หลังจากมีรายงานพบข่าว “หมูเถื่อน” ที่ลักลอบเข้ามาขายผ่านช่องทางต่างๆ ในราคาต่ำกว่า เนื้อหมูที่ผลิตในประเทศ ทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงที่ร่วมกันแถลงข่าวเรียกร้องรัฐให้จัดการ “ขบวนการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อน” อย่างจริงจัง ตามมาด้วยรายงานการตรวจจับจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง กรมปศุสัตว์ ที่เพิ่งทำลายเนื้อหมูเถื่อนที่จังหวัดสงขลาไปกว่า 12 ตัน หรือ กรมศุลกากรที่แถลงข่าว จับเนื้อหมูเถื่อนได้กว่า 3.5 ตัน และยังคงดำเนินการตรวจจับอย่างเนื่อง ในมุมมองของผู้บริโภคก็เกิดคำถามตามมามากมายว่า “หมูเถื่อน” คืออะไร มีขายที่ใด เข้ามาได้อย่างไร มีอันตรายหรือไม่ ส่งผลกระทบกับการเลี้ยงหมูบ้านเราอย่างไร
จากการติดตามรายงานข่าว จึงทราบว่า “หมูเถื่อน” เกิดจากขบวนการลักลอบนำเข้า ที่อาศัยช่วงที่การเลี้ยงหมูไทยได้รับความเสียหายจากการระบาดของโรคอหิวาห์แอฟริกาในสุกร หรือ ASF ไปกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ ทำให้กำลังการผลิตเนื้อหมูลดลงจนไม่เพียงพอกับความต้องการ ประกอบกับภาวะต้นทุนการผลิตสูง โดยเฉพาะราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่ปรับตัวสูงขึ้นจากภาวะภัยแล้งในแหล่งผลิตที่สำคัญ และวิกฤตสงครามรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลให้ราคาเนื้อหมูในประเทศปรับเพิ่มขึ้นทะลุกิโลกรัมละ 200 บาท เป็นโอกาสให้กลุ่มมิจจาชีพเห็นช่องทางฉวยโอกาสนำเข้าหมูเถื่อนจากต่างประเทศมาปะปนขายในราคาต่ำกว่าท้องตลาด เพื่อทำกำไร
ขบวนการลักลอบนำเข้าใช้วิธีการสำแดงเท็จว่า เป็นอาหารทะเล หรืออาหารสัตว์ เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจโรค ASF ที่แพร่ระบาดในยุโรปและเลี่ยงการขออนุญาตเคลื่อนย้ายซากสัตว์จากกรมปศุสัตว์ ก่อนกระจายไปยังห้องเย็นต่างๆ ทั่วประเทศ ก่อนเปิดขายผ่านช่องทางต่างๆ โดยเฉพาะทางโซเซียลมีเดียในราคาเพียงกิโลกรัมละ 135-145 บาท ก่อนที่พ่อค้าแม่ค้าหรือร้านอาหารบางแห่งที่ทั้งรู้และไม่รู้ว่า เป็นเนื้อหมูเถื่อนลักลอบนำเข้านำมาปะปนขายกับเนื้อหมูไทย เพื่อถัวเฉลี่ยและขายในราคาต่ำกว่าทั่วไป หรือจัดเป็นโปรโมชั่นราคาพิเศษ เพื่อหวังเพิ่มยอดขาย เนื่องจากได้รับผลกระทบจากกำลังซื้อที่ลดลง ตามสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว
ในขณะที่ผู้บริโภคอย่างเราๆ ก็ยอมรับว่า เมื่อมีเนื้อหมูราคาถูกย่อมสนใจ หรือตัดสินใจซื้อมารับประทาน เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายอยู่แล้ว “แต่ถ้าเราทราบว่า เนื้อหมูเหล่านั้น เป็นหมูเถื่อนที่ลักลอบนำเข้ามีความเสี่ยงที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ แม้ราคาถูกเพียงใดก็ไม่ซื้อมาทานแน่นอน” เพราะจากรายงานข่าว หมูเถื่อนที่จับได้ มีทั้งเนื้อหมูที่ผลิตไว้เกิน 2 ปี หรือหมดอายุแล้ว รวมทั้งไม่ผ่านการตรวจสอบสารปนเปื้อน โดยเฉพาะสารเร่งเนื้อแดงที่ประเทศไทยห้ามใช้โดยเด็ดขาด เนื่องจากเป็นสารก่อมะเร็ง หากบริโภคต่อเนื่องก็ทำให้เกิดการสะสมในร่างกาย นอกจากนั้น หมูเถื่อนเหล่านี้ยังไม่ผ่านการตรวจโรค โดยเฉพาะ ASF ที่แม้ไม่ก่อโรคในคน แต่ก็เป็นต้นเหตุที่สร้างความสูญเสียกับการเลี้ยงสุกรจนเนื้อหมูไทยไม่เพียงพอ หากปล่อยให้หลุดรอดเข้ามาย่อมกระทบกับเกษตรกรผู้เลี้ยงที่กำลังลงทุนฟื้นฟูการผลิต เสียหายไม่จบไม่สิ้น ทำให้คนไทยเสียโอกาสในการบริโภคเนื้อหมูคุณภาพดีจากเกษตรกรไทยไปในที่สุด
ดังนั้น จึงขอชื่นชมกรมปศุสัตว์และกรมศุลกากรที่ตรวจจับเนื้อเถื่อนลักลอบนำเข้าอย่างต่อเนื่อง พร้อมขอเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่เดินหน้ากวาดล้างอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งสืบไปจับกุมถึงต้นตอถอนรากถอนโคนขบวนการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนให้สำเร็จ เพื่อให้ผู้เลี้ยงไทยได้มีโอกาสผลิตเนื้อหมูคุณภาพปลอดภัยให้กับคนไทยได้ต่อไป พร้อมวิงวอนผู้ประกอบการที่ซื้อเนื้อหมูเถื่อนเห็นอกเห็นใจชาวไทยด้วยกัน และไม่ควรสนับสนุนการกระทำผิดกฎหมาย เพราะแม้บาปจะอยู่ที่คนทำ แต่กรรมมันดันตกกับคนกินที่ได้รับอันตรายจากเนื้อหมูเถื่อน
สำหรับผู้บริโภคอย่างเราๆ ก็ต้องระลึกเสมอว่า ต้องไม่เห็นแก่ของถูกมากเกินไป ควรเลือกจากคุณภาพและแหล่งจำหน่ายที่เชื่อถือได้ โดยเฉพาะสถานที่จำหน่ายที่มีตราสัญลักษณ์ “ปศุสัตว์ OK” จากกรมปศุสัตว์ เพื่อมั่นใจได้ว่า ได้รับประทานเนื้อหมูที่ปลอดภัยต่อการบริโภคอย่างแท้จริง