นายแพทย์ชัยวัฒน์ เตชะไพฑูรย์ ผู้อำนวยการศูนย์สนับสนุนนักรบชุดขาวสู้ภัยโควิด-19 เปิดเผยกับ ผู้สื่อข่าว TOP NEWS ว่า สถานการณ์ตอนนี้ กำลังเข้าขั้นวิกฤตอย่างน่าเป็นห่วง บุคลากรทางการแพทย์ที่เป็นด่านหน้าเริ่มสู้ไม่ไหว จะเรียกว่า ระบบสาธารณสุขกำลังจะล้ม ก็ว่าได้ ตนเองเคยพูดหลายครั้งแล้วว่า ประเทศไทยต้องผลิตยาฟาวิพิราเวียร์ ด้วยตัวเอง ตอนนี้เรื่องของ ฟูจิฟิล์ม โทยามะ เคมิคอล จำกัด ที่เคยขอรับสิทธิ์บัตรยาฟาวิพิราเวียร์ ทางกรมทรัพย์สินทางปัญญาปฏิเสธคำขอรับสิทธิบัตรของฟูจิฟิล์ม โทยามะ เคมิคอล ไปแล้ว แต่ทางฟูจิฟิล์มได้ยื่นอุทธรณ์ และต้องรอผลอุทธรณ์ เป็นระยะเวลา 200 วัน ในระหว่าง200 วันนี้ ทางกระทรวงสาธารณสุข และ ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องควรพิจารณา ดำเนินการหาแนวทางการผลิตยาฟาวิพิราเวียร์ด้วยตัวเองได้แล้ว
นพ.ชัยวัฒน์ กล่าวต่ออีกว่า หากผลิตยาฟาวิพิราเวียร์ได้เองแล้ว ควรใช้แนวทางการผลิตแบบ พาราเซตามอลโมเดล คือ ต้องเป็นยาสามัญประจำบ้านที่ทุกบ้านเข้าถึงได้ และ สามารถหาซื้อ จับจองได้ในปริมาณหลายแผง ไม่ใช่ รอให้พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ก่อน ถึงแจกจ่ายยา ต้องทำให้ประชาชนเข้าถึงยาฟาวิพิราเวียร์ แบบไม่ต้องรอให้ติดเชื้อโควิด-19 ถึงได้รับยา การที่ให้ประชาชนเข้าถึงยาฟาวิพิราเวียร์ แบบเป็นยาสามัญได้ จะทำให้ผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 มีจำนวนลดลง
เมื่อผู้สื่อข่าว ถามว่า จากสถานการณ์ที่ผู้ติดเชื้อโควิด-19 และ จำนวนผู้เสียชีวิต เพิ่มขึ้นในทุกวัน ทำให้ รัฐบาลมีแนวคิด อาจใช้ อู่ฮั่นโมเดล หากนำ อู่ฮั่นโมเดล มาใช้ คิดว่าจะช่วยลดจำนวนการติดเชื้อโควิด-19 ได้หรือไม่ นพ.ชัยวัฒน์ กล่าว การนำ อู่ฮั่นโมเดล มาใช้ เป็นเรื่องที่ควรทำ และ ควรประกาศใช้ให้เร็วที่สุด นาทีนี้รัฐบาลต้องคำนึงถึงชีวิตประชาชน มากกว่า สภาพเศรษฐกิจ เพราะ ถ้าประชาชนไม่ฟื้น เศรษฐกิจก็ไปต่อไม่ได้