วันที่ 30 ก.ย. 65 ที่รัฐสภา พรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยตัวแทนพรรคร่วมฝ่ายค้าน อาทินายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเพื่อชาติ นายจารุพล เรืองสุวรรณ เลขาธิการพรรคเพื่อชาติ นายวิรัตน์ วรศสิริน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย และนายนิคม บุญวิเศษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย ประชุม เพื่อติดตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ กรณีการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปี ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญแถลงเสร็จพรรคร่วมฝ่ายค้านได้ออกแถลงการณ์ โดยนพ.ชลน่าน อ่านแถลงการณ์เรื่อง ผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญกรณีการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครบ 8 ปี ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยว่าความเป็นนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 170 วรรคสอง ประกอบมาตรา 158 วรรคสี่ จากกรณี พล.อ.ประยุทธ์ ได้ดำรงตำแหน่ง มาแล้วครบ 8 ปี ในวันที่ 24 ส.ค.57 โดยให้เหตุผลสรุปว่า การดำรงตำแหน่งของพล.อ.ประยุทธ์ ให้เริ่มนับตั้งแต่วันที่ 6 เม.ย 60 ซึ่งเป็นวันที่รัฐธรรมนูญ 60 มีผลใช้บังคับนั้น
พรรคร่วมฝ่ายค้านน้อมรับคำวินิจฉัยของศาล และเห็นพ้องต้องกันว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญน่าจะมีความคลาดเคลื่อนในข้อกฎหมายอันเป็นสาระสำคัญ ไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ และมีปัญหาความชอบด้วยรัฐธรรมนูญด้วยเหตุผล ดังนี้1. การพิจารณาถึงเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญนั้น นอกจากจะต้องหาความหมาย จากถ้อยคำตามลายลักษณ์อักษรแล้ว ต้องพิจารณาจากเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญด้วย โดยต้องพิจารณาในขณะเมื่อจัดทำรัฐธรรมนูญของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญว่าได้มีการพิจารณาถึงสาระสำคัญหรือเหตุผลเบื้องหลังของแต่ละมาตราไว้อย่างไร เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญจึงไม่อาจเปลี่ยนแปลงไปตามความเห็นของกรรมการร่างรัฐธรรมนูญที่เปลี่ยนแปลงไป ตามความคิดและความรู้สึกของกรรมการร่างรัฐธรรมนูญในแต่ละช่วงเวลาได้ เมื่อในชั้นร่างรัฐธรรมนูญ มาตรา 158 วรรคสี่ ที่ห้ามการดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีเกิน 8 ปี โดยมิได้บัญญัติข้อยกเว้นใดๆ ไว้ ได้มีความเห็นของกรรมการร่างรัฐธรรมนูญและประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญปรากฎชัดในบันทึกการประชุม อันเป็นหลักฐาน ที่ชัดเจนถึงเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญว่า ให้นับรวมระยะเวลาการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่ดำรงอยู่ก่อนประกาศใช้รัฐธรรมนูญปี 60 ด้วย และมาตรา 264 ให้นับความเป็นนายกรัฐมนตรีต่อเนื่อง จึงไม่อาจแปลความเป็นอย่างอื่นได้เลยว่า การนับระยะเวลาการดำรงตำแหน่งนายกฯของพล.อ.ประยุทธ์ นั้นต้องเริ่มนับตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค.57 เป็นต้นไปเท่านั้น