“ศาล​รัฐธรรมนูญ​ มีมติ​ 6​ ต่อ​ ​3​ ” ….พล.อ.ประยุทธ์ได้ไปต่อ

เสียงข้างมากมีมติ 6 ต่อ 3 ตัดสินคดีประวัติศาสตร์ คำร้องตีความวาระการดำรงตำแหน่งนายกฯ 8 ปีของบิ๊กตู่   วินิจฉัยต้องนับจากเริ่มต้นประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน  6 เม.ย.2560 เป็นต้นไป  พล.อ.ประยุทธ์ยังมีเวลาอยู่ในตำแหน่งสร.1 อีก 2 ปีเศษ  คืนอำนาจกลับเป็นนายกฯตั้งแต่วันนี้  เตรียมเป็นเจ้าภาพต้อนรับงานใหญ่จัดประชุมเอเปคต้อนรับสุดยอดผู้นำโลก  18-19 พ.ย. นี้

ขและแล้วก็มาถึงวันประวัติศาสตร์ทางการเมืองอีกหนึ่งวันในวันที่ 30 ก.ย.2565  เมื่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ “9 อรหันต์” ชุดปัจจุบัน ที่ประกอบด้วย   9 อรหันต์ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชุดปัจจุบัน  ที่ประกอบด้วย 1. นายวรวิทย์ กังศศิเทียม ประธานศาลรัฐธรรมนูญ 2.ศ.พิเศษ ดร.จิรนิติ หะวานนท์  3.นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม 4.นายวิรุฬห์ แสงเทียน 5.นายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์  6.ศ.ดร.ทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ  7.ศ.ดร.นครินทร์ เมฆไตรรัตน์  8.นายปัญญา อุดชาชน  และ  9.นายนภดล เทพพิทักษ์ เตรียมขึ้นนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยประวัติศาสตร์  กรณีส.ส.ฝ่ายค้านจำนวน 171 คน เข้าชื่อให้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ  มาตรา 170  วรรค 3  ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของ  “บิ๊กตู่”  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรค 2  ประกอบ มาตรา 158 วรรค 4 หรือไม่ หลังฝ่ายค้านมองว่าพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯต่อเนื่องกันเกิน 8 ปีแล้ว  หากนับตั้งแต่เริ่มเป็นนายกฯครั้งแรกหลังรัฐประหาร เมื่อ 24 ส.ค.2557 เรื่อยมาจนถึง 23 ส.ค.2565 เพราะฉะนั้นพล.อ.ประยุทธ์จึงสิ้นสุดความชอบธรรมที่จะเป็นนายกฯแล้ว เพราะอยู่เกินเวลาที่กฎหมายสูงสุดกำหนดไว้แล้ว  ไม่ว่ามองมุมไหนตีความกฎหมายอย่างไร แต่เจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญระบุชัดเจนว่าห้ามบุคคลเป็นนายกฯเกิน 8 ปี

ขณะที่ฝ่ายกฎหมายของพล.อ.ประยุทธ์ที่ประกอบด้วย นายวิษณุ เครืองาม  รองนายกฯฝ่ายกฎหมาย นายดิสทัต โหตระกิตย์ เลขาธิการนายกฯ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา พล.ต.วิระ โรจนวาส ที่ปรึกษานายกฯ อดีตผู้อำนวยการกองพระธรรมนูญทหารบก โต้แย้งในหนังสือชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา 30 หน้าไป 8 ประเด็น  แต่ที่เป็นสาระสำคัญหลักๆ ที่เอามาหักล้างคือ 1. การนับการเป็นนายกฯของพล.อ.ประยุทธ์ตั้งแต่ 24 ส.ค.2557 นั้นไม่ถูกต้อง เพราะการเป็นนายกฯครั้งแรกนั้นเป็นตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 ม.19 และได้ยกเลิกไปแล้ว  จากนั้นก็เป็นนายกฯต่อเนื่องในช่วงรัฐธรรมนูญ 2560 ประกาศใช้แล้วด้วยบทเฉพาะกาล  เพราะฉะนั้นการเป็นนายกฯครั้งแรกจึง “ขาดตอน” ไปแล้ว   2.  กำหนด 8 ปีนายกฯ  ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ม.158 วรรค 4 เป็นการกำจัดสิทธิทางกฎหมาย ซึ่งรัฐธรรมนูญไม่ได้บัญญัติโดยชัดแจ้งว่าหมายรวมถึงความเป็นนายกฯตามรัฐธรรมนูญอื่น   โดยหลักตีความทางกฎหมายแล้ว หากรัฐธรรมนูญไม่ได้บัญญัติไว้ชัดเจน  จะตีความในทางจำกัดสิทธิบุคคลไม่ได้

3.ศาลรัฐธรรมนูญ เคยมีคำวินิจฉัยถึงสถานะความเป็นรัฐมนตรี เมื่อปี 2562 และ 2561 เกี่ยวกับความเป็นรัฐมนตรีว่า คณะรัฐมนตรีที่อยู่ก่อนรัฐธรรมนูญปี 2560 บังคับใช้ถือเป็นรัฐมนตรี นับจากวันที่รัฐธรรมนูญ 2560 ประกาศใช้คือ เริ่มมีผลตั้งแต่ 6 เม.ย.2560  ฯลฯ     “  ข้าพเจ้าสำนึกและปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีตลอดมาด้วยความซื่อสัตย์ สุจริตและด้วยความจงรักภักดี ด้วยสำนึกในหน้าที่และประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน สูงสุดเหนือสิ่งอื่นใด ข้าพเจ้าเชื่อว่า สำนึกในการปฏิบัติหน้าที่และดำรงไว้ซึ่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อํานาจอธิปไตยของปวงชนชาวไทยอันเป็นหลักการและเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญทุกฉบับ ไม่ใช่เฉพาะแต่ฉบับ 2560 ”  พล.อ.ประยุทธ์ชี้แจงในหนังสือแก้ข้อกล่าวหาที่ส่งถึงศาลรัฐธรรมนูญ

ย้อนอดีตกลับไปก่อนหน้านี้ต้องบอกว่าพล.อ.ประยุทธ์เคยมีคดีคำร้องขึ้นบนศาลรัฐธรรมนูญมาแล้ว 4 ครั้ง โดยเกิดขึ้นในสมัย “ประยุทธ์”  2 ทั้งหมดประกอบด้วย  คดีที่ 1 กรณีถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบ  ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง เมื่อ 11 ก.ย.2562  คดีที่ 2. ถูกร้องว่าการเป็นหัวหน้าคสช.ถือว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งเป็นลักษณะต้องห้ามที่ทำให้ไม่สามารถเป็นนายกฯได้ ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยและมีมติเอกฉันท์  เมื่อ 18 ก.ย.2562  ว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่มีลักษณะต้องห้าม ด้วยเหตุที่ไม่เป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ   คดีที่ 3 .ถูกร้องเรื่องอยู่บ้านพักหลวงใน ร.1 รอ. แม้จะเกษียณอายุราชการมา 6 ปี ก็ไม่ออกจากบ้านหลวงเสียที  ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ เมื่อ 2 ธ.ค.2563 ไม่ขาดคุณสมบัติเพราะกองทัพบกมีระเบียบ ทบ. พ.ศ.2548 ยกเว้นการให้ที่พักกับบุคคลที่ทำประโยชน์เพื่อแผ่นดิน  ส่วนคดีที่ 4 ก็คือกรณีถูกส่งตีความเป็นนายกฯเกิน  8 ปี ซึ่งจะตัดสินในวันนี้  และยังไม่รู้ว่าจะออกรู้ผีลูกคนหัวหรือก้อย  ถ้าเป็นคุณเป็นบวกกับพล.อ.ประยุทธ์  บ้านเมืองก็คงไม่วุ่นวายมากอาจมีม๊อบไม่พอใจศาลออกมาก่อกวนออกมาตีรวนมากแต่ตำรวจก็คงเอาอยู่  จากนี้พล.อ.ประยุทธ์ก็คงกลับมาบริหารบ้านเมืองได้ต่อไป  อาจมีการปรับครม.ครั้งสุดท้ายให้เรือแป๊ะแข็งแกร่งก่อนเตรียมยุบสภา   หลังจากเสียขุนพลไปแล้ว 4 คน ประกอบด้วย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตร กับ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ อดีตรมช.แรงงานที่โดนปลดออกไปปีเศษแล้ว  รวมถึงกรณีนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ที่ลาออกไป และ “ครูโอ๊ะ” กนกวรรณ วิลาวรรณ รมช.ศึกษาธิการที่ถูกศาลสั่งหยุดพักการปฏิบัติหน้าที่กรณีรุกป่าเขาใหญ่

จากนั้นก็แต่งตัวเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปค 2022  ต้อนรับผู้นำโลก 18-19 พ.ย.  เสร็จงานใหญ่นี้แล้ว  ก็เตรียมตัวนับถอยหลัง วัน ว. เวลา น. ประกาศยุบสภา จัดการเลือกตั้งทั่วไปในปีหน้า 2566 ได้เลย   แต่หากผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญออกมาเป็นลบ  การเมืองจะเปลี่ยนหน้าอำนาจจะเปลี่ยนมือประเทศไทยจะเกิดการเปลี่ยนแปลงผู้นำประเทศครั้งใหญ่อีกครั้ง  อย่าลืมว่าพล.อ.ประยุทธ์บริหารประเทศมา 8 ปี  สร้างระบบวางระเบียบอะไรต่างๆไว้มากมาย  จู่ๆต้องหยุดเป็นนายกฯขึ้นมาเปรียบประเทศเป็นเครื่องยนตร์ก็ต้องสะดุดสะอึกน้ำมันเป็นธรรมดา  ส่วนจะเกิดเฟกต์เล็กหรือใหญ่ไม่อยากจะคิด  แต่ที่แน่ๆถ้าบิ๊กตู่ไม่ได้ไปต่อ งานเข้านายหัวชวนแบบเต็มๆ เพราะต้องทูลเกล้าขอเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญเป็นกรณีพิเศษ เพื่อเรียกประชุมร่วม 2 สภา ให้ส.ส.กับส.ว.มาโหวตเลือกนายกฯคนใหม่ ตามรัฐธรรมนูญ ม.272  วรรคแรก ที่ตอนนี้ในบัญชีพรรคการเมืองเหลือแค่ 2 คนที่รอลุ้นคือ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กับ ชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯ จากพรรคเพื่อไทย  ขณะที่ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯรักษาราชการแทนนายกฯก็ยังมีลุ้น  “นายกฯคนนอก” เช่นกันหากอนุทินกับชัยเกษมที่เสียงสนับสนุนมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งสองสภา

อย่างไรก็ตามอย่างที่เคยบอกว่าประเทศไทยเป็นดินแดนมหัศจรรย์  มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง  คนดีคนเสียสละคนทำเพื่อบ้านเมืองจะได้รับการปกป้องคุ้มครอง คนชั่วคนเลวคนโกงชาติจะมอดไหม้บรรลัยกัลป์  ล่าสุดกรณีของพล.อ.ประยุทธ์ก็ชัดเจน  ว่า “ศาลเมตตา -ฟ้าปกป้อง”  เพราะ 9 อรหันต์วินิจฉัยเป็นคุณกับบิ๊กตู่  สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในแผ่นดินนี้ช่วยกันคุ้มครองให้พล.อ.ประยุทธ์อยู่รอดปลอดภัยได้ทำงานต่อ    ล่าสุด 15.00 น. คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งบัลลังก์ก่อนใช้เวลาราว 23  นาที อ่านคำนิจฉัยคดีประวัติศาสตร์   ก่อนมีมติเสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 วินิจฉัยว่าความเป็นรัฐมนตรีของพล.อ.ประยุทธ์ยังไม่สิ้นสุด  และการนับเวลา 8 ปีของบิ๊กตู่ต้องเริ่มจากวันแรกที่รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันประกาศใช้ คือ 6 เม.ย.2560

“  ศาลมีมติเสียงข้างมากวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีไม่สิ้นสุดตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 170 วรรค 2  ประกอบ มาตรา 158 วรรค 4 ให้เริ่มนับวาระนายกตามรัฐธรรมนูญ 2560 จึงให้ยกคำร้องดังกล่าว และให้ พล.อ.ประยุทธ์ กลับปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีนับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป” ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัย   งานนี้อาจทำให้ฝ่ายค้านฝ่ายแค้นฝ่ายตรงข้ามฝ่ายแม้วชักตาตั้งเส้นเลือดในสมองแตก   ส่วนพวก  “ตาอิน -ตานา-ตาอยู่” ต้องซอยเท้ารอไปก่อนเพราะบิ๊กตู่ยังไม่ครบวาระ       เพราะพล.อ.ประยุทธ์ได้ไปต่อยาวๆ อย่างน้อยก็มีเวลาอีก 2 ปีเศษในการคิดอ่านว่าจะเอายังไงกับอนาคตต่อไป  แต่ที่แน่ๆ ประชุมสุดยอดผู้นำเอเปค 18-19 พ.ย.นี้  คนที่จะเป็นผู้นำประเทศไทยให้การต้อนรับสุดยอดผู้นำโลกที่จะมาเยือนเมืองไทย คือนายกฯคนดีคนเดิมที่ชื่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

////////////

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“เอกภพ” ได้ประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมให้ข้อมูลเท็จดิไอคอน จ่อฟ้องกลับ
สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น