“บ้านของพ่อ” จาก ร.7 สู่ ร.9 “วังไกลกังวล” 96 ปี ที่ประทับในความทรงจำ

“96 ปี” พระราชวังไกลกังวล สถานที่แห่งความทรงจำผูกพันกับคนในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มายาวนาน .... ณ ที่แห่งนี้ ย้อนไปเมื่อเกือบ 100 ปี ก่อน เคยเป็นพระราชวังที่ประทับส่วนพระองค์ที่ “พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว” รัชกาลที่ 7 ทรงโปรดเกล้าฯ พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จากพระคลังข้างที่ ให้สร้างขึ้นเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2469 เพื่อพระราชทานแด่สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี โดย หม่อมเจ้าอิทธิเทพสรรค์ กฤดากร ผู้อำนวยการศิลปากรสถานในขณะนั้นเป็นสถาปนิกผู้ออกแบบและควบคุมการก่อสร้าง

พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ ในหลวงรัชกาลที่ 7 ทรงออกพระนามเรียกวังแห่งนี้ว่า “สวนไกลกังวล” ในตราสัญลักษณ์ของวัง หมายถึง สวนที่อยู่ห่างไกลจากความกังวล ใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 3 ปี (พ.ศ. 2472) จึงสร้างแล้วเสร็จ ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณีเสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยข้าราชบริพารประทับแรมครั้งแรกในปี 2473 พร้อมสมโภชขึ้นพระราชวังด้วย ซึ่งพระตำหนักตั้งอยู่ที่ชายทะเลมีรูปแบบโครงสร้างเป็นสถาปัตยกรรมสไตล์สเปน แต่ดัดแปลงให้เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศร้อนชื้นของไทย มีขนาดไม่ใหญ่โตนัก และเหมาะสมกับการเป็นที่ประทับตากอากาศรูปแบบคล้ายบ้านขนาดใหญ่เสียมากกว่าพระราชวังที่ต้องการความมีระเบียบและระบบที่ขึงขัง ไม่มีการแยกเป็นฝ่ายหน้า ฝ่ายใน ตามแบบแผนของพระราชวังที่เคยมีมาในโบราณราชประเพณีอีกต่อไป

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2556 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินไปประทับชั่วคราว ณ พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ อีกทั้ง ตลอดเส้นทางมีพสกนิกรมารับเสด็จอย่างเนืองแน่น ร่วมกันเปล่งเสียงทรงพระเจริญกึกก้อง สร้างความปลื้มปีติมาสู่ชาวไทยทั้งผอง  ณ ที่แห่งนี้ยังเป็น สถานที่พักผ่อนสำราญพระราชอิริยาบถ ณ ชายทะเลหัวหิน

ในส่วนของการตกแต่งนั้น บริเวณด้านหน้าของแต่ละตำหนักถูกประดับด้วยโคมไฟ อุปกรณ์การเดินเรือ รูปปั้นแกะสลักหิน นาฬิกาแดดแบบโบราณ ซึ่งพระตำหนักจะล้อมรอบด้วยแปลงสวนแบบตะวันตกลวดลายเรขาคณิตแบบฝรั่ง มีไม้ดอกไม้ประดับนานาชนิดตัดเป็นรูปทรงประดับ แสดงให้เห็นถึงความละเอียดลออของสถาปนิก ที่สรรค์สร้างเลือกใช้วัสดุก่อสร้างให้เหมาะสมกับท้องถิ่น นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์หอย ที่ได้รวบรวมหอยทุกชนิดให้เยี่ยมชม ส่วนภายในวังไกลกังวล มี 4 พระตำหนัก ซึ่งหันหน้าออกสู่ทะเลทั้งหมด มีนามคล้องจองกันไพเราะเสนาะหู อันได้แก่ เปี่ยมสุข ปลุกเกษม เอิบเปรม เอมปรีย์

ภายในวังไกลกังวล มี 4 พระตำหนัก ซึ่งหันหน้าออกสู่ทะเลทั้งหมด มีนามคล้องจองกันไพเราะเสนาะหู อันได้แก่ เปี่ยมสุข ปลุกเกษม เอิบเปรม เอมปรีย์

“พระตำหนักเปี่ยมสุข” ตึกแบบสแปนิชสูงสองชั้นพร้อมทั้งหอสูง เป็นที่ประทับของรัชกาลที่ 7 และสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี ปัจจุบันเป็นที่ประทับแปรพระราชฐานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ

 

ข่าวที่น่าสนใจ

“พระตำหนักน้อย” เป็นที่ประทับแปรพระราชฐานของ สมเด็จกรมพระสวัสดิ์ฯและพระองค์เจ้าหญิงอาภรพรรณี พระบิดามารดาของสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี โปรดเสด็จไปประทับพักผ่อนเมื่อตามเสด็จไปหัวหิน และเคยเป็นที่ประทับของ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี

 

“พระตำหนักปลุกเกษม”  เป็นตำหนักโปร่ง ๆ แบบไทยปนสมัยใหม่ มีห้องนอนหลายห้องด้านหลัง ตั้งโต๊ะและเก้าอี้หมู่ และใกล้ ๆ กันนั้นมีห้องน้ำและห้องส้วมชั้นล่างมีห้องอีกหลายห้องเหมือนกัน สำหรับหม่อมเจ้าหญิงที่เป็นโสด ซึ่งใกล้ชิดในราชสำนักโดยเสด็จพระราชดำเนินไปตากอากาศด้วย ปัจจุบัน เป็นที่ประทับแปรพระราชฐานของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

 

 

“พระตำหนักเอิบเปรม” และเอมปรีย์ เป็นที่ประทับแปรพระราชฐานของพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ซึ่งพระตำหนักมีลักษณะชั้นเดียวคู่ฝาแฝด การก่อสร้างและการวางห้องเครื่องใช้ คล้ายคลึงกันตำหนักฝาแฝดนี้เตี้ยเกือบติดพื้นดินซึ่งสร้างเป็นแบบบังกาโลสำหรับตากอากาศชายทะเลอย่างแท้จริง

นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวรอบๆ พระราชวังไกลกังวล หัวหิน อีกหลายที่ อาทิ

“พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน” พระราชวังแห่งนี้ได้รับการขนานนามว่า ‘พระราชนิเวศน์แห่งความรักและความหวัง’ เป็นพระตำหนักที่ประทับริมทะเล สร้างขึ้นในรัชสมัยของรัชกาลที่ 6 เมื่อปีพ.ศ. 2466 (ค.ศ.1920) โดยมีรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบอิตาลีและสร้างด้วยไม้สักทองทั้งหลัง

“เขาช่องกระจก” ตั้งอยู่ด้านหลังศาลากลางจังหวัด แม้ทางขึ้นค่อนข้างสูงชัน โดยต้องปีนบันได 395 ขั้นขึ้นไปจนถึงยอดเขา แต่เมื่อขั้นไปแล้วรับรองว่าคุ้มค่าความเหนื่อย เนื่องจากบนยอดเขาเป็นที่ประดิษฐานของพระบรมสารีริกธาตุ และพระพุทธบาทจำลอง นอกจากนี้ยังมีลิงอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ควรหลีกเลี่ยงการให้อาหารลิงเหล่านี้เนื่องจากอาจถูกทำร้ายหรือแย่งชิงอาหารจากมือได้ สามารถชมทิวทัศน์ที่สวยงามของชายฝั่งทะเลและวิวของเมืองประจวบคีรีขันธ์ได้จากบนยอดเขา

“บ้านหว้ากอ” ในช่วงรัชกาลที่ 4 บ้านหว้ากอโด่งดังเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงเนื่องจากเป็นสถานที่ที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่ ทรงพิสูจน์การคำนวณสถานที่และเวลาการเกิดสุริยุปราคาเต็มดวงได้อย่างถูกต้องชัดเจน ปัจจุบันบริเวณนี้ได้จัดตั้งเป็นอุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ ซึ่งมีทัศนียภาพของหาดทรายสีขาวทอดยาวและเรียงรายด้วยต้นสนที่สวยงามในบรรยากาศที่ร่มรื่น บ้านหว้ากอตั้งอยู่ห่างจากหัวหินไปทางทิศใต้ประมาณ 12 กิโลเมตรเท่านั้น

 

“วัดเขาตะเกียบ” ตั้งอยู่บนยอดเขาสุดปลายอ่าวตะเกียบ แม้ไม่ได้มีโครงสร้างที่โดดเด่นเหมือนวัดอื่นๆ ในประเทศก็ตาม แต่ที่นี่ถือเป็นวัดที่สำคัญและมีผู้คนแวะเวียนมาสักการะบูชาอยู่เป็นประจำ เขาตะเกียบนับเป็นจุดหนึ่งที่เหมาะแก่การชมทิวทัศน์ของอ่าวหัวหิน โดยเฉพาะช่วงพระอาทิตย์ขึ้นซึ่งมีทัศนียภาพที่งดงามมากที่สุด

โดยผู้ที่สนใจ จะไปรำลึกถึงพระราชกรณีกิจในพระราชวังไกลกังวล  สามารถเข้าชมได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. ราคาบัตรเข้าชมผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท โปรดแต่งกายสุภาพก่อนเข้าเยี่ยมชม สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์หมายเลข 032-511-112

 

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน
สถาปนาเขตพื้นที่คุ้มครองฯ ชาติพันธุ์ชุมชนชาวเลโต๊ะบาหลิว

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น