ม.112 กลายมาเป็นประเด็นร้อนแรงทางการเมืองอีกครั้ง หลังพรรคก้าวไกลฝ่ายสามกีบก๊วนล้มเจ้า ออกมาเปิดนโยบายการเมืองชุดแรก ภายใต้หัวข้อ “การเมืองไทยก้าวหน้า” จัดระเบียบกองทัพ ใบแดงทหารเกษียณห้ามเล่นการเมือง 7 ปี ยุบกอ.รมน. ยกเลิกกฎอัยการศึก คืนที่ดินคืนธุรกิจของกองทัพกลับมาสู่ประชาชน ยกเลิการเกณฑ์ทหาร ลดนายพล จัดแถวศาลปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมให้ทำงานรับใช้ประชาชนอย่างแท้จริง ผู้พิพากษาต้องมีการแสดงบัญชีทรัพย์สินให้สาธารณะชนทราบ ให้ไทยลงสัตยาบันรับเขตอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) เพื่อนำคดีที่รัฐกระทำต่อประชาชนขึ้นชำระสะสาง ออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรมคดีการเมืองที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2557 หนักที่สุดคือ การประกาศแก้ไขกฎหมายที่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนได้แก่ กฎหมายอาญา มาตรา 112 มาตรา 116 พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ “ กฎหมายมาตรา 112 ที่สภาฯ ไม่ยอมบรรจุเข้าวาระ อ้างว่าขัดรัฐธรรมนูญ แต่พรรคยืนยันจะเดินหน้าผลักดันต่อไปหากได้เป็นรัฐบาล ขอย้ำว่าการแก้ 112 ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ไม่ได้กระทบต่อพระราชสถานะองค์พระมหากษัตริย์ในฐานะประมุขของประเทศ” รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกลแถลงข่าว
พลันที่พรรคก้าวไกลแถลงจุดยืนเรื่องนี้ ฝ่ายพรรคการเมืองขั้วรัฐบาลที่มีจุดยืนปกป้องสถาบันก็พาเหรดออกมาแสดงความเห็นคัดค้านตรงข้ามกับเรื่องนี้อย่างพร้อมเพรียง วานนี้ ( 19 ต.ค. 2565) จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาแสดงจุดยืนเรื่องนี้ของพรรคสีฟ้าชัดเจน ว่าประเด็น ม.112 พรรคจะไม่ “แตะ” และเห็นควรให้คงไว้เหมือนนานาอารยะประเทศที่ต้องมีกฎหมายปกป้องประมุขสูงสุดที่เป็นเสาหลักของประเทศ “พรรคประชาธิปัตย์ยึดมั่นการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และพร้อมสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยสมบูรณ์มากขึ้น โดยไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 ทั้งนี้ ยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่เอาด้วยกับการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เพราะไม่มีประเทศไหนที่ไม่มีบทคุ้มครองประมุขของประเทศ ” เสี่ยอู๊ดด้าระบุ
แต่หัวหน้าพรรคที่ออกตัวแรงในเรื่องนี้ และพูดเรื่องม.112 ได้โดนใจคนไทยรักสถาบันมากที่สุดเห็นจะไม่มีใครเกิน “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พรรคสายสีน้ำเงินตัวจริงเสียงจริง เที่ยวนี้ไม่ได้ออกมาคัดค้านคนคิดแก้ม.112 เฉยๆแบบเดิมๆ แต่ประกาศจุดยืนแทนพรรค แทนสมาชิกพรรค ในลักษณะ “เด็ดขาด- แข็งกร้าว-ชัดเจน” หัวเด็ดตีนขาดอย่างไรก็จะ “คัดค้าน-ต่อต้าน” การแก้ไข ม.112 อย่างสุดลิ่มทิ่มประตู เพราะพรรคภูมิใจไทยก่อตั้งขึ้นมา โดยมีอุดมการณ์ทางการเมือง ปกป้องสถาบันสำคัญของชาติเป็นข้อแรก เป็นหัวใจในการทำงานของพรรค เป็นอุดมการณ์ที่สมาชิกพรรคภูมิใจไทยทุกคนยึดถือเป็นหลักมั่นใจว่าคนไทยส่วนใหญ่ไม่รู้สึกว่า ม.112 เป็นปัญหาอุปสรรคในการดำเนินชีวิตหรือใช้ชีวิตประจำวัน จะมีก็แต่กลุ่มคนที่คิดจะท้าทาย คิดจะทำผิดกฎหมายเท่านั้นที่อยากแก้ไขเรื่องนี้
“พรรคภูมิใจไทย เราไม่แก้ไข และ จะคัดค้าน ขัดขวางถึงที่สุด รวมทั้งจะไม่ร่วมมือ ร่วมทำงาน กับพรรคการเมือง นักการเมือง หรือกลุ่มการเมืองที่แก้ไข ม.112 ทุกระดับ รวมไปถึงการจัดตั้งรัฐบาล หลังการเลือกตั้งครั้งหน้า หรืออีกกี่ครั้งก็ตาม ไม่ใช่เฉพาะพรรคก้าวไกล แต่พรรคจะไม่ร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคที่มีแนวคิดแก้ไข ม.112 รวมอยู่ด้วยเพราะมีอุดมการณ์ขัดแย้งกันจนไม่สามารถทำงานร่วมกันได้ ” อนุทินประกาศกร้าวไม่ทำงานร่วมกับพรรคก้าวไกลไม่ร่วมหัวจมท้ายกับพรรคที่มีแนวคิดล้มเจ้า เสี่ยหนูออกหมัดดอกนี้ ทั้งหนักทั้งคมทั้งตรงเป้า เสยปลายครางเพื่อไทยโยนระเบิดใส่ฝ่ายทักษิณแบบเต็มๆ ตกลง ม.112 พรรคเพื่อไทยจะเอาไงนักโทษแดนไกลหนีคดีจะมาไม้ไหน หนุนหรือค้านก็ปวดกบาลพอๆกัน
งานนี้ 2 พรรคใหญ่ในวงการพูดดังฟังชัดส่งสัญญาณให้ได้ยินกันทั้งแผ่นดิน พรรคประชาธิปัตย์ยืนกรานไม่แตะกฎหมายคุ้มครองเจ้านาย ฝ่ายพรรคภูมิใจไทยลั่นวาจาแข็งกร้าวไม่ผสมพันธุ์ไม่ร่วมสังฆกรรมพรรคสามกีบขั้วล้มเจ้า เบอร์ใหญ่ในวงการออกมาแสดงความคิดเห็นกันหมด งานนี้ก็เหลือแต่พรรคเพื่อไทยขาใหญ่สุดจะออกตัวอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ เที่ยวนี้พรรคเพื่อไทยฝ่ายทักษิณเรียกว่าจุกอกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะเจอเสี่ยหนูเขวี้ยงเผือกร้อนใส่ตักแบบเต็มๆ อย่างที่รู้ที่ผ่านมาฝ่ายเสื้อแดงพรรคนักโทษหนีคดีใช้กลยุทธ์สู้ไปกราบไปหน้าไหว้หลังหลอกมาตลอด คนอยู่ในแวดวงการเมืองทุกคนรู้ดีว่าพรรคทักษิณที่ผ่านมาใช้กลยุทธ์ “ลิงหลอกเจ้า” มาตลอด หัวแถวแกนนำปากก็บอกว่ารักเคารพสถาบันแต่ลับหลังก็สนับสนุนพวกล้มเจ้า ลักปิดลักเปิดทำตัวจับปลาสองมือมาตลอด ไม่แปลกที่ก่อนหน้านี้พรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลเคยเปิดศึก “ส้ม-แดง” ด่ากันเรื่อง “สู้ไปกราบไป” อย่างที่ทุกคนทราบดี
แต่มาเที่ยวนี้ดูเหมือนพรรคเพื่อไทยจะถูกไฟท์บังคับ ให้ต้องแสดงจุดยืนชัดเจนว่าตกลงแล้วประเด็น ม.112 จะเอายังไง จะยืนข้างไหน ด้านหนึ่งหากประกาศจุดยืนเห็นด้วยกับการแก้ไข ม.112 ยืนข้างเดียวกับพรรคก้าวไกลฝ่ายสามกีบขั้วล้มเจ้า ก็เสี่ยงเป็นอย่างยิ่งที่จะประกาศสงครามกับฝ่ายคนรักสถาบัน รวมถึงคนที่อยู่ตรงกลางซึ่งยังไม่ตัดสินใจว่าจะเลือกข้างไหนกาพรรคไหน ทีนี้ถ้าพรรคเพื่อไทยประกาศหนุนแก้ ม.112 ขึ้นมาจริงๆ ตรงนี้ก็จะกลายเป็นการไปยอมรับโดยอัตโนมัติว่ามีแนวคิดล้มล้างสถาบันซึ่งความจริงคนไทยก็รู้อยู่แล้ว เพราะที่ผ่านมาแกนนำและส.ส.หลายคนก็มีแนวคิดเรื่องนี้ฝังหัวอยู่แล้ว แต่ก็ต้องแสดงตัวเป็นอีแอบไม่เปิดไต๋เรื่องนี้แบบจริงๆจังๆ เพราะกลัวจะตกเป้าโจมตีของสังคมและอาจซวยถูกร้องเรื่องยุบพรรค อย่างไรก็ตามอีกด้านหนึ่งถ้าพรรคเพื่อไทยไม่เอาด้วยกับพรรคก้าวไกลไม่แสดงท่าทีเรื่อง ม.112 ให้ชัดเจน แนวทางนี้ก็จะทำให้พรรคมีผลกระทบใหญ่หลวงไม่แพ้กัน อย่าลืมว่าฐานเสียงของพรรคเพื่อไทยกับฐานเสียงของพรรคก้าวไกล มันกลุ่มเดียวกันพวกเดียวกัน วัยรุ่น คนรุ่นใหม่ พวกทุนนิยม พวกสามกีบ พวกล้มเจ้า พวกชังชาติ พวกเกลียดรัฐบาล พวกต้านทหาร ฯลฯ ถ้าพรรคเพื่อไทยประกาศจุดยืนเรื่องนี้ไม่ชัด คะแนนเสียงกลุ่มเหล่านี้นรับรองว่าเทไปหาพรรคก้าวไกลหมดแน่ๆ อีกประเด็นที่สำคัญถ้าพรรคเพื่อไทยไม่มีพวกไว้เป็นกองหนุนไม่มีพรรคการเมืองไว้เป็นพันธมิตรบ้าง ถามว่าพรรคเพื่อไทยจะเอาเสียงส.ส.จากไหนมาหนุนให้ตัวเองเป็นแกนนำรัฐบาล ดันแคนดิเดตของพรรคไม่ว่าจะเป็น “อุ๊งอิ๊ง-เศรษฐา” ให้เป็นนายกฯ เพราะเลือกตั้งคราวหน้า ต่อให้พรรคเพื่อไทยมั่นใจว่าจะเป็นที่ 1 นอนมา แต่บวกลบคูณหารยังไงก็ไม่มีทางแลนด์สไลด์ได้ส.ส.เกิน 250 คน อย่างแน่นอน
เที่ยวหน้ามีทั้งพรรคภูมิใจไทย พรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคไทยสร้างไทย พรรคสร้างอนาคตไทย พรรครวมไทยสร้างชาติ ไหนจะพรรคเล็กพรรคน้อยอีกจำนวนมาก ต่อให้กลับไปใช้เลือกตั้งวิธีเก่าบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ใช้สูตรหาร 100 ที่พรรคเพื่อไทยกระหยิ่มยิ้มย่องว่าจะเข้าทางพรรคใหญ่ มันไม่ง่ายหรอกครับนายที่จะชนะเลือกตั้งแบบเลนด์สไลด์ยังไงพรรคเพื่อไทยก็ต้องพึ่งใบบุญพรรคก้าวไกลของฝ่ายสามกีบล้มเจ้าหากอยากลุ้นเป็นรัฐบาลชิงเก้าอี้นายกฯ เพราะฉะนั้นถ้าเห็นต่างเรื่อง ม.112 แล้วจะไปกันยังไง พรรคเพื่อไทยเจอโจทย์ยากมีหมากบังคับอยู่ หนุน 112 ก็ไม่ได้ ต้าน 112 ก็ไม่ดี ก็ต้องออกแนวกั๊กๆ ครึ่งผีครึ่งคนไปแบบนี้ สุดท้ายก็คงต้องใช้แนวทางสู้ไปกราบไปเหมือนเดิม เพราะไม่ว่าจะไปทางไหนก็ตายหยังเขียด เลือกตั้งเที่ยวหน้ากระแสพรรคเพื่อไทยตอนนี้อาจจะดี แต่ก็ไม่ได้การันตีว่าจะเข้าวินแบบง่ายๆ 3 ป.บูรพาพยัคฆ์ “บิ๊กตู่-ลุงป้อม-บิ๊กป๊อก” ครองอำนาจมา 8 ปี อำนาจ บารมี เงินทองมีพร้อม “พลังประชารัฐ ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์” 3 พรรคใหญ่จับมือเป็นรัฐบาลมายาวนาน ทะเลาะกันให้ตายสุดท้ายก็จับมือกัน ต้านทักษิณทำสงครามกับนายห้างดูไบแน่ จู่ๆจะยอมพ่ายแพ้ให้เปลี่ยนขั้วเปลี่ยนข้างเล่นกันง่ายๆ ไม่มีทางเป็นไปได้ กว่าจะถึงวันเลือกตั้ง ยังมีกุศโลบายยังมีแทกติกอีกเยอะ ไม่มีทางที่พรรคเพื่อไทยจะชนะเลือกตั้งได้ง่ายๆ อย่างแน่นอน
///////////////////////