พ่อค้าไก่ย่าง แพะคดีฉกเพชร 15.8 ล้าน จ่อเอาผิดตร. หลังติดคุกฟรี

พ่อค้าไก่ย่าง แพะคดีฉกเพชร 15.8 ล้าน จ่อเอาผิดตร. หลังติดคุกฟรี

วันที่ 3 ต.ค. 2565 นายพิสิษฐ์ สุวรรณพิมพ์ อดีตผู้ต้องหาในคดีขโมยเครื่องเพชรในพื้นที่ สน.บางเสาธง เขตภาษีเจริญ เมื่อปี 2559 มูลค่ากว่า 15 ล้านบาท และภรรยา นำพยานหลักฐานเข้าแจ้งความกับตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบหรือ บก.ปปป. ให้ดำเนินคดีกับตำรวจชุดจับกุมและร้อยเวรในคดีดังกล่าว ที่ไปเข้าจับกุม และทำสำนวนคดี จำนวน 5 ราย

 

ข่าวที่น่าสนใจ

นายพิสิษฐ์ เล่าว่า คดีดังกล่าวเริ่มต้นจากในปี 2559 ขณะนั้นตนทำอาชีพขายไก่ย่างกำลังเตรียมของอยู่ภายในบ้านพักที่จังหวัดนครพนม ได้ถูกตำรวจชุดจับกุมของสน.บางเสาธง เข้ามาแสดงหมายจับในคดีฉ้อโกงที่ดิน ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว ก่อนจะนำตัวไปสอบปากคำที่ เซฟเฮ้าส์แห่งหนึ่ง โดยมีการใช้ผ้าขนหนูคลุมใบหน้าและถูกทำร้ายร่างกายเตะเข้าที่ตามลำตัวหลายครั้ง พร้อมกับขู่บังคับให้บอกที่ซ่อนของเครื่องเพชรมูลค่า 15 ล้านบาท

แต่ตนเองไม่ทราบเรื่องดังกล่าวมาก่อน และได้พูดคุยผ่านวิดีโอคอลกับหญิงเจ้าของเครื่องเพชร เจ้าตัวก็ยังยืนยันว่าตนเองเป็นคนเอาไป แต่ตนเองก็ยังไม่ยอมรับสารภาพ จึงถูกนำตัวไปทำบันทึกจับกุม และนำตัวผู้เสียหายตามหมายจับในคดีฉ้อโกงมาชี้ตัวกลับปรากฏว่าตนเองไม่ได้เกี่ยวข้องในคดีดังกล่าว จึงถูกอายัดตัวไปดำเนินคดีต่อที่สน.บางเสาธง

เมื่อมาถึงที่ สน.บางเสาธง ร้อยเวรได้เชิญผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าของเครื่องเพชรมาชี้ตัวผู้ต้องหา กลับปรากฏว่าไม่ทำตามกระบวนการชี้ตัวให้ถูกต้อง โดยให้ตนเองยืนให้ผู้เสียหายชี้เพียงคนเดียว จากนั้นจึงถูกส่งตัวฝากขังต่อศาล ทำให้ตนเองได้รับความลำบากถึง 3 ปี โดยมีภรรยาและญาติเป็นผู้วิ่งเต้นช่วยต่อสู้คดีให้ ผลปรากฏว่าศาลชั้นต้นยกฟ้องเนื่องจากพยานหลักฐานไม่เพียงพอ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจมีพยานหลักฐานเป็นเพียงภาพถ่ายและซิมโทรศัพท์มือถือที่ลงทะเบียนด้วยบัตรประชาชนของตนเองเท่านั้น ซึ่งเขาก็ไม่ทราบว่าซิมดังกล่าวมีการลงทะเบียนตั้งแต่เมื่อใด อีกทั้งยังมีพยานบุคคลยืนยันว่าตนเองเดินทางไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลและไม่ได้รู้เห็นหรือรู้จักเครื่องเพชรดังกล่าวมาก่อน ต่อมาได้มีการอุทธรณ์สู้คดีต่อ ซึ่งศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ซึ่งหลังคดีสิ้นสุดตนเองได้แจ้งความกลับกับเจ้าของเครื่องเพชรดังกล่าวในข้อหาแจ้งความเท็จ ซึ่งศาลชั้นต้นได้ตัดสินโทษจำคุกเป็นเวลา 3 ปีกับเจ้าของเพชรคนดังกล่าวขณะนี้อยู่ระหว่างการต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์

ทั้งนี้ที่ผ่านมาเป็นเวลานานกว่า 3 ปีภายในเรือนจำตนเองได้รับความลำบากได้รับความเสียหายทั้งชื่อเสียงของครอบครัว และเงินลงทุนทำร้านไก่ย่างที่เตรียมจะเปิดในช่วงเวลาดังกล่าว แต่ก็ถูกจับกุมเสียก่อน ซึ่งมูลค่าความเสียหายไม่สามารถประเมินได้ ซึ่งตนเองมองว่ากระบวนการสืบสวนสอบสวนและการทำคดีดังกล่าวอาจเป็นการกระทำโดยมิชอบจึงร้องขอให้ บก.ปปป. ดำเนินการตรวจสอบและดำเนินคดีกับตำรวจทั้ง 5 นายในความผิดตามมาตรา 157 ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบโดยยืนยันว่าจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาจะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายในทางแพ่งกลับตำรวจและเจ้าของเครื่องเพชรด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

เปิดตัว "TKR Connect" แพลตฟอร์มจัดหางานครบวงจร สร้างมิติใหม่รองรับแรงงานต่างด้าวอย่างถูกกม.
ออกหมายจับ "หมอบุญ" พร้อมพวกรวม 9 คน “ฉ้อโกง-ฟอกเงิน” ปลอมลายเซ็นอดีตลูกสะใภ้กู้เงิน 8 พันล้าน
ระทึกกลางดึก ไฟไหม้ "ร้านกาแฟ" เผาวอดทั้งหลัง เสียหายกว่า 7 แสนบาท
"อุตุฯ" เผย "เหนือ-อีสาน-กลาง" อากาศเย็นตอนเช้า เตือนใต้ยังรับมือฝนตก
แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนครอบครัวกำลังพล ห่วงใยไปถึงบ้าน เพราะเราคือครอบครัวกองทัพบก
สวนนงนุชพัทยาเปิดเวที CHONBURI PROUD EXPO 2024 หนุน SMEs ชลบุรีสู่ตลาดโลก
“เอกภพ” ได้ประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมให้ข้อมูลเท็จดิไอคอน จ่อฟ้องกลับ
สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น