- ท่ามกลางข่าวการเมืองที่หลากหลายในช่วงนี้ ทั้งการคัมแบ็กกลับมาทำหน้าที่สร.1 อีกครั้งของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ที่หลุดพ้นบ่วงศาลรัฐธรรมนูญปมคำร้องตีความดำรงตำแหน่ง 8 ปีของนายกฯ ก่อนกลับมาทำหน้าที่ผู้นำประเทศลุยแก้ปัญหาน้ำท่วมหลายพื้นที่ให้กับชาวบ้าน หรืองานวันเกิด 64 ปี “ครูใหญ่เนวิน” เนวิน ชิดชอบ พ่อใหญ่บุรีรัมย์แห่งพรรคภูมิใจไทย ที่ประกาศกวาด 120 ที่นั่งผู้แทน หวังดันลูกศิษย์ก้นกุฏิอย่าง “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล ขึ้นเป็นนายกฯให้ได้ในการเลือกตั้งคราวหน้า ล้วนแล้วแต่เป็นข่าวใหญ่ที่อยู่ในความสนใจของสื่อทุกแขนง ที่หยิบมาพาดหัวตัวไม้ขึ้นหน้าหนึ่งของสื่อทุกฉบับ
แต่กรณีความเคลื่อนไหวของพรรคเศรษฐกิจไทยของ “ผู้กองนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่มีข่าวว่าถูกนักโทษหนีคดีคนแดนไกลอย่างทักษิณ ชินวัตร โทรมาจีบชวนกลับไปอยู่พรรคเพื่อไทย หลังทราบผลวินิจของศาลรัฐธรรมนูญที่มีมติเสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 ให้พล.อ.ประยุทธ์ไม่สิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรีและได้ไปต่อทางการเมือง เมื่อวันศุกร์ที่ 30 ก.ย.2565 ก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน อย่าลืมว่าการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้นในอนาคตอันใกล้ไม่เกิน 6 เดือนต่อจากนี้ คือน่าจะเกิดก่อนครบวาระสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 23 มี.ค.2566 ถือเป็นการเลือกตั้งที่สำคัญอย่างยิ่งยวดของฝ่ายทักษิณคนแดนไกล เพราะเหมือนเป็นรถไฟขบวนสุดท้ายของทักษิณที่จะกลับบ้าน ด้วยเหตุที่เดิมพันสูงลิบจึงไม่แปลกที่เที่ยวนี้ นายห้างแม้วถึงกับต้องส่งลูกสาวสุดที่รักอย่าง “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร ลงการเมืองด้วยตัวเอง ตอนนี้รับบทหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย อนาคตไม่แคล้วเป็นแคนดิเดตเบอร์ 1 นายกฯพรรคเพื่อไทยแน่นอน เพราะฉะนั้นทุกเสียงทุกคะแนนทุกเขตล้วนมีความหมาย
จึงไม่แปลกที่พรรคเศรษฐกิจไทยของร.อ.ธรรมนัส จะเป็นหนึ่งในพรรคเป้าหมายที่ทักษิณหมายปองอยู่เหมือนกัน สูตรสำเร็จในการดึงมุ้งต่างๆทางการเมืองมาอยู่กับพรรคตัวเองแบบนี้ ทักษิณเคยทำสำเร็จมาแล้วสมัย “พรรคไทยรักไทย” เทอม 2 ที่ตอนนั้นทักษิณกวาดต้อนทุกมุ้งทุกก๊วนทุกพรรคมารวมกันในพรรคไทยรักไทย ชนิดตกเขียวมาค่อนวงการ สุดท้ายเลยชนะการเลือกตั้งเมื่อ 6 ก.พ.2548 แบบถล่มทลาย จนเป็นที่มาของคำว่า “แลนด์สไลด์” เพราะกวาดส.ส.มา 377 คน ปล่อยให้พรรคประชาธิปัตย์ภายใต้การนำของบัญญัติ บรรทัดฐาน เป็นพรรคฝ่ายตรงข้ามอยู่พรรคเดียวและได้ส.ส.มาแค่ 96 คนเท่านั้น มารอบนี้ทักษิณก็คงหวังใช้สูตรเก่าโมเดลเดิม ใช้เงินซื้อความสำเร็จให้ลูกเหมือนคราวของตัวเอง พรรคเศรษฐกิจไทยจึงอยู่ในบัญชีดูดของพรรคเพื่อไทย อย่าลืมว่าร.อ.ธรรมนัสกับทักษิณนั้นเป็น “ข้าเก่าเต่าเลี้ยง” กันมาอยู่ก่อนแล้ว เจ้านายเก่าทักมาถามมีหรือผู้กองจะไม่ใจอ่อน ที่สำคัญฝ่ายร.อ.ธรรมนัสเองก็คงมองว่าอนาคตการเมืองของพรรคเศรษฐกิจไทยคงไปต่อยาก เพราะเลือกตั้งเที่ยวหน้าจะกลับไปใช้กติกาบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ เขต 400 คน บัญชีรายชื่อ 100 คน แถมจะใช้สูตรคำนวณแบบหาร 100 ไม่มีการคิดแบบจัดสรรปันส่วนผสม ไม่มีการคิดแบบคะแนนไม่ตกน้ำอีกแล้ว เป็นอย่างนี้มีหวังพรรคเศรษฐกิจไทยตายหยั่งเขียด สู้แบบเขตก็ว่ายาก จะลุ้นคะแนนพรรคก็ลำบาก หนำซ้ำอนาคตเลือกตั้งต้องต่อสู้กับพรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย พรรคพลังประชารัฐ และพรรคใหม่อย่างพรรคไทยสร้างไทยงานนี้เรียกว่าอ้วกแตก เพราะฉะนั้น “ รู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหาง” กลับไปรวมกับพรรคเพื่อไทยน่าจะมีทางรอดมากกว่า
ความจริงก่อนหน้านี้ 16 เสียงส.ส.ของพรรคผู้กอง ก็มีข่าวเทียวไล้เทียวขื่อขอกลับพรรคพลังประชารัฐ ไปซบไออุ่น “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มาตลอด วงในกระซิบกันว่าค่ากล้วยค่าน้ำร้อนน้ำชาในพรรคไม่ใช่ผู้กองหรอกที่เป็นคนออก กล้วยในสวนลุงป้อมน้ำในโอ่งของพล.อ.ประวิตรทั้งนั้นที่ทำให้พวกนี้อยู่ได้ ความจริงลุงป้อมก็อยากอ้าแขนรับก๊วนร.อ.ธรรมนัสใจจะขาด แต่ติดที่ใจตัวมีเรื่องกินใจผีไม่เผาเงาไม่เหยียบกับน้องรักอย่างบิ๊กตู่อย่างที่รู้กันอยู่ เพราะฉะนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่ก๊วนผู้กองจะกลับบ้านเก่ามาพลังประชารัฐได้ง่ายๆ ล่าสุด บุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ นายทะเบียนพรรคเศรษฐกิจไทย ออมายอมรับว่า มี 3 แนวทาง คือ 1.ไปต่อ 2. กลับไปอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ แต่ก็ต้องพิจารณาเงื่อนไขหลายอย่าง ที่สำคัญหากยังมีการสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์อยู่ ก็คงไม่สามารถกลับไปได้ เพราะหากจะชูให้เป็นแคนดิเดตนายกฯจะเหลือเวลาทำงานแค่ปี 68 ซึ่งไม่ครบเทอม 3. จะไปอยู่กับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ต้องมีการพูดคุยกัน มองแบบนี้หวยก็เลยน่าจะไปออกที่พรรคทักษิณ อย่างไรก็ตามทั้งหมดจะมีการคุยกันในวันประชุมกก.บห.พรรค 10 ต.ค.นี้
มองเส้นทางร.อ.ธรรมนัส อดีตเคยเป็นถึงเสนาบดีมีตำแหน่งรมช.เกษตรฯ เคยผงาดเป็นถึงเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐแกนนำพรรครัฐบาล แต่เพราะใจเร็วด่วนได้ ใฝ่สูงเกินตัว ไม่รู้จักรอคอยไม่เป็น ถึงขนาดวางแผนเลื่อยขาพล.อ.ประยุทธ์วางเกมคว่ำนายกฯ จนถูกปลดออกจากครม.เรือแป๊ะ แทนที่จะสำนึกผิดทำตัวใหม่ กลับเดินหน้ารุกไล่อาฆาตมาดร้ายพล.อ.ประยุทธ์ไม่หยย่อน สุดท้ายก็แพ้ภัยตัวเองจนถูกอัปเปหิออกจากพรรคพลังประชารัฐ ก่อตำนานกบฎป่ารอยต่อ “21 คน” แถมพอตั้งพรรคใหม่อย่างพรรคเศรษฐกิจไทยก็มีเรื่องขัดแย้งกับลูกพี่ตัวเอง รุนแรงถึงขนาด “บิ๊กน้อย” พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา หัวหน้าพรรคต้องลาออก ก่อนที่ต่างฝ่ายต่างสาดโคลนกันอุตลุต ขณะที่ในพรรคเองส.ส.16 คนที่เหลืออยู่ 4 คนเป็นบัญชีรายชื่อ 12 คนเป็นส.ส.เขต แถมชนะการเลือกตั้งคราวก่อนมาแบบฉิวเฉียดหลายคน เที่ยวหน้า 16 คนก็ไม่รู้ว่าจะอยู่กับผู้กองกี่คน เพราะบางคนก็ไปโผล่อยู่กับพรรคภูมิใจไทย หลายคนอยากย้ายกลับพรรคพลังประชารัฐ
เล่นการเมืองแบบ “อยู่พรรคไหนหัวหน้าตายหมด” แบบผู้กอง ใครรับไปอยู่ด้วยก็ลำบาก ไว้ใจยาก เดาทางไม่ถูก วันนี้นอบน้อมพรุ่งนี้แว้งกัด อดีตต้นปี 2564 ยังเป็นนักการเมืองดาวรุ่งร้อนแรงของวงการ เดินผิดก้าวเดียวพลาดทั้งกระดาน เหตุเพราะเล่นการเมืองฉาบฉวยเอาแต่ได้ มีปัญหาปาดหน้าไขว้เขาไปหมด ในพรรคพลังประชารัฐก่อนหน้านี้ก็งัดกับเขาไปหมด แย่งเลขาฯพรรคมาจาก “เสี่ยแฮ้งค์” อนุชา นาคาศัย กลุ่มสามมิตร ขบเหลี่ยมกับ “เสี่ยสันติ” สันติ พร้อมพัฒน์ เลขาฯพรรค สมัยยังอยู่ก๊วน 3 ช. ฟาดปากงัดข้อกับ “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น กรณีใส่ชื่อถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ เปิดศึกกับ “เสี่ยโอ๋” ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเรื่องขอกลับพรรค ฯลฯ ถูกตะเพิดออกจากพรรคก็ไปดึงพล.อ.วิชญ์ไปร่วมหอลงโรงที่พรรคใหม่ อยู่กันหม้อข้าวไม่ทันดำก็ทะเลาะกับบิ๊กน้อยอีกจนเจ้าตัวต้องไขก็อกลาออก ประกาศจะทำพรรคเศรษฐกิจไทยเป็นที่พึ่งของประชาชนตอนนี้ก็ร่ำๆ ว่าจะยุบพรรคย้ายฐานหนีอีกแล้ว อดีตตอนเป็นแม่บ้านพลังประชารัฐก็บอกจะทำให้พรรคเป็นสถาบันการเมืองใหญ่โตทัดเทียมพรรคเพื่อไทยใกล้เคียงพรรคประชาธิปัตย์ พูดง่ายแต่ทำยากเพราะส่วนใหญ่ที่เห็นล้วน “ราคาคุย” อนาคตยังไม่รู้ลูกผีลูกคน รอดูอนาคตก๊วนผู้กองจะเหลือกี่คนและร.อ.ธรรมนัสจะพาตัวเองไปอยู่ไหนกับใคร จะรุ่งหรือร่วงก็ค่อยไปดูกัน
///////////////////