สืบเนื่องจากการที่ นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการแทน เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ระบุความคืบหน้าการพิจารณาแผนควบรวมธุรกิจ ระหว่างบมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) และบมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) ว่า เบื้องต้นคณะกรรมการกสทช. ได้กำหนดประเด็นดังกล่าวไว้ในวาระการประชุมวันที่ 12 ต.ค. นี้ และ คาดว่าจะมีการแถลงข่าวภายหลังการประชุมเสร็จสิ้น ตามรายละเอียดข้อพิจารณาตั้งแต่ข้อกฎหมาย เรื่องการอนุญาตหรือไม่อนุญาต และมาตรการต่างๆ ของกสทช. ที่เกี่ยวข้องกับการรวมธุรกิจทั้ง 2 ค่ายโทรศัพท์มือถือ
ขณะเดียวกันมีรายงานข่าวว่าเมื่อไม่นานมานี้ ( 23 ก.ย. 65) นายเพทาย วัฒนศิริ ทนายความ ผู้รับมอบอำนาจจากผู้ถือหุ้นรายย่อยของ TRUE ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องคณะกรรมการ กสทช. ทั้ง 5 ราย ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 สืบเนื่องมาจาก กสทช.ยังไม่พิจารณาอนุญาตการรวมธุรกิจระหว่าง TRUE กับ DTAC หรือพิจารณาล่าช้า โดยไม่มีเหตุอันสมควร ทำให้ผู้ถือหุ้นได้รับความเดือดร้อนเสียหาย จึงนำคดีมาฟ้องต่อศาล และศาลจะมีคำสั่งเกี่ยวกับคดีต่อไป
โดยนายเพทาย ให้เหตุผลว่า ปัญหาทั้งหมดเกิดจากความล่าช้าของคณะกรรมการ กสทช. เพราะการเลื่อนพิจารณาการควบรวมธุรกิจ TRUE กับ DTAC ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ถือหุ้น ทั้งที่ประกาศ กสทช. เกี่ยวกับการรวมธุรกิจ กำหนดระยะเวลาไว้ชัดเจนว่าให้ดำเนินการภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ผู้ได้รับใบอนุญาตยื่นต่อเลขาธิการ กสทช.