ทำความรู้จัก “ตากระตุก” เกิดจากอะไร เป็นบ่อยอันตรายไหม?

ตากระตุก, อาการตากระตุก, เปลือกตากระตุก, ตา ข้าง ขวา กระตุก บ่อย, ตา ซ้าย กระตุก ทั้ง วัน ผู้หญิง

ไขข้อสงสัย อาการ "ตากระตุก" เกิดจากอะไร หากมีอาการบ่อย จะอันตรายไหม แล้วสัญญาณอันตรายแบบไหนที่ควรจะไปพบแพทย์

ตา ข้าง ขวา กระตุก บ่อย ตา ซ้าย กระตุก ทั้ง วัน ผู้หญิง ไขข้อสงสัย อาการ “ตากระตุก” เกิดจากอะไร หากมีอาการบ่อยอันตรายไหม แนะวิธีรักษาเบื้องต้น พร้อมเผยสัญญาณอันตรายแบบไหนที่ควรจะไปพบแพทย์ ติดตามต่อได้ที่นี่ TOP News

ข่าวที่น่าสนใจ

พญ. หทัยรัตน์ ลาวัณย์รัตนากุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขาจักษุแพทย์ ไขข้อสงสัย อาการ “ตากระตุก” มีสาเหตุจากอะไร แนะวิธีรักษา พร้อมเผยสัญญาณเตือนที่ควรไปพบแพทย์ โดยมีรายละเอียด ดังนี้

 

 

 

ตา กระตุก คืออะไร

  • อาการที่เปลือกตามีการขยับเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว อาจเป็นเพียงเล็กน้อย หรืออาจเกิดขึ้นถี่ ๆ จนทำให้เกิดความรำคาญได้
  • เป็นอาการที่เกิดขึ้นได้บ่อย ๆ สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งเปลือกตาบนและเปลือกตาล่าง แต่มีอัตราการเกิดที่เปลือกตาบนมากกว่า
  • โดยทั่วไป มักเป็นอาการที่ไม่รุนแรง ไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดและมักไม่เป็นอันตราย สามารถเกิดขึ้นและหายได้เองในเวลาอันสั้น
  • แต่ในบางกรณีอาการอาจรุนแรงและไม่สามารถหายเองได้ เช่น อาการตากระตุกเกร็งจนทำให้เปลือกตาด้านบนปิดลงมา หรืออาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคร้ายแรงบางอย่าง เช่น โรคอัมพาตใบหน้า (Bell’s Palsy)  โรคกล้ามเนื้อบิดเกร็ง (Dystonia) เป็นต้น แต่กรณีนี้พบได้น้อยมาก

ตากระตุก, อาการตากระตุก, เปลือกตากระตุก, ตา ข้าง ขวา กระตุก บ่อย, ตา ซ้าย กระตุก ทั้ง วัน ผู้หญิง

 

 

 

ตา กระตุก เกิดจากอะไร

สามารถเกิดขึ้นได้เองโดยไม่มีสัญญาณเตือนให้เรารู้ล่วงหน้า โดยมักเกิดขึ้นจากปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดอาการ ดังนี้

  • นอนหลับไม่เป็นเวลา พักผ่อนไม่เพียงพอ
  • มีความเครียดสะสมเป็นเวลานาน
  • ดื่มกาแฟหรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนมากเกินไป
  • สูบบุหรี่ หรือดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป
  • แสงสว่าง แสงจ้า
  • ลม หรือมลพิษทางอากาศ
  • ตาล้า ตาแห้ง
  • เกิดการระคายเคืองที่เปลือกตาด้านใน โรคภูมิแพ้
  • การขาดวิตามิน แร่ธาตุ และสารอาหารบางชนิด
  • ผลข้างเคียงจากยาบางชนิด

 

 

 

วิธีดูแลตัวเองเบื้องต้นเมื่อมีอาการ

  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
  • พยายามลดการใช้ Smart phone หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ลง
  • ลด/หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ
  • งดการสูบบุหรี่ รวมถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • พยายามหาสิ่งที่ช่วยให้ผ่อนคลาย ไม่เครียดกับอาการที่เป็น
  • นวดกล้ามเนื้อรอบดวงตา
  • ประคบร้อน/อุ่นบริเวณดวงตา ประมาณ 10 นาที
  • หากเกิดอาการตาแห้ง หรือเกิดอาการระคายเคืองตา สามารถหยอดน้ำตาเทียมได้

สัญญาณเตือน หากพบควรรีบพบแพทย์ทันที

  • มีอาการตา กระตุกติดต่อกันนานเป็นเวลา 2 สัปดาห์ หรือมากกว่านั้น
  • มีตำแหน่งที่เกิดเพิ่มขึ้นจากบริเวณเดิม อาจเป็นที่ตาอีกข้างหนึ่ง เช่น ตาขวากระตุก แล้วตาซ้ายกระตุก หรือเป็นที่บริเวณอื่น ๆ ของใบหน้า
  • บริเวณที่เกิดตา กระตุกมีอาการอ่อนแรงหรือหดเกร็ง
  • มีอาการบวม แดง หรือมีสารคัดหลั่งไหลออกมาจากดวงตา
  • เปลือกตาด้านบนห้อยย้อยลงมา รบกวนการมองเห็น
  • เปลือกตาปิดสนิททุกครั้งที่เกิดอาการตา กระตุก

 

ตากระตุก, อาการตากระตุก, เปลือกตากระตุก, ตา ข้าง ขวา กระตุก บ่อย, ตา ซ้าย กระตุก ทั้ง วัน ผู้หญิง

 

การรักษาอาการตา กระตุก

หากมีอาการดังกล่าวข้างต้น และดูแลตัวเองเบื้องต้นแล้วอาการไม่ดีขึ้น ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสมกับอาการ ซึ่งการรักษานั้นจะเป็นไปตามความรุนแรงและดุลยพินิจของแพทย์ ดังนี้

1. การให้ยารับประทาน

  • ตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อช่วยบรรเทาอาการและหยุดอาการตากระตุกชั่วคราว เช่น

– ยาลอราซีแพม (Lorazepam)

– ยาไตรเฮกซีเฟนิดิล (Trihexyphenidyl)

– ยาโคลนาซีแพม (Clonazepam) แต่เนื่องด้วยยาเหล่านี้ยังมีผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ จึงต้องใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด

 

 

 

 

2. การฉีด Botulinum Toxin หรือ Botox

  • การฉีดโบท็อกซ์นั้นได้ผ่านการรับรองให้ใช้รักษาอาการกล้ามเนื้อหดเกร็งที่ควบคุมไม่ได้
  • ปัจจุบันเป็นวิธีที่นิยมและแนะนำมากที่สุดที่ใช้ในการรักษาอาการตากระตุก แพทย์จะฉีดยาโบท็อกซ์ลงไปบริเวณกล้ามเนื้อรอบดวงตาที่มีอาการกระตุก เพื่อให้กล้ามเนื้อเหล่านั้นอยู่ในสภาพอ่อนแรงชั่วคราว ไม่สามารถหดเกร็งตัวได้
  • เปรียบเสมือนการผ่อนคลายกล้ามเนื้อเปลือกตามัดนั้น ๆ และช่วยบล็อคไม่ให้เส้นประสาทส่งสัญญาณไปที่กล้ามเนื้อให้เกิดการกระตุกนั่นเอง
  • หลังจากฉีดโบท็อกซ์แล้วอาการตา กระตุกจะลดลงอย่างเห็นได้ชัด
  • อย่างไรก็ตาม ผลของโบท็อกซ์นั้นจะอยู่เพียงแค่ 3-6 เดือนเท่านั้น เพราะฉะนั้น เมื่อยาหมดฤทธิ์แล้วอาการตา กระตุกอาจจะกลับมาได้ จึงแนะนำให้กลับไปพบแพทย์อีกครั้งหากยังมีอาการ

 

 

 

ตากระตุก, อาการตากระตุก, เปลือกตากระตุก, ตา ข้าง ขวา กระตุก บ่อย, ตา ซ้าย กระตุก ทั้ง วัน ผู้หญิง

 

 

 

จะเห็นได้ว่า อาการตา กระตุกนั้น แม้เป็นอาการที่ไม่อันตราย และส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นและหายไปเองอย่างรวดเร็ว แต่ก็สร้างความรำคาญให้ผู้ที่เป็นได้พอสมควร ดังนั้น เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดอาการตา กระตุกที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ จึงควรดูแลตัวเองด้วยการหลีกเลี่ยงปัจจัยการเกิดตา กระตุกแทน

 

 

 

โดยแนะนำให้ใส่ใจดูแลสุขภาพของตัวเอง

  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบ 5 หมู่
  • พักผ่อนให้เพียงพอ จำกัดการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และสมาร์ทโฟน
  • จำกัดปริมาณการสูบบุหรี่ และปริมาณการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • รวมถึงควรหากิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลายความเครียดด้วยเช่นกัน เช่น โยคะ ออกกำลังกาย ปลูกต้นไม้ เป็นต้น
  • เท่านี้ก็จะช่วยลดความเสี่ยงและโอกาสการเกิดตา กระตุกได้ แต่หากมีอาการต่อเนื่องยาวนาน ดูแลตัวเองเบื้องต้นแล้วยังไม่ดีขึ้น ควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสม

 

 

 

ข้อมูล : โรงพยาบาลสมิติเวช

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน
สถาปนาเขตพื้นที่คุ้มครองฯ ชาติพันธุ์ชุมชนชาวเลโต๊ะบาหลิว
ผบ.ตร.สั่งสอบคลิปแก๊งต่างด้าว แสดงพฤติกรรมเย้ยกม. กำชับคุมเข้ม ใช้ยาแรง

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น