- เป็นข่าวกันไปแล้วก่อนหน้านี้เมื่อ 10 ต.ค.2565 ที่ผ่านมาว่า “ผู้กองนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทยได้ไขก็อกลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรคที่ตัวเองตั้งมากับมือเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้พรรคเศรษฐกิจไทยต้องจัดประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่แทนที่ร.อ.ธรรมนัสและกรรมการบริหารพรรคชุดเดิมที่หลุดตำแหน่งออกไปทั้งยวงตามการลาออกของลูกพี่
ปัจจุบันก๊วนส.ส.ของผู้กองนัสในพรรคเศรษฐกิจไทยมีทั้งสิ้น 17 คน ประกอบด้วย 1.ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา 2. นายจีรเดช ศรีวิราช ส.ส.พะเยา 3.นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 4.นายเกษม ศุภรานนท์ ส.ส.นครราชสีมา 5.นางทัศนาพร เกษเมธีการุณ ส.ส.นครราชสีมา ซึ่งอยู่ระหว่างถูกสั่งหยุดปฏิบัติตามหน้าที่ตามคำสั่งศาล 6.นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร 7.นายพรชัย อินทร์สุข ส.ส.พิจิตร 8.นายปัญญา จีนาคำ ส.ส.แม่ฮ่องสอน 9.น.ส.จอมขวัญ กลับบ้านเกาะ ส.ส.สมุทรสาคร 10.นายภาคภูมิ บูลย์ประมุข ส.ส.ตาก 11.นายธนัสถ์ ทวีเกื้อกูลกิจ ส.ส.ตาก 12.นายธนะสิทธิ์ โควสุรัตน์ ส.ส.อุบลราชธานี 13.นายณัฏฐพล จรัสรพีพงษ์ ส.ส.สุรินทร์ 14.นายสมศักดิ์ คุณเงิน ส.ส.ขอนแก่น 15.พล.ต.อ.ยงยุทธ เทพจำนงค์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 16.นายยุทธนา โพธสุธน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ 17. นายสะถิระ เผือกประพันธุ์ ส.ส.ชลบุรี
อย่างไรก็ตามไม่ใช่ว่าส.ส.ทั้ง 17 คน จะอยู่กับร.อ.ธรรมนัสหมด เพราะการประชุมใหญ่วิสามัญล่าสุด มี ส.ส.เดินทางมาแค่ 13 คนเท่านั้น ส่วน 4 คนที่ไม่มา คือ นายธนัสถ์ นายธนะสิทธิ์ และ นายณัฏฐพล ตีตัวออกห่างและไปร่วมกิจกรรมกับพรรคภูมิใจไทยมาสักระยะหนึ่งแล้ว เลือกตั้งเที่ยวหน้าก็คงไปลงสมัครในนาม พรรคภูมิใจไทย ส่วนที่เหลืออีกคน 1 คือ นายสะถิระ ล่าสุดมีข่าวว่าถูก “เสี่ยเฮ้ง” นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน และ ผู้อำนวยการพรรคพลังประชารัฐ ตามจีบอย่างหนักให้ย้ายกลับไปอยู่กับก๊วนบ้านหลังใหม่ชลบุรี คืนถิ่นพรรคพลังประชารัฐ ขณะที่เจ้าตัวก็กระอักกระอ่วนใจเพราะมีความสนิทสนมกับบ้านใหญ่ชลบุรีนับถือ “บิ๊กแป๊ะ” นายสนธยา คุณปลื้ม ซึ่งมีข่าวว่าจะแยกตัวกลับไปทำพรรคพลังชลขึ้นมาใหม่ เพราะไปต่อไม่ไหวกับพรรคพลังประชารัฐ หากผอ.พรรคยังชื่อนายสุชาติที่ขบเหลี่ยมกินเกาเหลากันอยู่
ทำไปทำมาในมือผู้กองนัสจากตอนที่ถูกขับออกจากพรรคพลังประชารัฐ ณ มูลนิธิป่ารอยต่อ ตอนนั้น 21 คน ถูกพรรคภูมิใจไทยดูดไปแต่เนิ่นๆแล้ว 3 คน ล่าสุดก็แยกตัวไปอีก 4 คน เหลือผู้แทนในมือร.อ.ธรรมนัสแค่ 13 คน แถมในจำนวนนั้น 3-4 คนก็เป็นส.ส.บัญชีรายชื่อ ส่วนที่เหลืออีก8-9 คน ถึงเป็นส.ส.เขต แต่ถ้าไปดูรายละเอียดผลการเลือกตั้งรอบที่แล้วเมื่อ 24 มี.ค.2562 หลายคนชนะคู่แข่งได้เป็นส.ส.มาแบบเส้นยาแดงผ่าแปด บางคนชนะหลักร้อย บางคนพันต้นๆ หรือหลายพัน ที่ชนะฝ่ายตรงข้ามแบบทิ้งห้างเป็นหมื่นๆ มีแค่ร.อ.ธรรมนัสกับ ไผ่ ลิกค์เท่านั้น ถามว่าเลือกตั้งคราวหน้าส.ส.เขตทั้งเหนือ อีสาน ตะวันตก นอกจากที่พรรคเพื่อไทยเป็นคู่แข่ง ยังมีพรรคไทยสร้างไทย และพรรคพลังประชารัฐอีก ร.อ.ธรรมนัสกับพวกจะไปกันยังไง ล่าสุดยังไม่รู้ว่าผู้กองกับพวกจะไปอยู่ไหน ท่ามกลางกระแสข่าวติดต่อนายใหญ่ดูไบคนแดนไกลหนีคดีไว้แล้วว่าจะไปตายเอาดาบหน้ากับพรรคเพื่อไทย
อย่างไรก็ตามล่าสุด สัญญาณที่ออกจากนายห้างใหญ่ ดูเหมือนจะไม่ค่อยดีสำหรับร.อ.ธรรมนัส เพราะทักษิณพูดผ่าน เฟซบุ๊ก CAREแคร์ คิด เคลื่อน ไทย ในหัวข้อ “ ปราบยาบ้า-คุมอาวุธปืน คืนความสุขที่แท้จริงให้คนไทย” โดยยืนกรานไม่เคยมีการพูคุยเรื่องดึงก๊วนร.อ.ธรรมนัสเข้าพรรค “ ไม่มีดีลนี้แน่นอน ไม่เกี่ยว ไม่มีหน้าที่อะไรต้องไปดีล ถามว่ารู้จักไหมรู้จัก เพราะเป็นคนเหนือ เคยอยู่พรรคเพื่อไทยมาก่อน เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นน้อง แต่ทุกอย่างเป็นเรื่องของพรรค ระบบพรรค กระบวนการ กติกาของพรรค ต้องคุมคนในพรรคให้ปฏิบัติตามกติกา และมีหน้าที่ปฏิบัติตามในสิ่งที่พรรคได้พูด ให้สัญญากับประชาชนไว้ เคยพูดไว้ว่าศิษย์เก่าไทยรักไทยทั้งหลาย มีเยอะอยู่ในวงการเมือง ถ้าคนไหนออกไป ไม่เป็นปฏิปักษ์กับพรรค และเขาอยากกลับมาก็ไม่น่าเสียหายอะไร แต่คนที่ออกไปเป็นปฏิปักษ์กับพรรคก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง” ทักษิณระบุ งานนี้คิดได้สองมุม มุมแรกทักษิณอาจอุบไต๋เรื่องนี้ไม่อยากให้กลายเป็นประเด็นปัญหาเดี๋ยวจะทำให้พรรคเพื่อไทยลำบากหากมีการคัมบีกกลับมาจริงๆ หรือไม่อย่างนั้นนายใหญ่ก็อาจ “ไม่ให้ราคา” ผู้กองจริงๆ เพราะพูดแบบไม่ไว้หน้าไม่มีเยื้อใยไม่เหมือนคนรักใคร่ชอบพอกัน
อย่าลืมว่าสมัยก่อนตอนอยู่พรรคเพื่อไทยร.อ.ธรรมนัสไม่ใช่นักการเมืองแถวแรก แถวสองก็ไม่มีชื่อ เอาจริงๆก็อยู่แถวสามแถวสี่ เข้าเป็นสมาชิกพรรคตอนปี 2542 ปี 2557 เพิ่งเข้ามาอยู่ในลำดับบัญรายชื่อของพรรคลงเลือกตั้งแต่ก็ถูกยกเลิกโมฆะไปก่อน มาลืมตาอ้าปากได้จริงๆ ก็ตอนที่ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐชวนมาอยู่ด้วยกัน ได้เป็นส.ส.พะเยา เขต 1 ครั้งแรกเมื่อการเลือกตั้งคราวที่แล้ว แล้วก็เป็น “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ นี้แหละที่ไฟเขียวให้เป็นรัฐมนตรีขึ้นชั้นเป็นเสนาบดีครั้งแรกในตำแหน่งรมช.เกษตรและสหกรณ์ ก่อนมามือขึ้นสุดๆ หลังลุงป้อมดันให้ขึ้นกุมบังเหียนเป็นเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐช่วงปี 2564 แต่เพราะรอไม่ได้เย็นไม่เป็นใจเร็วด่วยได้มักใหญ่ใฝ่สูง จึงทำให้ก้าวพลาดผิดจังหวะ แถมยังถลำลึกทำผิดซ้ำซาก ริอาจจะล้มบิ๊กตู่กุดเขี้ยวบูรพาพยัคฆ์ที่สุดก็พ่ายแพ้ภัยตัวเอง ถูกปลดพ้นความเป็นรัฐมนตรีชนิดมีมลทิน ถูกขับออกจากพรรคพลังประชารัฐ ตั้งพรรคใหม่ก็มีปัญหาทะเลาะกับหัวหน้าพรรคตัวเองอย่าง “บิ๊กน้อย” พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน จนหัวหน้าต้องชิงลาออก อยู่มาวันดีคืนดีก็ลาออกจากหัวหน้าพรรคที่ตัวเองตั้งมากับมือ แถมเคยให้สัมภาษณ์ว่าจะนำพาพรรคนี้ให้เป็นที่พึ่งของชาวบ้าน หม้อข้าวไม่ทันดำฝนยังไม่ทิ้งช่วงผู้กองก็ลาโรงออกไปแล้ว จะไปอยู่กับพรรคเพื่อไทยก็คงลำบากเพราะคนในเพื่อไทยก็คงหวาดระแวงว่าร.อ.ธรรมนัสจะมาไม้ไหนจะเชื่อใจได้ไหม กลับพรรคพลังประชารัฐยิ่งยากเพราะแรงต้านเยอะโจทย์เก่าก็เพียบ แม้หัวหน้าพรรคอย่างลุงป้อมจะเอ็นดูแต่แกนนำหลายคนตั้งป้อมยี้ ไปไหนคนก็หวั่นอยู่กับใครก็ลำบาก เพราะเข้าแก๊งค์ไหนหัวหน้าตายหมด จากดาวรุ่งกลายเป็นดาวร่วงวันนี้ร.อ.ธรรมนัสกำลังทำตัวเองให้ “หมดราคา” เคยเป็นดาวฤกษ์แต่เพราะความห้าวเป้งปีนเกลียวไม่รู้จังหวะเวลา พาลทำให้ตกสวรรค์กลายเป็นดาวเคราะห์ “อับแสง” อนาคตก็ต้องตามดูว่าจะไปต่อทางการเมืองอย่างไร มาถึงวันนี้แบบโชกเลือดเพราะทำตัวเองแท้ๆ
/////////////////////////