่างจริงจัง (Strongly advice) ว่า “ขอไม่ให้เดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัว” และขอให้ขึ้นรถรวม Shuttle Bus เข้างาน แทนรถยนต์ส่วนตัว แน่นอนว่าคำแนะนำดังกล่าวย่อมทำให้เกิดความไม่สะดวกในการเดินทางของประมุขหลายสิบประเทศที่ไม่ได้อยู่ในทวีปยุโรป จึงเลือกใช้วิธี ส่งตัวแทนไปร่วมงานแทน

ดังนั้นราชวงศ์ไทยซึ่งมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับราชวงศ์อังกฤษ (ไม่ใช่รัฐบาลอังกฤษ) ตามที่ทราบกันดีอยู่แล้ว จึงส่ง”ตัวแทนพระองค์”ไปแทน เพื่อลดภาระในการดูแลและการรักษาความปลอดภัยของเจ้าภาพ ซึ่งรัฐบาลอังกฤษและราชวงศ์อังกฤษคงเข้าใจได้เป็นอย่างดี

ส่วนกรณีที่รัฐบาลอังกฤษอนุญาตให้สิทธิพิเศษแก่สหรัฐฯ ในการนำเครื่องบินส่วนตัวมาเองพร้อมด้วยทีมคุ้มกันและไม่ต้องขึ้นรถบัสรวมนั้น ก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องผิดปกติอย่างไร เพราะสหรัฐฯ คือศัตรูลำดับ 1 ของ กลุ่มผู้ก่อการร้ายและอีกหลายสิบกลุ่ม จึงจำเป็นต้องขอรับสิทธิพิเศษ เป็นปกติอยู่แล้ว

 

อย่างไรก็ตามต้องคำนึงว่างานพระราชพิธีครั้งนี้ รัฐบาลอังกฤษเป็น แม่งานหลักในการจัดงานไม่ใช่สำนักพระราชวังอังกฤษ จึงมีการนำเรื่อง ทางการเมืองและความเป็นพันธมิตรในกลุ่มนาโต้เข้ามาร่วมพิจารณาประกอบด้วย ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดคาดแต่อย่างใดเมื่อการแบ่งขั้วอำนาจของโลกในปัจจุบันนี้มีลักษณะที่เกิดขึ้นซึ่งเห็นและรับทราบกันทั่วไปอย่างชัดเจน

เรื่องนี้จึงควรยุติลงได้แล้ว เพราะถ้าพูดกันไปพูดกันมา รัฐบาลอังกฤษก็ยิ่งจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ไปในทางลบมากขึ้นโดยเฉพาะในประเด็นที่ไม่สามารถจะให้ความเท่าเทียมแก่ประมุขของประเทศต่างๆ ได้ ซึ่งการวิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าวนี้เป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้นในห้วงเวลาที่ประชาชนทั้งสหราชอาณาจักรกำลังอยู่ในความโศรกเศร้าเช่นนี้

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

พายุฝนพัดถล่มปากพนังเมืองคอนอ่วมอรทัย น้ำท่วมต้นไม้หักโค่นขวางถนน ฝนตกน้ำท่วมและคลื่นลมแรงพัดพัดหอบหอยกาบเกลื่อนชายหาดชาวบ้าน แห่เก็บขายสร้างรายได้ให้ครอบครัว
รวบแล้ว “พี่สาวเมียทนายตั้ม” หลังตกเป็นผู้ต้องหา “ร่วมกันฟอกเงิน” เร่งสอบปม 39 ล้าน
"ดร.ทันกวินท์" เล่านาที "ไอซ์ รักชนก" โดดเดี่ยว มาศาลฟังไต่สวนถอนประกันสส. ดูไม่มั่นใจเหมือนอยู่สภาฯ
‘สามารถ’ ห่วงแม่อายุมาก มอบทีมทนายยื่นโฉนดมูลค่า 1.2 ล้าน ขอประกันตัว
เยอรมนีจ่อเปลี่ยนสถานีรถไฟใต้ดินเป็นที่หลบระเบิด
จีนเตือนไม่มีใครชนะในสงครามการค้า
อัยการนัดฟังคำสั่งคดี "เชน ธนา-ภรรยา" ถูกกล่าวหาฉ้อโกง 29 พ.ย.นี้
“ลุงป้อม” ปัดตอบปม “สิระ” อ้างคนในป่าต่อสายช่วย “สามารถ”
"ทนายพจน์" ยื่นหนังสือสำนักพุทธฯ จี้คณะสงฆ์แจ้ง "พระปีนเสา" สละสมณเพศ หลังถูกขับพ้นวัดวังกวาง
ตร.นำกำลังทลายแคมป์ "แรงงานต่างด้าวเถื่อน" นับร้อย ย่านหนองใหญ่-ชลบุรี เตรียมผลักดันออกนอกประเทศ

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น