สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 28 ก.ย. 2565 นายวิวัฒน์ สมบัติหลาย ประธานกลุ่มธรรมาภิบาล เครือข่ายภาคประชาชนต้านทุจริตและคอร์รัปชั่น ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ (ก.ล.ต. ) เพื่อติดตามความคืบหน้ากรณีการตรวจสอบผู้เกี่ยวข้องการก่อสร้างสระสำนักบก จ.ชลบุรี ไม่โปร่งใส และการเร่งจัดจ้างสร้างระบบท่อส่งน้ำหนองปลาไหล-หนองค้อ-แหลมฉบัง และสถานีเพิ่มแรงดันหนองปลาไหล เอื้อประโยชน์ต่อใครหรือไม่ โดยมีนางสาวฉันท์สุดา รักตะบุตร รองผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารและบริการผู้ลงทุน สำนักงาน ก.ล.ต.เป็นผู้รับหนังสือ
โดยระบุว่า กลุ่มธรรมาภิบาล เครือข่ายภาคประชาชนต้านทุจริตและคอร์รัปชั่น ได้รับมอบหมายจากเครือข่ายผู้ถือหุ้น บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ อีสท์วอเตอร์ หรือ EASTW ให้ติดตามสอบถามความคืบหน้า กรณีเครือข่ายผู้ถือหุ้นได้ยื่นหนังสือถึงเลขาธิการ ก.ล.ต. ตามที่ได้มีการร้องเรียนตามเลขที่ ซี 6503/0026 และ ก.ล.ต.เคยได้รับหนังสือร้องเรียนแล้ว ขณะนี้พบว่าเวลาผ่านมาเกือบ 7 เดือนแล้ว ทางเครือข่ายผู้ถือหุ้นฯ ซึ่งถือว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสียในอีสท์วอเตอร์ จึงต้องการทราบความคืบหน้าในการตรวจสอบและดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของก.ล.ต.ตามกฎหมาย ดังนี้
กรณี ที่ผู้รับจ้าง ซึ่งเป็นคู่สัญญากับอีสท์วอเตอร์ ในโครงการปรับปรุงสระเก็บน้ำสำนักบก ต.สำนักบก อ.เมืองชลบุรี จ.ชลบุรี วงเงิน 75 ล้านบาท ได้มีการปลอมและใช้เอกสารปลอม คือ ทำและนำหนังสือสัญญาค้ำประกันธนาคารปลอม หรือ Letter of Guarantee (LG) ปลอม เข้าทำสัญญาจ้าง ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำผิดสำเร็จแล้วนั้น และอาจเข่าข่ายการฟอกเงิน แต่ปรากฏว่าอีสท์วอเตอร์ ยังไม่มีการดำเนินคดีใดๆ ต่อขบวนการทำและใช้เอกสารปลอมขบวนการนี้แต่อย่างใด
โดยเครือข่ายผู้ถือหุ้นฯ จึงต้องการทราบผลการตรวจสอบตามอำนาจหน้าที่ของก.ล.ต. ว่า ขณะนี้ได้ดำเนินการถึงขั้นตอนใด และกรณีดังกล่าวอีสท์วอเตอร์ ต้องดำเนินการต่อผู้กระทำผิดที่มีลักษณะกระทำผิดเป็นขบวนการนี้ได้อย่างไรบ้าง
“ที่เคยยื่นเรื่องไว้กับก.ล.ต.เมื่อประมาณเดือนมีนาฯ ต้นปี เพื่อให้ตรวจสอบประธานกรรมการอีสท์วอเตอร์ เมื่อตอนช่วงเดือนมีนาฯ และทางผู้ถือหุ้นก็ได้มาสอบถามความคืบหน้าเป็นครั้งที่ 2 เมื่อเดือนพฤษภาฯ ที่ผ่านมา และมีครั้งที่ 3 ก็ยังไม่มีความคืบหน้า จึงได้มาสอบถามก.ล.ต.” ประธานกลุ่มธรรมาภิบาล กล่าว
นอกจากนี้ ยังมาติดตาม กรณี คณะกรรมการอีสท์วอเตอร์ ได้พิจารณาแผนดำเนินการจัดทำท่อส่งน้ำ EEC มูลค่า 4,291 ล้านบาท คือ โครงการระบบท่อส่งน้ำหนองปลาไหล-หนองค้อ-แหลมฉบัง และ โครงการก่อสร้างสถานีเพิ่มแรงดันหนองปลาไหล ที่มีลักษณะเร่งรีบและเร่งรัดจนเกินไป จนอาจจะไม่เป็นการคุ้มค่าและไม่เหมาะสมต่อวงเงินจัดซื้อจัดหา และหรือ อาจมีการดำเนินการเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อผู้หนึ่งผู้ใด ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้ถือหุ้น เครือข่ายผู้ถือหุ้นฯ จึงขอให้ก.ล.ต. ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าวว่า ขณะนี้ดำเนินการไปถึงขั้นตอนใดแล้ว
นายวิวัฒน์ กล่าวว่า จากการกระทำที่เกิดขึ้นได้ส่งผลกระทบต่อผู้ถือหุ้น เพราะบริษัทจะต้องมีจริยธรรม มีธรรมาภิบาล ในการดำเนินธุรกิจ เพราะเป็นบริษัทที่มีการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ดังนั้น หากไม่ดำเนินการคดีกับผู้กระทำความผิดและยังนำมาเป็นคู่สัญญาย่อมส่งกระทบกับผู้ถือหุ้นแน่นอน อีกทั้งกลุ่มผู้ถือหุ้นฯ ได้ตั้งข้อสงสัยกรณีที่ผู้บริหารอีสท์วอเตอร์ พบว่ามีการใช้เอกสารแบงก์การันตีปลอม แต่ไม่ดำเนินการแจ้งความเอาผิดบริษัทคู่สัญญา ทำให้ผู้ถือหุ้นตั้งข้อสงสัยว่ามีผู้ใดมีผลประโยชน์ร่วมด้วยหรือไม่