AFP และสำนักข่าวต่างประเทศหลักทุกสำนักต่างจับตาและรายงานข่าวการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนที่เปิดฉากขึ้นในวันนี้และจะมีไปจนถึงวันที่ 22 ตุลาคม รวม 1 สัปดาห์ โดยการประชุมเริ่มขึ้นในเวลา 10 นาฬิกาตามเวลาจีนหรือ 9 นาฬิกาตามเวลาของไทยภายในศาลามหาประชาคมที่กรุงปักกิ่ง โดยมีสมาชิกพรรคระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์จีนเข้าร่วมในการประชุมราว 2 พัน 300 คน
ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์เปิดการประชุม ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงกล่าวว่าการประชุมครั้งนี้มีขึ้นในช่วงเวลาสำคัญของประเทศ ท่ามกลางสิ่งท้าทายรอบด้าน พร้อมชี้แจงเรื่องนโยบายโควิดเป็นศูนย์ของจีนว่าจุดประสงค์เพื่อปกป้องชีวิตและสุขภาพของประชาชนคนจีน หลังจากที่นโยบายดังกล่าวเริ่มสร้างกระแสความไม่พอใจให้กับชาวจีน เนื่องจากมาตรการคุมเข้มสาธารณะ โดยเฉพาะการล็อคดาวน์และกักตัวเป็นเวลาเกือบ 3 ปี ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและภาคธุรกิจของจีน รวมทั้งการใช้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ซึ่งประธานาธิบดีสีกล่าวว่าขณะนี้นโยบายที่เข้มงวดดังกล่าวเริ่มส่งผลดีให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ในแง่ของการควบคุมและการป้องกันการแพร่ระบาด
สียังได้พูดถึงความสำเร็จในการบริหารเขตเศรษฐกิจฮ่องกงว่าสามารถควบคุมความสงบ และทำให้ฮ่องกงกงที่เคยเกิดเหตุจลาจลวุ่นวายกลับมาอยู่ในภาวะสงบเรียบร้อยได้อีกครั้ง
และในประเด็นไต้หวันที่หลายฝ่ายจับตามองอยู่นั้น ประธานาธิบดีสีได้กล่าวอย่างช้าๆและเน้นย้ำว่า จีนไม่เคยสัญญาว่าจะไม่ใช้กำลังกับไต้หวัน และการผนวกรวมไต้หวันเป็นหนึ่งเดียวกับจีนนั้นเป็นสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้น และจีนก็พร้อมที่จะเผชิญและจัดการกับความพยายามที่จะแยกตัวเป็นเอกราชของไต้หวัน
นอกจาก 3 ประเด็นสำคัญที่กล่าวไป ประเด็นสำคัญของการประชุมครั้งนี้อยู่ที่การคาดการณ์ว่าจะมีการอนุมัติต่ออายุการดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดีสีต่อเป็นสมัยที่ 3 ซึ่งหากเป็นไปตามคาดก็จะทำให้สีกลายเป็นผู้นำที่ทรงอำนาจมากที่สุดของจีน นับตั้งแต่ผู้นำเหมาเจ๋อตุง โดยคาดกันว่าในช่วง 7 วันของการประชุมซึ่งเป็นการประชุมแบบปิด จะมีการคัดเลือกสมาชิกราว 200 คนเป็นสมาชิกคณะกรรมการกลางของพรรคคอมมิวนิสต์ กับสมาชิกทางเลือกอีก 170 คน จากนั้น คณะกรรมการกลางจะเลือก 25 คนเป็นสมาชิกกรมการเมือง หรือ โปลิตบูโร ก่อนที่โปลิตบูโรจะเลือกสมาชิกคณะกรมการเมืองถาวร (PSC) ซึ่งมีอำนาจตัดสินใจทางการเมืองสูงที่สุดในประเทศ ตามปกติจะมีสมาชิก 5-9 คน ส่วนสมาชิกชุดปัจจุบันมี 7 คนรวมสี จิ้นผิงด้วย ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งเลขาธิการใหญ่หรือหัวหน้าพรรค
และหากประธานาธิบดีสีวัย 69 ปีได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคต่ออีกสมัย หรือ 5 ปีก็หมายความว่ามีความเป็นไปได้เกือบร้อยเปอร์เซนต์ที่เขาจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานาธิบดีต่อเป็นสมัยที่ 3 ในระหว่างการประชุมใหญ่ของพรรคในเดือนมีนาคมปีหน้า