วันที่ 14 ตุลาคม 2565 ดร.สุวินัย ภรณวลัย ประธานยุทธศาสตร์วิชาการ สถาบันทิศทางไทย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หัวข้อ “รปภ.” นักรบแห่งแสง และขุมพลังสลิ่ม ว่า ถ้าไม่มี “รปภ.” มาขับเครื่องบินแทนในช่วงวิกฤตที่จะเกิดสงครามกลางเมือง ฝ่าฝันมรสุมลมพายุโควิด-19 และวิกฤตอื่นๆรอบทิศ จนกระทั่งสามารถ soft landing ได้สำเร็จ ประวัติศาสตร์ของบ้านเมืองนี้จะพลิกโฉมไปอีกแบบอย่างแน่นอน ในทิศทางที่ลงเหว และเลวร้ายกว่าปัจจุบันมาก
ดร.สุวินัย ลั่น ถ้าไม่มี รปภ.ขับเครื่องบิน ฝ่าพายุโควิดและวิกฤตอื่นๆบ้านเมืองเลวร้ายกว่าปัจจุบันมาก ชี้การด้อยค่า รปภ.และ ขุมพลังสลิ่ม แค่สะท้อนความอับจนทางความคิดของฝ่ายตรงข้าม ชี้บ้านเมืองช่วงนี้เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญ
ข่าวที่น่าสนใจ
การปรากฏของ “รปภ.” คือ state intervention รูปแบบหนึ่งที่สะท้อนความยืดหยุ่นในการรับมือกับวิกฤตแห่งรัฐของรัฐไทย (กองทัพไทย) อย่างที่หลายประเทศไม่มี ถ้าไม่มีการดำรงอยู่ของ “นักรบแห่งแสง” ที่เป็น Divine Intervention รูปแบบหนึ่งที่สะท้อนความศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินนี้ ขบวนการล้มเจ้าที่ครอบงำความคิดจิตใจคนรุ่นใหม่จะแผ่อิทธิพลอาละวาดในระดับเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นกับขบวนการเรดการ์ดในช่วงการปฏิวัติวัฒนธรรมของจีนอย่างแน่นอน
โฉมหน้าประเทศไทยที่ไม่มีทั้ง “รปภ.” “นักรบแห่งแสง” และ “ขุมพลังสลิ่ม” จะเป็นอีกจักรวาลหนึ่งที่เป็นจักรวาลคู่ขนานกับจักรวาลนี้ที่เผอิญมีทั้ง “รปภ.” “นักรบแห่งแสง” และ “ขุมพลังสลิ่ม” ได้ร่วมกันกำหนดเส้นทางและทิศทางประวัติศาสตร์ของบ้านเมืองนี้ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญที่สุดช่วงหนึ่ง
การดูแคลน ด้อยค่าทั้ง “รปภ.” และ “ขุมพลังสลิ่ม” มันก็แค่สะท้อนความอับจนทางความคิดของฝ่ายตรงข้ามเท่านั้นเอง คนพวกนี้อาจดูถูก เย้ยหยัน บทบาท “ปิดทองหลังพระ” ของ “นักรบแห่งแสง” ปล่อยให้อกุศลจิตและมิจฉาทิฐิครอบงำจิตใจคนพวกนี้ต่อไปเถิด โลกที่ไม่มีการปรากฏและการดำรงอยู่ของ “นักรบแห่งแสง” จะเป็นโลกที่สิ้นหวังยิ่งกว่า มืดมนยิ่งกว่า และไร้ความหมายยิ่งกว่าที่คนพวกนี้รู้สึกในตอนนี้มากมายนัก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง