วันที่ 11 ตุลาคม 2565 พรรคเพื่อไทย ถือเป็นหนึ่งในพรรคการเมืองที่มีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งใหญ่ที่จะมาถึง เพราะถือเป็นสงครามครั้งสุดท้ายของนายทักษิณ ชินวัตร ที่ต้องการชนะแบบแลนด์สไลด์ เพื่อให้ตัวเองได้กลับบ้านแบบไม่ต้องติดคุก โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยก็ได้เปิดตัว “ศูนย์ปฏิบัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคเพื่อไทย” ซึ่งโครงสร้างของศูนย์นี้ เรียกได้ว่าขนแกนนำของพรรคมากันครบ อาทิ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ,นายชัยเกษม นิติสิริ ,นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค , นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ อดีตหัวหน้าพรรค ,ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ,เสี่ยเพ้ง นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล โดยมี นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาฯพรรค ทำหน้าที่ ผอ.ศูนย์ มีคณะทำงานรวม 55 คน 6 กลุ่มงาน
“ทักษิณ” ดัน “โอ๊ค” ที่ปรึกษาเพื่อไทยสู้เลือกตั้ง ไม่สนลูกชายเรื่องฉาวเพียบ
ข่าวที่น่าสนใจ
ที่น่าสนใจคือการตั้งศูนย์ปฏิบัติการเลือกตั้งส.ส.พรรคเพื่อไทยในครั้งนี้ นายใหญ่ดูไบได้ส่งลูกชายหัวแก้วหัวแหวน “โอ๊ค” พานทองแท้ ชินวัตร มาทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาศูนย์ฯร่วมกับน้องสาวอุ๊งอิ๊ง ซึ่งถือเป็นการเข้ามามีบทบาททางการเมืองในพรรคอย่างเต็มตัวของนายพานทองแท้ อย่างไรก็ตามการที่นายทักษิณส่งโอ๊ค พานทองแท้มาเสริมทัพสู้ศึกเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทย ไม่รู้ว่าจะเป็นผลดี หรือจะเป็นจุดอ่อนที่ทำให้พรรคเพื่อไทยถูกคู่แข่งนำโจมตี เพราะสังคมทราบกันดีว่าภาพลักษณ์ของโอ๊ค พานทองแท้ ตั้งแต่สมัยวัยรุ่นจนถึงปัจจุบัน เต็มไปด้วยเรื่องฉาวโฉ่ อาทิ
-กรณีแอบนำโพยเข้าห้องสอบ เรื่องราวฉาวโฉ่ครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2546 เมื่อนายพานทองแท้ ซึ่งเวลานั้นกำลังศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะรัฐศาสตร์ สาขาการปกครอง มหาวิทยาลัยรามคำแหง ถูกเปิดโปงว่า ได้มีพฤติกรรมทุจริตการสอบ ด้วยการแอบนำโพยข้อสอบเข้าไปในห้องสอบซ่อมวิชาพีเอส 421 การศึกษาระบบการเมืองเชิงวิเคราะห์ ที่ตึกวีเคบี 402 ระหว่างเวลา 09.30-12.00 น. ซึ่งอาจารย์ผู้ควบคุมห้องสอบพบว่า ขณะสอบอัตนัยนายพานทองแท้ได้ทำการทุจริต นำโน้ตย่อขึ้นมาลอก จึงถูกเชิญตัวออกนอกห้องสอบและลงบันทึกความผิด เรื่องดังกล่าวถูกสื่อต่างประเทศตีข่าวไปทั่วโลก ส่วนนายพานทองแท้อ้างว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด ด้านนายทักษิณถึงกับพูดไม่ออก งดตอบคำถามสื่อ ต่อมานายพานทองแท้ถูกสอบสวนและได้สารภาพว่า ตนนำบันทึกอย่างอื่นเข้าไปในห้องสอบ แต่อ้างว่าไม่ได้เกี่ยวกับวิชาที่สอบ มหาวิทยาลัยจึงได้ลงโทษพานทองแท้โดยสั่งพักการเรียน 1 ปี สุดท้ายนายพานทองแท้จบการศึกษา และได้เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรเมื่อปี 2546
-กรณีนายพานทองแท้ถูกดำเนินคดีร่วมกันฟอกเงินทุจริตเงินปล่อยกู้ธนาคารกรุงไทย จำกัด หลังปรากฏชื่อนายพานทองแท้เป็นผู้รับเช็คจำนวน 10 ล้านบาทเข้าบัญชี ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นเงินที่เกี่ยวข้องกับคดีร่วมทุจริตปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทยให้แก่บริษัทในกลุ่มของ บริษัท กฤษดามหานคร กว่า 9,900 ล้านบาท โดยคดีของนายพานทองแท้ ถือเป็นหนึ่งในคดีลูกที่แตกออกมาจากคดีหลักที่มีนายทักษิณเป็นจำเลยหมายเลข 1 แต่สุดท้ายคดีนี้ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางพิพากษายกฟ้อง เพราะพยานหลักฐานไม่เพียงพอ และอัยการสูงสุดไม่อุทธรณ์ เช่นเดียวกับนายทักษิณที่รอดเช่นกัน เนื่องจากหลักฐานที่เชื่อมโยงว่านายทักษิณคือ บิ๊กบอส หรือซูเปอร์บอส ซึ่งสั่งให้ธนาคารกรุงไทปล่อยกู้แก่บริษัทในกลุ่มกฤษดามหานครไม่มีน้ำหนักมากพอ
-26 กันยายน 2562 สังคมต่างตกตะลึงกับการให้สัมภาษณ์ของนายพานทองแท้ หลังขึ้นเบิกความนัดไต่สวนพยานจำเลย คดีฟอกเงินกู้แบงก์กรุงไทย ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง โดยสิ่งที่สังคมตกใจนไม่ใช่ประเด็นการให้สัมภาษณ์ แต่เป็นเรื่อง “บุคลิก” ของนายพานทองแท้ เพราะนายทองแท้มีท่าทีและอาการแปลกๆ พูดช้า คิดช้า นอกจากนี้ร่างกายยังซูบผอม ทำให้สังคมอดคิดไปต่างๆนาๆไม่ได้ บางคนถึงขั้นบอกว่า เต็มกราฟ
-21 มกราคม 2557 นายพานทองแท้ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่า บิดาได้เตรียมเงินสด 10 ล้านบาทให้กับคนที่แจ้งเบาะแสมือระเบิดม็อบกปปส. ควบคู่กับเงินสินบนนำจับอีก 10 ล้านบาทเดิมให้กับผู้ที่แจ้งคดีเผาเซ็นทรัลเวิล์ดเมื่อปี 2553 ซึ่งต่อมาในปี 2561 เจ้าหน้าตำรวจสามารถจับกุม นายกฤษดา ไชยแค มือก่อเหตุขว้างระเบิดแกนนำ ปปส.เมื่อปี 2557ได้ แต่ปรากฏว่านายพานทองแท้ หายเข้ากลีบเมฆ ไม่พูดถึงสินบนดังกล่าวอีกเลย
-พฤติกรรมของโอ๊ค พานทองแท้ และนายทักษิณ ยังเคยถูกนำมาดัดแปลงเป็นบทภาพยนตร์เรื่อง โอ๊กอ๊าก หรือ ยอดชายนายโอ๊กอ๊าก เป็นภาพยนตร์ไทย ออกฉายในโรงภาพยนตร์เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2547 โดยมี เด๋อ ดอกสะเดา เป็นผู้กำกับการแสดง และมี “สายัณห์” มารับบทล้อเลียน “โอ๊ค พานทองแท้” ซึ่งขณะนั้นมีข่าวว่านายทักษิณไม่พอใจอย่างรุนแรง ทำให้ผู้บังคับการตำรวจสันติบาลเข้าตรวจสอบภาพยนตร์เรื่องนี้ เด๋อ ดอกสะเดา จึงยอมเซ็นเซอร์บางฉากออกไปเพื่อแก้ปัญหายุ่งยาก และเปลี่ยนชื่อภาพยนตร์ดังกล่าว
ทั้งหมดเป็นเพียงบางส่วนของเรื่องฉาวโฉ่ที่เกิดขึ้นกับตัวของนายพานทองแท้ ซึ่งการที่นายทักษิณ ส่งลูกชายหัวแก้วหัวแหวนมานั่งทีมที่ปรึกษาของพรรคเพื่อสู้ศึกเลือกตั้งในครั้งนี้ สะท้อนว่านายทักษิณไม่สนใจว่าสังคมมีมุมมองต่อภาพลักษณ์ของลูกชายอย่างไร เพราะนายทักษิณสนใจแต่เพียงว่าจะทำอย่าไรก็ได้ให้ลูกพรรคไม่แตกแถว และทำอย่างไรก็ได้ให้พรรคชนะเลือกตั้ง ตามเป้าหมายแลนด์สไลด์ และได้กลับบ้านทางสุวรรณภูมิประตูหน้า
ข่าวที่เกี่ยวข้อง